สังคม

หญิงวัย 57 หวาดผวา ถูกวินจยย.ปาของและด่าใส่ หวั่นคลั่งเสพยาแล้วมาทำร้าย

โดย kanyapak_w

8 มิ.ย. 2567

522 views

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รับเรื่องร้องเรียนจากป้าวัย 57 ปีและลูกสาววัย 31 ปี รายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ย่านบางแค ถูกเพื่อนบ้านเป็นวินจักรยานยนต์ปาสิ่งของใส่หลังคาบ้านและชอบตะโกนด่าทั้งเช้าทั้งเย็น เป็นที่เอือมระอาและทนมากกว่า 5 ปีแล้ว



โดยคุณป้าเล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากเมื่อปี 2563 วินจักรยานยนต์คนนี้ได้มีการตะโกนด่าทอภายในบ้าน แต่เสียงได้ยินมาถึงบ้านตน ซึ่งตอนแรกตนก็ยังไม่ได้รู้สึกเอะใจและไม่ได้ให้ความสนใจ จนเมื่อเดือนธันวาคม 2563 วินคนนี้มีการเอ่ยชื่อลูกชายของตน จึงได้ไปสอบถาม ปรากฏว่า เขายอมรับผิดขอโทษ อ้างว่า เขาหูแว่วได้ยินเสียงลูกชายของเขาด่าตลอดเวลา แม้กระทั่งนอนหรือแปรงฟันก็ได้ยินเสียงลูกชายของตนไปด่าเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง เพราะลูกชายอยู่แต่ในบ้าน พร้อมกันนี้เขายอมรับกับตนว่า เขาได้มีการเสพยาเสพติดจริงและรับปากว่าจะไม่ทำอีก ตนก็เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ว่าเขาก็ยังคงตะโกนด่าเรื่อย ๆ



จนกระทั่งเดือนพฤษภาคมปี 2564 เขาได้เริ่มขว้างปาสิ่งของใส่หลังคาบ้านของตนจนได้รับความเสียหาย โดยครั้งนั้นได้ปาครกใส่บ้าน ตนจึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง  ซึ่งคดีนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้ว เนื่องจากเรื่องไปถึงศาลอาญาธนบุรี ซึ่งมีคำพิพากษาให้จำคุกชายคนดังกล่าว แต่ลงลงอาญา 2 ปี พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 40,000 บาท ซึ่งตอนนั้นแนวทางของศาลอยากให้มีการไกล่เกลี่ยกันมากกว่า เพราะถือว่าเป็นเพื่อนบ้าน ตอนนั้นตนก็ยินยอมและวินคนนี้ก็จะยอมจ่ายชดใช้ค่าเสียหายตามคำสั่งศาล แล้วหลังจากนั้น 1 ปีผ่านไป วินคนนี้ก็ไม่มีการมาคุกคาม ตะโกนด่าหรือปาสิ่งของใส่บ้านตนเองอีก



จนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 2566 วินจักรยานยนต์คนนี้เกิดคุ้มคลั่งมาทุบกำแพงบ้านของตน พร้อมกับตะโกนด่าตนอีกครั้ง โดยได้มีการไปแจ้งความกับตำรวจ สน.หลักสอง แล้ว ก็เรียกให้วินคนดังกล่าวมาไกล่เกลี่ยและวินคนนี้ก็ยอมที่จะซ่อมแซมกำแพงบ้านให้ แต่หลังจากนั้นเรื่อยมา วินคนนี้ก็ยังมีการตะโกนด่าและขว้างปาสิ่งของมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นก่อนที่เขาจะเดินทางออกไปวิ่งวิน ก็จะมีการตะโกนด่าตนด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและกล่าวหาว่า ตนไปมีอะไรกับพระหรือตำรวจ ตอนกลางวันขนาดเขาก็ออกไปทำงาน ก็ยังมีการขี่มอเตอร์ไซค์มาด่าตนถึงหน้าบ้าน ตกดึกก็ยังคงเป็นการตะโกนด่าตนอีกจนแทบไม่หลับไม่ได้นอน นอกจากนี้ยังมีการพูดจาข่มขู่จะทำร้ายร่างกายคนในบ้านของตน โดยเฉพาะลูกชายของตนอีกด้วย



ตั้งแต่นั้นเรื่อยมาจน ได้ไปแจ้งความกับ สน.หลักสอง เกือบทุกวัน พร้อมทั้งบอกกับตำรวจว่า ชายคนนี้อ้างว่าเคยติดยาเสพติด นอกจากนี้เมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวยังเคยบุกมาคุกคามตนถึงภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ตนเป็นครูอยู่ แต่ดีที่ตอนนั้นคุณครูช่วยกันห้ามเอาไว้ทันและไม่เกิดเหตุอันตรายใด ๆ แต่ในวันนั้นมีเด็กเล็กอยู่กันเป็นจำนวนมาก ตนได้รับมอบหมายจากศูนย์เด็กเล็กให้ไปแจ้งความกับตำรวจอีกครั้ง



ปรากฏว่า ตำรวจ สน.หลักสอง รับเพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน แต่ไม่ดำเนินการทางคดีให้ เพราะอ้างว่า ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ชายคนดังกล่าวทำนั้นเป็นเพียงแค่การกลั่นแกล้ง ตำรวจอย่างอ้างอีกว่า ไม่มีหน้าที่ในการคุมตัวชายคนดังกล่าวไปตรวจสารเสพติด เพราะชายคนดังกล่าวนั้นอยู่ภายในบ้าน ไม่สามารถเอาตัวออกมาได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว อีกทั้งกรณีการบุกไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะมองว่า ยังไม่เกิดความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ตนได้บอกไปว่า เขาอาจจะมีอาวุธบุกเข้าไปได้และอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยคล้ายเหตุสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภูเมื่อปี 2565 แต่ตำรวจกับผู้บอกกับตนเพียงแค่ว่า "อย่าคิดมาก"



หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตนต้องทนทุกข์ทรมานกับพฤติกรรมของวินคนดังกล่าว ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ไม่มีใครให้พึ่งพิง เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ชายคนนี้ก็ยังคงขว้างปลาก้อนหินและอุปกรณ์ทำครัวใส่บ้าน แล้วตะโกนด่าตนทั้งเช้าทั้งเย็นและกลางคืน



ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวได้โพสต์ลงในกลุ่มของหมู่บ้านเพื่อร้องเรียนหาว่า บ้านของตนมีการทำคุณไสยใส่เขา จนโพสต์เพื่อถามหาว่า ใครพอมีเบอร์ติดต่อของหมอผีบ้าง แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้มีการนำเครื่องรางของขลังลอบมาแขวนหน้าบ้านตน ไปจนถึงทุกทำลายกระถางต้นไม้ เปิดเพลงบทสวดท้าวเวสสุวรรณช่วงประมาณเที่ยงคืนเพื่อจงใจให้บ้านของตนได้ยิน



ตนและครอบครัวรู้สึกวิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ที่ผ่านมาอยู่ด้วยความหวาดระแวงมาโดยตลอด เพราะนอกจากการด่าทอและการปาสิ่งของใส่แล้ว ยังไม่รู้ว่าเขาจะบุกมาที่บ้านของตนเมื่อไหร่ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมที่ตามคุกคาม แม้กระทั่งบุกไปยัง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เลยตัดสินใจมาร้องเรียนงานเพจสายไหมต้องรอด เพราะเนื่องจากตำรวจ สน.หลักสอง ก็ไม่สามารถพึ่งพาได้



ด้านนายเอกภพเปิดเผยว่า หลังจากนี้จะประสานตำรวจ สน.หลักสอง เพื่อลงพื้นที่ไปดำเนินการจับกุมวินคนดังกล่าว เพราะถือว่าไม่ใช่คนที่มีปัญหาทางจิตอย่างเดียว แต่ถือว่ามีพฤติกรรมอันตรายที่เป็นภัยต่อสังคม สงสัยว่าวินคนนี้สามารถมาขับรถสาธารณะได้อย่างไร เพราะอาจจะเป็นอันตรายแก่ผู้โดยสารได้ อีกทั้งยังเคยมีพฤติกรรมบุกไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก



ซึ่งเขาอาจจะพกพาอาวุธแล้วไปก่อเหตุซ้ำรอยคล้ายเหตุสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภูได้ จึงตั้งคำถามกลับไปยังพนักงานสอบสวน สน.หลักสองว่า ทำไมคุณถึงหละหลวมการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ทำไมถึงคิดโลกสวยกับคนแบบนี้ หรือต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก่อนถึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้



อีกทั้งการปฏิเสธนำตัวชายต้องสงสัยคนนี้ไปตรวจสารเสพติดทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หมายความว่าอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้จะมีการเร่งรัดให้ ผกก.สน.หลักสอง ตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจดังกล่าวอย่างละเอียด



ด้านนายเอกภพได้ประสานผ่านไปยัง พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เพื่อดำเนินการสั่งการให้ ผกก.สน.หลักสอง สั่งการให้ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมลงพื้นที่ไปพร้อมกับทีมงานสายไหมต้องรอดและผู้เสียหาย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป



ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสามารถจับตัวชายคลั่งดังกล่าวได้แล้ว โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมชายคนดังกล่าวพยายามที่จะลากถูแม่ตัวเองเข้าไปในบ้าน แต่ทำไม่ได้ จึงปิดประตูหลบหนีเข้าไปในบ้าน แต่สุดท้ายไม่รอดโดนรวบตัว



คุณอาจสนใจ