สังคม
ทลายแก๊งคอลฯโหด นายใหญ่อายุแค่ 21 บังคับทำยอดสัปดาห์ละ 20 ล้าน ใครทำไม่ถึงโดนช็อต-ยืนตากแดด
โดย nattachat_c
20 พ.ค. 2567
157 views
วันที่ 18 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ แถลงผลปฏิบัติการ HANG UP ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์-หวยออนไลน์ สามารถจับกุมครั้งใหญ่ได้
โดยจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์สุดโหด พร้อมสมุน 12 คน บังคับทำยอดสัปดาห์ละ 20 ล้านบาท ทำรายได้นับพันล้านต่อปี
สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นพนักงานธนาคารกสิกรไทย (สาย 1: สวมบทพนักงานธนาคาร) โทรมาหลอกว่าผู้เสียหายเป็นหนี้บัตรเครดิต หากไม่ได้ใช้บัตรเครดิตดังกล่าว อาจมีบุคคลแอบอ้างต้องแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองตาก
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ มิจฉาชีพจึงโอนสายต่อไปให้คนที่ 2 ซึ่งปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก (สาย 2: สวมบทข่มขู่) จากนั้น จึงให้ผู้เสียหายแอด LINE แล้วข่มขู่ว่า มีพยานหลักฐานที่แสดงว่าผู้เสียหาย มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีฟอกเงิน ต้องโดนดำเนินคดี ถ้าผู้เสียหายเกิดความกลัว มิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ โดยการโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
จากนั้น จึงมีการโอนสายต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมที่อ้างตัวเป็นผู้กอง (สาย 3: สวมบทปลอบโยน) โดยให้คำแนะนำ และโน้มน้าวให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ เมื่อเสร็จแล้วและจะโอนคืนให้ในวันถัดไป และแจ้งข้อมูลบัญชีธนาคารให้ผู้เสียหายโอนเงิน
ผู้เสียหายรายนี้ ได้โอนเงินไปหลายครั้ง รวมทั้งสิ้น 2,370,000 บาท และยังแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเพิ่มอีก จนผู้เสียหายรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ในเวลาต่อมา
จากนั้น จึงได้สืบสวนหาข้อมูลจนพบพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่สอดคล้องว่า ผู้เสียหายรายนี้โดนหลอกโดยแก็งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จึงได้ประสานไปตำรวจประเทศกัมพูชา จึงทราบว่ามีคนไทยถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และได้หาทางติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในกัมพูชา ต่อมา สามารถช่วยเหลือออกมาได้จำนวน 4 คน
ต่อมา พนักงานสอบสวน บก.สอท.2 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบข้อมูลบุคคลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองโอเสม็ดดังกล่าว จนสามารถขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 15 คน สามารติดตามจับกุมมาได้ได้ ทั้งสิ้น 12 คน คือ
1. นายปฏิภาณ หรือ อาฉิ่ง อายุ 21 ปี (หัวหน้าแก๊ง และ โอเปอเรเตอร์ สาย 3)
2. นายภาณุ หรือตี๋ อายุ 23 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1 และ 2)
3. นายพงศกร หรือ เบล อายุ 29 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1)
4. นายกฤษณะ หรือ เบส อายุ 21 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1)
5. นายอภิรัฐ อายุ 23 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1 และ 2)
6. น.ส.ฤทัยรัตน์ อายุ 29 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1)
7. น.ส.ธวัลกร หรือ น.ส.กุสุมา หรือโฟม อายุ 28 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1 และ 2)
8. นายธวัชชัย หรือ ตังค์ อายุ 24 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1 และ 2)
9. นายพงศธร หรือ ปราย อายุ 24 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1 และ 2)
10. น.ส.พัชสร หรืออุ้ม อายุ 23 ปี (โอเปอเรเตอร์ สาย 1)
11. นายอดิศักดิ์ อายุ 35 ปี (คนพาข้ามแดนโดยช่องทางธรรมชาติ)
12. น.ส.ใบเฟิรส์ อายุ 21 ปี อายัดตัวที่เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ (เจ้าของบัญชีม้า)
ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย พบว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศ ผ่านช่องทางธรรมชาติไปแล้ว
-------------
ตำรวจไซเบอร์ พบหลักฐานสำคัญของ นายปฏิภาณ หรือ อาฉิ่ง คือ พบว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์เก็บไว้ในแฟลชไดรฟ์จำนวนมาก เช่น
- ข้อมูลเหยื่อกว่า 12,000 ราย
- ข้อมูลบทพูดหลอกลวงผู้เสียหาย ของสาย 1 และ สาย 2
- ข้อมูลการแก้ปัญหากรณีเหยื่อสอบถามกลับ
- ข้อมูลคลิปวีดีโอของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ทำการตัดต่อเสียงแล้ว
- ข้อมูลบัตรข้าราชการตำรวจปลอม
- ข้อมูลวิธีการจัดทำซิม และบัญชีม้า
- และข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในรูปแบบภาษาจีนอีก เป็นจำนวนมาก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ทุกคนให้การยืนยันว่า นายปฏิภาณ หรือ อาฉิ่ง คือผู้ควบคุมสั่งการทั้งหมด โดยพักอาศัยในอาคารมีรั้วสูงรอบขอบชิด มี รปภ. เฝ้าตลอดเวลา ไม่สามารถออกไปไหนได้
หากใครทำยอดไม่ได้ ทำผิดกฎข้อห้าม หรือ พยายามหลบหนี อาฉิ่งจะบังคับให้ยืนตากแดด 2-3 ชั่วโมง หรือทำร้ายร่างกายโดยการทุบตี และ ช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า
บังคับให้ทำงานตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. ไม่มีวันหยุด มีอาหารให้ 4 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น และค่ำ) แต่ในเวลางาน อนุญาตให้ดื่มแค่น้ำเปล่า ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ และห้ามคุยกันข้ามสาย
อีกทั้ง อาฉิ่งยังเป็นผู้เรียบเรียงบทพูดในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยนายอาฉิ่งพูดได้ทั้งภาษาไทย และภาษาจีน
ผู้ต้องหายังให้การว่า ทำงานอยู่แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2565 ถึงกลางปี 2566 ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และข้าราชการเกษียณอายุ
โดยในการทำงานนั้น หัวหน้าแก๊งจะสั่งให้คัดลอก และท่องบทพูดจนคล่อง และนั่งประกบรุ่นพี่ จนสามารถทำงานได้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องหลอกเหยื่อให้โอนเงินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 20 ล้านบาท (หรือประมาณเดือนละ 80 ล้านบาท) ทำให้แก๊งดังกล่าวมีรายได้หมุนเวียนนับพันล้านต่อปี
หากทีมใดทำยอดถึงเป้าจะได้หยุด 1 วัน หากทีมไหนยอดไม่ถึงเป้า ก็จะไม่มีวันหยุดพัก โดยช่วงเวลา 18.00 น. ของทุกวัน จะประกาศผลการทำยอดของแต่ละคน ซึ่งหากใครทำยอดได้เยอะ จะได้รับเสียงปรบมือจากทุกคน และได้รับรางวัลพิเศษในที่ประชุม
ในส่วนเงินตอบแทนจะได้รับตามเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่หลอกได้ คือ สาย 1 ได้ 6 เปอร์เซ็นต์ สาย 2 ได้ 5 เปอร์เซ็น และ สาย 3 ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ หากคนเดียวทำได้ทั้งสาย 1 และสาย 2 ก็จะได้รับรวมกันถึง 11 เปอร์เซ็นต์
-------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/IFQY4kKsTMU