กลุ่มวัยรุ่นยกพวกทำร้ายสาวร่ำไห้กราบขอโทษ เผยรู้สึกผิด ส่วนผู้เสียหายยันดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากกรณีที่ในโซเชียลมีการแชร์ภาพวงจรปิดเหตุการณ์ ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งถูกรุมทำร้าย จนต้องก้มกราบเพื่อร้องขอชีวิต โดยทราบว่าเหตุการณ์เกิดที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว และปมเหตุมาจากเรื่องการโยนกุญแจ ลงมาถูกหลังคารถจนบุบ ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน และนำมาสู่การรุมทำร้าย

(8 มิ.ย.) เมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าที่ตำรวจสน.ลาดพร้าว ได้มีการเรียกผู้เสียหาย และกลุ่มคู่กรณีประมาณ 5 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติ่ม ก่อนจะการให้ทางคู่กรณีตรวจปัสสาวะ  

จากนั้นเมื่อเวลา 14.10 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาที่ห้องประชุมชั้น 3 ของสน.ลาดพร้าว เพื่อมาพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกัน โดยทางผู้เสียหายยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ขอพูดคุยไกล่เกลี่ย

ในขณะที่ทางคู่กรณีได้มีการพูดขอโทษกับผู้เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางคู่กรณียืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนได้มีการนั่งสูบบุหรี่อยู่บริเวณหน้าระเบียง ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนขึ้นมาคล้ายเรียกพวกตน ก่อนที่พวกตนจะชะโงกหน้าออกไปบริเวณระเบียง จากนั้นตนก็เห็นผู้เสียหายตะโกนพูดขึ้นมาว่า “ได้โยนอะไร มาโดนรถหรือเปล่า” ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้โยนอะไรลงไปด้านล่าง และยืนยันว่าไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางผู้เสียหายไม่ยอมฟัง ยังมีการด่าทอต่อว่าตน พร้อมมีการชี้หน้าด่าเพื่อนตน ประมาณว่า “กระเทยตุ๊ด กระเทยแก่” ด้วยความโมโห เพื่อนที่ถูกด่าจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาแม่ ประกอบกับตนได้ยินผู้เสียหายโทรศัพท์หาปลายทาง ซึ่ง ณ ตอนนั้น ตนก็ไม่ทราบว่า ปลายสายเป็นสามี นึกว่าผู้เสียหายโทรศัพท์เรียกพวก เพราะผู้เสียหายมีการพูดประมาณว่า “เดี๋ยวมึงเจอกูแน่”



โดยขณะที่คู่กรณีพูดอยู่นั้น ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า คู่กรณีมีอาการมือสั่น และร้องไห้อยู่ตลอดเวลา โดยแม่ของคู่กรณีบอกว่า ลูกมีอาการป่วยทางจิต เป็นแพนิค และซึมเศร้า และหลังจากเกิดเหตุขึ้นทำให้ลูกเกิดความเครียด โดยเฉพาะคอมเมนต์จากสื่อโซเชียลที่รุนแรง จนลูกเกือบจะฆ่าตัวตาย และวันนี้เองลูกก็ตั้งใจมาขอโทษ เพราะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ โดยเจ้าตัวยกมือไหว้และขอโทษผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการให้เหตุการณ์รุนแรงหรือบานปลายมากขนาดนี้ ไม่อยากให้บุคคลรอบข้างได้รับความเดือดร้อนจากกรณีขอตัวเอง ยืนยันขอรับผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย



จากนั้นได้เปิดเผยต่อว่า วันเกิดเหตุตัวเองโมโหมาก เนื่องจากถูกด่าทอด้วยถ้อยทำเหยียดเพศ ทำให้รู้สึกไม่พอใจมากและยอมรับว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงเข้าไปทำร้ายอย่างที่เห็น แต่พอผู้เสียหายบอกว่าท้อง ก็หยุดทำร้าย และได้ขอโทษผู้เสียหายในวันเกิดเหตุแล้ว ซึ่งได้พยายามพาผู้เสียหายไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจอาการข้างเคียงว่ามีผลกระทบต่อลูกหรือมีการแท้งหรือไม่ แต่วันนั้นผู้เสียหายไม่ยินยอมที่จะไปด้วย



ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่ใส่กำไล EM และปรากฎในภาพกล้องวงจรปิดว่ามีการถืออาวุธมีดมาด้วย พบว่าเป็นแฟนของเจ้าของห้อง พอรู้เรื่องก็รีบมาช่วย เพราะคิดว่าแฟนจะถูกทำร้าย จึงพกมีดมาด้วย แต่พอมาถึงและเห็นว่าคู่กรณีเป็นผู้หญิงและเหตุการณ์เริ่มสงบลง จึงกลับไปและไม่ได้ทำร้ายใครทั้งนั้น  

ส่วนที่ถูกดำเนินคดีและมีกำไล EM อยู่นั้น โดนแจ้งข้อหาร่วมก่อเหตุ แต่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ในกรณีแก๊งวัยรุ่นปะทะไรเดอร์ยิงเดือดกลางแยก ย่านบึงกุ่ม ดับ 1 เจ็บ 3 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา

ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยทำข้อตกลงร่วมกัน โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร เนื่องจากว่าคดีนี้หากสามารถเจรจากันได้ก็จะไม่มีการดำเนินคดี ในขณะที่ผู้เสียหายยังยืนยันว่าจะดำเนินตดีตามขั้นตอนของกฎหมาย



โดยภายหลังทางคู่กรณีได้มีการยกมือไหว้กราบขอโทษแนบตักผู้เสียหาย โดยมีอาการร้องห่มร้องไห้ ด้วยความรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าทางผู้เสียหายจะดำเนินคดีกับทางคู่กรณีก็ตาม