สังคม

แม่เด็ก 8 ขวบ นัด 15 มิ.ย. ท้าพิสูจน์ความจริง เชื่อมจิตออนไลน์ - ยกขบวนไปวัดสวนแก้ว กราบพระพยอม

โดย passamon_a

5 มิ.ย. 2567

75 views

ครอบครัวเชื่อมจิต บุก พม. ยื่นขอคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก 8 ขวบ พม.สั่งยุติห้ามเอาเด็กไปหาผลกำไร ด้านแม่รับปากจะดูแลลูกอย่างดี - แม่เปิดใจ หลังจากนี้น้อง 8 ขวบจะไม่หยุดสอนธรรม นัด 15 มิ.ย. ท้าพิสูจน์ความจริง เชื่อมจิตออนไลน์ - ยกขบวนไปวัดสวนแก้ว กราบพระพยอม


เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 ที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. นายพิชญะ และ น.ส.นัฐพร พ่อแม่ของน้องไนซ์ เด็ก 8 ขวบ พร้อมน้องไนซ์ และทนายธรรมราช สาระปัญญา เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. หลังอ้างว่าน้องไนซ์และครอบครัว ถูกใส่ร้ายจากกลุ่มบุคคลไม่หวังดี ใส่ร้ายว่าเป็นลัทธิ ทำให้ได้รับความเสียหายและทำให้อับอาย อันเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมขอให้ พม.มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพให้น้องไนซ์ด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวของเด็กลงจากรถตู้ส่วนตัว โดยมีทนายธรรมราช เดินนำหน้า ส่วนพ่อและแม่ประกบลูกชาย ก่อนที่จะเดินฝ่าเข้าไปภายในศูนย์ช่วยเหลือสังคม ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปนั้น มีสื่อมวลชนเข้ามาร่วมถ่ายรูปครอบครัวเด็ก ทำให้น้องดูตกใจไม่น้อย พ่อของน้องจึงได้ตบบ่าเบา ๆ ว่า "พ่ออยู่ตรงนี้"


ขณะที่มีแฟนคลับบางส่วนนำดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจ พร้อมตะโกนให้กำลังใจเสียงดังก้อง ด้านแม่เด็กบอกกับคนที่มาให้กำลังใจว่า "เดี๋ยวน้องออกมา"


ต่อมา นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยภายหลังร่วมพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็ก 8 ขวบ และทนายความ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นางอภิญญา กล่าวว่า พ่อและแม่ของเด็ก 8 ขวบ ได้นำหนังสือมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ ให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม. จ.สุราษฎ์ธานี จากกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านของเด็ก 8 ขวบ และเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ส่วนรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ซึ่งจากการพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ได้มีคำสั่งให้พ่อแม่ยุติการนำลูกไปแสวงหากำไร ให้คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กเป็นหลัก ซึ่งทางพ่อแม่รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี


จากการพูดคุยพ่อแม่และเด็ก 8 ขวบ ก็ดูปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร บรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการตรวจสอบข้อเท็จจริง


ขณะที่ทาง พม. ได้ติดตามกรณีที่พ่อแม่เด็ก 8 ขวบ ได้ยื่นขอให้ไต่สวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม. จ.สุราษฎร์ธานี กรณีฉุกเฉินนั้น แต่ปรากฏว่าศาลได้ตอบกลับมาว่าจะไต่สวนเป็นกรณีปกติ ขณะนี้ทาง พม.อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร เพื่อไปยื่นต่อศาลในวันไต่สวน วันที่ 17 มิถุนายนนี้ ส่วนเรื่องที่จะดูแลเด็กอย่างไรนั้น จะต้องมีตรวจสอบหลังจากนี้ เนื่องจากวานนี้ พ่อแม่ได้ยื่นเอกสารเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครอบครัวเครียดกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นหรือไม่นั้น หรือมีแนวโน้มความเครียดถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือไม่ นางอภิญญา กล่าวว่า จากการสังเกตก็ดูว่าครอบครัวของเขาอบอุ่นดี ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ พร้อมกับย้ำว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นางอภิญญา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่นั้น พ่อ แม่ น้องไนซ์ และทนายธรรมราช ได้ขึ้นรถรถตู้ออกไปจากกรมการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทันที สร้างความมึนงงให้กับผู้สื่อข่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ครอบครัวของน้องไนซ์ ประสงค์ที่จะออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าน้องไนซ์และครอบครัวถูกใส่ร้าย จากสื่อและกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี ใส่ร้ายว่าเป็นลัทธิ ทำให้ได้รับความเสียหาย ทำให้อับอาย อันเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


แต่ต่อมา ทนายธรรมราช ได้ขึ้นสเตตัสในเพจเฟซบุ๊กของทนายว่า "กำลังเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อมอบหลักฐานข้อเท็จจริง ให้กับ บก.ปอท."


ต่อมา ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวเด็ก 8 ขวบ และทนายธรรมราช เดินทางมายื่นหลักฐานข้อเท็จจริง กรณีที่ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ยื่น ปอท. ตรวจสอบลัทธิเชื่อมจิต โดยกล่าวอ้างว่าเป็นการหลอกลวง บิดเบือนศาสนาให้คนหลงเชื่อ


โดย ทนายธรรมราช ระบุว่า หลักธรรมคำสอนที่เด็กชายวัย 8 ขวบ ใช้เป็นหลักในการสอนให้กับผู้ที่ศรัทธา ทั้งหมดมาจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่ทนายความคู่กรณีกลับมาแจ้งความร้องทุกข์และนำหลักฐานซึ่งเป็นเพียงหลักความเชื่อ ซึ่งมีจำนวนเล่มที่บางกว่า แตกต่างจากหลักคำสอนที่เด็กชายวัย 8 ขวบยึดถือปฏิบัติ ตนเองจึงนำหลักธรรมคำสอนทั้งหมดมามอบให้กับพนักงานสอบสวน ปอท. เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินการทางคดี ซึ่งหลักฐานชุดนี้เป็นหลักฐานชุดเดียวกับที่ได้ยื่นให้กับทาง พม.ไปเมื่อเช้า


ด้าน แม่เด็ก 8 ขวบ เปิดเผยว่า หลังจากยื่นเอกสารที่ พม.แล้ว ก็นำเอกสารชุดเดียวกันมามอบให้ทางกองปราบปราม เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แถลงข่าวที่ พม.นั้น เนื่องจากผู้ใหญ่ที่ พม.เป็นห่วงเรื่องการเบียดเสียด นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน จึงแถลงข่าวด้วยตัวเอง ทางครอบครัวจึงเดินทางมาที่กองปราบปราม โดยหลักฐานที่มอบเป็นเรื่องเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาและก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทนายท่านหนึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับน้อง ครอบครัว และเพจนิรมิตเทวาจุติ ในข้อกล่าวหา นำข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแสวงหาประโยชน์


ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าวานนี้ เจ้าหน้าที่ พม. มีโอกาสได้พูดคุยกับน้อง และเจ้าหน้าที่ถามน้องว่า "ความรู้ตรงนี้ ได้มาจากที่ไหน" ซึ่งน้องก็บอกไปว่า "เป็นความรู้ที่ติดตัวมาจากข้างบน" และก่อนที่จะเดินทางกลับ น้องได้สวมกอดเจ้าหน้าที่ พม. ก่อนจะบอกว่า "ฝากเรื่องของน้องด้วยนะ" ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับปากว่าจะดูแลให้ ซึ่งภาพที่แม่ได้เห็น เป็นความประทับใจระหว่างที่น้องได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พม.


ขณะเดียวกันแม่เด็ก 8 ขวบ ยังได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ที่ไป สน.ทองหล่อ เนื่องจากมีหมายเรียกรวมทั้งหมด 3 คน คือ พ่อ แม่ และน้อง ซึ่งจริง ๆ ครอบครัวตั้งใจจะเข้าไปวันที่ 4 แต่อยู่ ๆ น้องลงเครื่องมา น้องบอกว่าจะไปวันที่ 3 มิ.ย.เลย ปกติน้องจะเป็นคนบอกอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง


และน้องได้บอกกับพ่อแม่ว่า สิ่งที่จะได้เห็นต่อจากนี้ สน.ทองหล่อ จะได้เห็นหมดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบ้าง แล้วสิ่งที่ได้เห็น แม่จะสามารถเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง ๆ แต่ใช้คำว่านิมิตร หรืออะไรแม่ไม่รู้ แต่ที่น้องพูดมาไม่มีพลาด และเกิดขึ้นจริง ๆ


แม่เด็ก 8 ขวบ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง และตนเองต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ เป็นความประทับใจ บรรยากาศในช่วงที่สอบสวน ก็เป็นบรรยากาศที่น่ารัก ซึ่งไม่ตรงกับที่มีคนพูดเลย ว่า "น้องก้าวร้าวกับตำรวจ" นั้นไม่เป็นความจริง และที่สำคัญประโยคบางประโยค ที่มีการแจ้งความไว้นั้น น้องก็ยืนยันว่าน้องไม่ได้พูด และจะมีการแจ้งความกลับด้วย


เมื่อถามย้ำว่า ตัวแม่เอง มองว่าบรรยากาศน่ารัก แต่ว่าประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจ 2 มาตรฐาน แม่ขยายความว่า ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นการย้ำให้เห็นว่าน้องไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวตามที่คุณพูด น่ารักในมุมมองผู้ใหญ่กับเด็ก ส่วน 2 มาตรฐานหรือไม่ ตนไม่รู้


ส่วนเรื่องการปั๊มลายนิ้วมือ ที่ไม่ยอมขึ้นไปชั้น 2 นั้น เพราะมองว่าน้องเป็นเด็ก ไม่ว่าพ่อแม่จะทำอะไร อยู่ตรงไหน น้องจะอยู่ตรงนั้น ส่วนเรื่องการปีนบันไดหนีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทำไมถึงจะต้องปีนหนีด้วย อีกทั้งการพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่มีเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องพิมพ์ตรงไหน


ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวเกิดขึ้นมากมาย มองว่าครอบครัวนำน้องมาเป็นโล่กำบัง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าที่ผ่านมาครอบครัวของเราไม่ว่าจะไปไหนมาไหน จะไปกันแบบครอบครัว พ่อแม่ลูกเสมอ เพราะว่าครอบครัวของเราอบอุ่น พร้อมกับยอมรับว่า ไม่ได้รู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีบางประเด็นที่คาใจ โดยเฉพาะประเด็นที่นำเสนอออกมาแบบไม่เป็นความจริง บางคนยังไม่รู้จักกับน้องเลย แต่ตัดสินไปแล้ว อยากให้มองว่าน้องเป็นเพียงแค่เด็ก 8 ขวบ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นคนธรรมดาก็คงจะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น  แต่น้องบอกกับครอบครัวเสมอว่า "ความจริงอย่ากลัวการโจมตี" ทางครอบครัวไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร


ทั้งนี้ "แม่ขอให้ความรู้นิดนึง สิ่งที่เกิดขึ้น แค่มีคนคนหนึ่งมาแจ้งความ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต หรือร้ายแรงอะไรที่จะต้องทำเหมือนเราเป็นอาชญากร ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เราแค่มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วมาดูว่าตรงนั้นตรงไหม จะปฏิเสธไหมเท่านั้นเอง เป็นแค่คดีหมิ่นประมาท"


พร้อมกันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ น้องเป็นคนบอกเองว่าให้แจ้งความกลับ เนื่องจากน้องมีความรู้สึกว่าโดนคุกคาม ในขณะที่น้องกำลังพูดคุยกันในห้องสอบสวน จะได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาในห้องตลอดเป็นคำด่า ตำรวจที่อยู่ที่นั่นก็รู้ดี เพราะอยู่กันหลายคน เหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ ตนเองขอเรียกว่าอำมหิตมาก หลังจากข่าวออก ก็มีการปลุกระดมคน ให้ไปปิดล้อมโรงพัก ทำให้น้องไม่ได้กินข้าวเลย จนถึง 21.00 น.


หลังจากนี้สิ่งไหนที่น้องทำ แล้วน้องมีความสุข ในฐานะพ่อแม่ก็จะปล่อยให้น้องทำ เรื่องการสอนธรรมะเป็นเรื่องที่น้องทำแล้วมีความสุข ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล คือ เรื่องที่เราโดนคุกคาม และเอาอะไรที่ไม่เป็นความจริงของน้องไปเผยแพร่ แล้วสื่อก็ประโคมข่าวกันไม่เลิก


"อยากให้ดูความจริง เพราะจริง ๆ การที่เด็กน้อยคนหนึ่งขึ้นมาพูดเรื่องธรรมะ แล้วก็มีการสอนธรรมะตั้งแต่ 5 ขวบถึง 8 ขวบ มีผู้คนยอมรับเป็นจำนวนมาก และทุกคนพูดเป็นทางเดียวกันว่า ที่ยอมรับในความเป็นน้อง คือ ข้อธรรมที่น้องสอน ซึ่งข้อธรรมที่น้องสอนถูกเผยแพร่ออกไป ตนเองมองว่าเป็นเรื่องดี  ขอให้ทุกคนเข้ามาดูความเป็นจริง วันที่ 15 มิถุนายน น้องจะสอนธรรมะ แล้วจะมีการเชื่อมจิต ถ้าเป็นไปได้ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองทางออนไลน์ ร่วมกันนั่งสมาธิกับน้อง แล้วดูว่าสิ่งที่น้องทำมีอะไรนอกเหนือจากที่สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนบ้าง 15 มิถุนายน ตอน 19.30 น."


ส่วนเรื่องวิเคราะห์ทิพย์ คือ การที่วิเคราะห์ โดยใช้ความคิดของตัวเองเข้าไป โดยที่ไม่ได้สัมผัสเรื่องที่เป็นความจริง ไม่ได้เจอเจ้าตัว ไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นนี่คือเรียกว่า วิเคราะห์ทิพย์ คิดเองวิเคราะห์ไปเอง แล้วมองว่าตรงนั้น โดยที่ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง


ส่วนกรณีที่รายการโหนกระแสนำเสียงของคุณแม่ไปออกอากาศ ซึ่งเป็นเสียงช่วงที่คุยกับเจ้าหน้าที่ พม. และพูดคุยกันในเชิงหยอกล้อกับเจ้าหน้าที่ว่า มีคอมเม้นต์หาว่าลูกของเธอเป็นออทิสติก แต่กลายเป็นการจับประเด็นไปพูด ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากับทางฝ่ายกฎหมายเพื่อดำเนินคดี


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะให้น้องหยุดหรือไม่นั้น แม่น้องเชื่อมจิต ถามกลับว่า ทำไมต้องหยุด น้องทำอะไรผิด ทำไมต้องไปห้ามน้อง แล้วถามว่า การชวนคนมานั่งสมาธิมันเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์หรือ ซึ่งพอคุยถึงช่วงนี้ ตำรวจได้เรียกครอบครัวเด็ก 8 ขวบไปยื่นหลักฐานก่อน


หลังจากยื่นหลักฐานเสร็จ ครอบครัวเด็ก 8 ขวบ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อ ช่วงนี้นักข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ ช่วงจะเดินทางกลับน้องมีท่าทีตกใจ ช่วงนั้นเกิดอะไรขั้น แม่เด็ก 8 ขวบ บอกว่า จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เดินมาด้วยกัน พอน้องได้ยินเสียงโห่ จึงหันไปมองหาพ่อ เพราะไม่เห็นว่าพ่ออยู่ไหน พ่อจึงบอกว่า พ่อตามมาแล้วก่อนเดินไปขึ้นรถ


แม่เด็ก 8 ขวบ เล่าต่อว่า น้องรู้สึกว่าน้องโดนคุกคาม แต่น้องก็บอกอีกว่า ในเรื่องของทางธรรม กรรมจะเป็นตัวทำงาน แต่ก็เรื่องของทางโลกกฎหมายจะเป็นตัวทำงาน


และต่อมา เด็ก 8 ขวบ พร้อมพ่อ แม่ และทนายความ รวมทั้งเหล่าแฟนคลับ เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เข้ากราบนมัสการ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว โดยมีการพูดคุยสนทนากับพระพยอม ประมาณ 20 นาที ก่อนที่เด็ก 8 ขวบ จะเดินเข้าไปหาพระพยอม ขอสัมผัสมือพระพยอม จากนั้นเดินออกไปนั่งด้านหน้าของพระพยอม ซึ่งในการสนทนาไม่ได้มีการต่อว่าหรือแสดงอาการไม่พอใจพระพยอมแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านั้นทางพระพยอมได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ตักเตือนไปทางสำนักพุทธศาสนาให้ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว หลังกราบนมัสการพระพยอมเสร็จแล้ว เด็ก 8 ขวบ ก็ไปนั่งที่สะพานบุญหน้าน้ำตก ให้แฟนคลับถ่ายภาพ ก่อนที่จะเดินทางออกจากวัด


ด้าน พระพยอม กล่าวว่า ที่เด็ก 8 ขวบ มาเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ไม่ได้มีการนัดหมาย แต่ครอบครัวเขามาทำธุระที่กรุงเทพและกำลังจะกลับ พอดีมีเวลา เขาเลยแวะมาหา มาทำสังฆทานและทำบุญ สิ่งที่น่าสนใจคือ มีคำถามซึ่งเขากล้าถาม เขาถามว่า "หลวงพ่อมีความเครียดไหม" เราก็ตอบไปแบบสนุก ๆ ว่า เห็นหน้าน้องไนซ์ก็เลยหายเครียด เขาก็หัวเราะ ตอนที่เขาเดินมาขอจับมือ อาตมาก็เลยบอกไปว่า "ขอให้มือมาสร้างคุณธรรม สร้างโลกนะ" โดยกลุ่มที่มาเยี่ยมอาตมา มาประมาณ 40 คน มีทั้งทนาย คณะลูกศิษย์ และเห็นน้องไนซ์เดินแจกสตางค์คนในวัดคนละ 20 บาท  


พระพยอม บอกว่า ที่น้องมาเยี่ยม ก็ไม่ได้เทศน์อะไร เดี๋ยวพูดไปไม่ถูกใจ พูดไปสองไพเบี้ย สู้นิ่งเสียดีกว่า เราเป็นพระก็ต้องมีเมตตาเด็ก จะไปเกลียดไปชัง ไปตำหนิติเตียนมาก ก็ไม่สมกับความเป็นพระ เราก็เป็นกลางที่สุด  


ชาวพุทธก็ขอให้มั่นคงกับพระรัตนตรัย อย่ากวัดแกว่งไปไหนต่อไหนกับความวิเศษต่าง ๆ ถึงแม้จะวิเศษแค่ไหนก็ไม่เกินพระรัตนตรัย เอามาเทียบได้เลยที่บอกว่าวิเศษ พอผ่านกาลเวลาไปสักพักก็จะจบลง


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี หนุ่ม กรรชัย หลวงพ่อบอกว่า ขอให้ใช้เหตุผล อย่าเอาความโมโหโทโส เอาเหตุเอาผล เดี๋ยวก็ผ่านเอง ขอให้ หนุ่ม กรรชัย ผ่านทุกเรื่ิองดี ๆ ไปนะ ทั้งเรื่องร้าย เรื่องดี ขอให้จบแบบจบ อย่าจบแบบเจ็บ


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :  https://youtu.be/h37FGmo3_UA

คุณอาจสนใจ

Related News