สังคม

เปิดภาพความเสียหาย 'สิงคโปร์แอร์ไลน์' ผู้โดยสารเล่านาทีระทึก ตกหลุมอากาศ ดับ 1 เจ็บ 71

โดย petchpawee_k

22 พ.ค. 2567

1K views

ระทึก! เครื่องบินสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์ ขอลงจอดฉุกเฉินสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุตกหลุมอากาศรุนแรง  พบผู้โดยสาร-ลูกเรือบาดเจ็บรวม 71 ราย เสียชีวิต 1 รายเป็นชายชาวอังกฤษวัย 73 ปี  - ผอ.การท่าสุวรรณภูมิ แถลง เล่านาทีคุยผู้โดยสาร บอก ช่วงเกิดเหตุกำลังกินข้าวเช้า บอก จังหวะตกหลุมอากาศ แม้รัดเข็มขัดตัวก็ยังบิน


วานนี้ (21 พ.ค.67) เกิดเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลยน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์ ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง จนส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 71 ราย และเสียชีวิต 1 ราย


โดยเวลาประมาณ 16.10 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายงาน ว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลยน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์ ขอลงอนุญาตลงจอดฉุกเฉินจากเหตุตกหลุมอากาศ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บขณะนั้น 30 ราย  โดยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว ในเวลาประมาณ 16.12 น. และได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินทางการแพทย์-โรคติดต่อ บทที่ 13 แล้ว ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อดูแลผู้บาดเจ็บแล้ว หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป


ก่อนที่ในเวลา 17.00 น. เพจเฟซบุ๊ก  “Singapore Airlines” ออกแถลงการณ์ว่าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง จนต้องเปลี่ยนเส้นทาง ขอลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ


เครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสาร 211 คน และลูกเรือ 18 คน ซึ่งเหตุตกหลุมอากาศนี้ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บกว่า 30 คน


โดยแถลงการณ์ระบุอีกว่า ทางสายการบินกำลังให้การช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือทุกคน และกำลังร่วมกันทำงานกับเจ้าหน้าที่ของไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่จำเป็น และได้ส่งทีมทำงานไปยังกรุงเทพฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จำเป็น พร้อมกับ ระบุว่า จะแจ้งความคืบหน้าผ่านทางเฟซบุ๊ก และ X ต่อไป


จากนั้นเวลา 17.01 น. นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลในเบื้องต้น ว่า ขณะนี้ทางสนามบินสุวรรณภูมิได้นำส่งผู้โดยสาร 30 คนและคนเสียชีวิตทราบว่า 1 คน ของสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางบินลอนดอน-สิงคโปร์ ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้สนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากสายการบินได้ขอลงจอดฉุกเฉินสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 15.34 น.


“ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์เรียบร้อยแล้ว โดย ทอท. ได้ดำเนินการดังกล่าวตามแผนฉุกเฉินของ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นทราบว่าเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เครื่องบินตกหลุมอากาศ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเจอสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งตามกฎสายการบินจะต้องมีการแจ้งเตือนผู้โดยสารอยู่แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวนี้ ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร” นายกีรติกล่าว


ขณะที่บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังเครื่องลงจอด พบว่าทางสนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้บริหารผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงทีมแพทย์พยาบาล ทีมกู้ชีพ รวมถึงมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เปิดศูนย์คัดกรองและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ข้างหลุมจอดเครื่องบินลำดังกล่าว เพื่อคัดกรองช่วยเหลือก่อนทยอยลำเลียงส่ง รพ.


จากนั้น 18.40 น. ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการชี้แจงเป็นเอกสารข่าวเบื้องต้นระบุว่า วานนี้ (21 พ.ค. 67) เวลา 15.35 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เนื่องจากมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ


ต่อมาเวลา 15.51 น. เที่ยวบินดังกล่าวได้ลงจอดที่ ทสภ. ซึ่ง ทสภ. ได้ส่งทีมแพทย์เข้าพื้นที่โดยทันทีเพื่อประเมินอาการและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกันนี้ ทสภ. ได้ประกาศเข้าแผนฉุกเฉินกรณีเหตุฉุกเฉินในเที่ยวบิน และอยู่ระหว่างนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อไป


สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ ทสภ.จัดพื้นที่พักรอให้ผู้โดยสารภายในอาคารเทียบเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ ทสภ. ร่วมกับสายการบินดูแลและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เพื่อรอเดินทางไปยังสิงคโปร์ต่อไป


ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน เบื้องต้นรับทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติจำนวน 1 คน ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะได้มีการแจ้งในรายละเอียดของเหตุการณ์ต่อไป


ก่อนที่ในเวลา 19.45 น. จะมีการตั้งโต๊ะแถลงอย่างเป็นทางการ โดยนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 71 ราย เสียชีวิต 1ราย (อัพเดต 22.00 น.) 


สำหรับผู้บาดเจ็บ แบ่งประเภท คือ ผู้บาดเจ็บรุนแรง  6 ราย (มีอาการหัวแตก)  ผู้โดยสารบาดเจ็บปานกลางรวมผู้โยสารและลูกเรือ 39 ราย ผู้โดยสาร 30 ราย  ลูกเรือ 9 ราย  ส่วนผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อย 26 ราย  โดยผู้บาดเจ็บที่ตรวจสอบสัญชาติได้ล่าสุด คือ มาเลเซีย 3 ราย  สหราชอาณาจักร 3 ราย นิวซีแลนด์ 2 ราย  อังกฤษ 1 ราย  สเปน 1ราย  สหรัฐอเมริกา 2 ราย  ไอร์แลนด์ 1 ราย  ส่วนผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายวัย 73 ปี สัญชาติอังกฤษ และมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ


ก่อนกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในระหว่างเส้นทางการบิน เครื่องบินได้ประสบเหตุตกหลุมอากาศ  ขณะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทย ทำให้นักบินได้ประสานเข้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่าขออนุญาตลงฉุกเฉิน  จากนั้นเมื่อเครื่องบินได้ลงจอดเรียบร้อยแล้ว ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เข้าปฏิบัติตามหน้าที่ ตามแบบแผนที่ได้กำหนดเอาไว้ เบื้องต้นในขณะนั้นได้ประสานกับนักบินจนทราบว่ามีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ  ฝ่ายแพทย์ของทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้เข้าถึงเครื่องบินและเข้าสำรวจทันที ก่อนจะพบว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงยังมีผู้เสียชีวิตด้วย จึงได้ขออนุมัติทางเราขอเข้าแผนฉุกเฉินทันที


โดยช่วงนั้นมีการตกลงกันว่า ทางเราจำเป็นต้องอพยพผู้โดยสาร ซึ่งรถของเจ้าหน้าที่ของบริษัทการบินไทย พร้อมปฎิบัติตามแผนฉุกเฉินอยู่แล้ว ก็เข้ามาเทียบรอ  ก่อนจะเป็นขั้นตอนการปฏิบัติช่วยเหลือผู้โดยสารนำส่งโรงพยาบาลฯ

ส่วนสาเหตุครั้งนี้ ยืนยันว่า“ เกิดจากตกหลุมอากาศ”  แต่การสอบสวนการเกิดเหตุครั้งนี้ เป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งจะเข้าพื้นที่เพื่อสอบสวนนักบินอย่างละเอียดต่อไป  เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อมูลหรือพูดคุยใดๆ กับลูกเรือ แต่ได้พูดคุยกับกัปตันเพียงแค่เรื่องยอดผู้โดยสารทั้งหมด ยังไม่ได้พูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากกัปตันยังต้องโฟกัสกับการดูแลผู้โดยสารทั้งหมดก่อน หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย คือ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยและสายการบินฯ


เมื่อถามถึงสภาพเครื่องบินขณะนี้ เป็นอย่างไรนั้น นายกิตติพงศ์ บอกว่า เบื้องต้นเครื่องบินยังสามารถทำการบินได้ แต่ภายในเครื่องบินเท่าที่เห็น อยู่ในสภาพเละเทะ คาดว่าน่าจะตกจากสภาพอากาศที่สูงพอสมควร


นายกิตติพงศ์ ยังบอกอีกว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีคนไทยในเครื่องบิน” ส่วนช่วงเกิดเหตุอยู่ในระหว่างผู้โดยสารเสริฟอาหารเช้าและกินอาหารเช้ากันอยู่ ก่อนจะถึงท่าอากาศยานชางงีสิงคโปร์อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยสภาพของผู้โดยสาร ครั้งแรกที่ให้การช่วยเหลือ พบมีอาการตื่นตระหนกตกใจ แต่ตอนนี้ทุกคนสุขภาพจิตดีแล้ว


โดยเบื้องต้นจากการสังเกตและสอบถามผู้โดยสารในเครื่อง พบว่าผู้โดยสารหลายคน คาดเข็มขัดอยู่ ส่วนจังหวะที่ตกหลุมอากาศ พบว่าตกลงไปแรง ลักษณะตัวเองบินลอยอยู่ แต่ในส่วนผู้เสียชีวิตไม่แน่ชัดว่าคาดเข็มขัดหรือไม่ เนื่องจากทางภรรยาของผู้เสียชีวิต ก็ไปโรงพยาบาลฯ จึงยังไม่ได้ทราบรายละเอียดของสามี

เมื่อถามว่าสามารถตอบได้หรือไม่ว่าระดับของการตกหลุมอากาศ อยู่ในระดับไหนนั้น นายกิตติพงศ์ บอกว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากหน้าที่ของตัวเอง จะเน้นเรื่องของการอพยพผู้โดยสารให้ออกมาเร็วที่สุด และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด


เมื่อถามย้ำว่าสรุปแล้วเครื่องบินตกหลุมอากาศบริเวณใด นายกิตติพงศ์ ระบุว่า ส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับตัวนักบิน เพราะฉะนั้นไม่กล้าบอก แต่คิดว่าน่าจะเกิดเหตุในน่านฟ้าไทย เพราะมีการขอประเทศไทยเป็น Emergency Landing


เมื่อถามอีกว่า ก่อนเครื่องตกหลุมอากาศเท่าที่คุยกับผู้โดยสารเล่าว่าอย่างไร เครื่องเกิดอาการสั่น หรือมีสัญญาณอะไรหรือไม่ นายกิตติพงศ์ บอกว่า เท่าที่คุยกับผู้โดยสารรายหนึ่ง บอกว่าไม่มีอะไร ตัวเขาเองก็รัดเข็มขัด และกินข้าวอยู่แล้วเครื่องก็ตกหลุมอาการลงไป แต่ขณะที่เขานั่งบนที่นั่งและคาดเข็มขัดอยู่นั้นตัวเขาเองก็บินเช่นกัน แต่โชคดีที่รัดเข็มขัด


ส่วนผู้โดยสารชาวอังกฤษ วัย 73 ปี เสียชีวิตนั้น เจ้าตัวเสียชีวิตอยู่บนที่นั่ง  สำหรับสาเหตุ  เบื้องต้น เท่าที่ทราบคร่าวๆ พบว่าเป็นโรคหัวใจ แต่อาจจะเป็นการสันนิษฐานเบื้องต้นของแพทย์ โดยขั้นตอนของทางตำรวจได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ร่างส่งไปที่สถาบันนิติเวชก่อนจะพิสูจน์ทราบตามขั้นตอนต่อไป จากนั้นจะนำส่งหรือติดต่อสถานทูตมันมีขั้นตอนปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งผู้เสียชีวิตเท่าที่เห็น พบว่า เสียชีวิตบนเครื่องบินบริเวณที่นั่งผู้โดยสาร หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจครั้งแรก


ส่วนอาการบาดเจ็บถึงขั้นวิกฤต ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นคร่าวๆ เนื่องจากชุลมุนมาก พบว่ามีหัวแตก ปวดบริเวณแขน-ขา กล้ามเนื้อ  ขณะเดียวกันการพูดคุยกับผู้โดยสาร ทุกคนยังมีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถรับประทานอาหารที่ทางการบินไทยและทางการค้าได้จัดเตรียมไว้ให้ได้


นอกจากนี้ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บนั้น ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้นำตัวผู้โดยสารเข้ามาพักรอภายในอาคารเทียบเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับสายการบินฯ ที่ส่งมาราว 50 คน คอยดูแลและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เพื่อรอเดินทางไปยังสิงคโปร์ต่อไป โดยเครื่องบินจากชางฮี จะเดินทางมาถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 21.45 -22.00 น. ซึ่งจะรับผู้โดยสารที่พร้อมเดินทางกลับสู่จุดหมายต่อไป คาดว่ามีประมาณ 170 คน โดยคาดว่าจะเทคออฟออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 01.00 น. (22 พ.ค.67) ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยอมรับว่า สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่มีการตกหลุมอากาศแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึงเสียชีวิต


ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมาโดยตรง เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสาร จึงเน้นย้ำให้ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินการให้ดีที่สุด ทั้งในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน พร้อมทั้งย้ำขอให้ขั้นตอนการปฏิบัติให้รวดเร็วและเป็นมาตรฐาน รวมถึงเน้นย้ำให้แพทย์เข้าปฎิบัติให้ถึงผู้โดยสารและดูแลเป็นอย่างดี ก่อนนำส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลา โดยทั้งหมดโรงพยาบาลที่เราส่งไป คือโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลต่อๆ ไปในเครือของสมิติเวชเอง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า เครื่องบินยังสามารถขึ้นลงได้ตามปกติ และเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้กระทบกับทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

-----------------------------

ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย โพสต์คลิป Reels เฟซบุ๊ก “น.ต.ศิธา ทิวารี – Sita Divari ” โดยเป็นคลิปบัญชีติ๊กต็อก “@offchainon” มีข้อความในคลิปว่า “อุทาหรณ์กรณีเครื่องบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศ ลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ มีคนเจ็บและเสียชีวิต” และ ข้อความ “ควรรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน”


โดยในคลิป น.ต.ศิธา กล่าวว่า “การที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ ต้องบอกว่ารุนแรงกว่าที่คนทั่วไปจะคิดมาก เพราะว่าเวลาตกหลุมอากาศเครื่องบินที่เสียความสูงลงมาอาจจะเสียถึง 4,000 ถึง 5,000 ก็ได้ ตอนที่เครื่องบินร่วงลงมาเนี่ย ตัวคนอาจจะขึ้นไปติดบนเพดาน แล้วก็เมื่อลงมาเกาะอากาศอีกครั้งนึงเนี่ยก็จะกระแทกลงมาที่พื้นอย่างแรง ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสได้ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าทุกครั้งขณะที่นั่งอยู่ที่เบาะเครื่องบิน ไม่ว่าจะมีไฟเตือนหรือไม่มีไฟเตือน “อยากให้ใส่เข็มขัด” เอาเป็นว่าถ้าเกิดมีไฟรัดเข็มขัดเตือนขึ้นมาเนี่ย 100 % ต้องรัดนะครับ


การรัดก็คือรัดให้แน่นประมาณหนึ่งแต่เราจะไม่รู้สึกอึดอัด แต่ว่าพยายามให้ก้นเรายิ่งติดอยู่กับเบาะ ขยับได้น้อยเท่าไหร่เนี่ยเรายิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น เพราะว่าเวลาที่เครื่องบินเสียความสูงลงไปเนี่ย ตัวเราจะลอยพ้นพื้น พ้นจากเบาะขึ้นมานะครับ ลอยขึ้นมาทั้งขาทั้งก้นแล้วพอถึงเวลาที่ลงมาเกาะอากาศอีกครั้งจะกระแทกลงมาอาจจะบาดเจ็บต่อกระดูกสันหลังได้นะครับ เพราะฉะนั้นยิ่งเกาะอยู่กับเบาะเท่าไหร่เราก็ยิ่งปลอดภัย

กรณีที่ไฟรัดเข็มขัดดับลง เดินไปห้องน้ำก็เดินเข้าตามปกติครับ เพราะส่วนมากกัปตันจะเตือนอยู่แล้วแต่ถ้าเกิดเตือนไม่ทันหรือว่าพอเตือนแล้วเนี่ย เราทำอะไรอยู่แล้วไม่ทันแล้วไปตกหลุมอากาศเนี่ยเราจะบาดเจ็บนะครับ เพราะฉะนั้นก็ถ้าเกิดนั่งอยู่กับเก้าอีกเมื่อไหร่เนี่ยก็อยากให้เป็นความเคยชินว่า ใส่เข็มขัดเลยนะครับ แล้วก็รัดให้แน่นประมาณหนึ่ง สำคัญคือตอนนอนด้วยครั้ง เมื่อนอนเนี่ยควรจะรัดเข็มขัดด้วย ให้ผู้โดยสารชั้น business class – first class ซึ่งสามารถจะเอนเบาะนอนยาวได้เนี่ย ก็ควรจะรัดเข็มขัดไว้กับเบาะ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/I3VocckPQLc


คุณอาจสนใจ

Related News