‘หมอเหรียญทอง’ โต้ยัดยาเด็ก 14 ลั่น! เอาผิดแม่เด็กถึงที่สุด ด้านแม่เด็กแจ้งความหมิ่นประมาท เรียก ‘ไอ้กุ๊ย-ขยะสังคม’

แม่พาลูกชายวัย 14 แจ้งความเอาผิด ‘หมอเหรียญทอง’ หมิ่นประมาทเรียก “ไอ้กุ๊ย-ขยะสังคม-ส้นตีน” ตำรวจล็อคตัวสอบสวนปม “ซองผงขาว” หลังเจ้าตัวรับคือเฮโรอีน ด้านทนาย แนะหมอฯ เลิกเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก เป็นมวยคนละรุ่น

วานนี้ (16 พ.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อม น.ส.กัลยา (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี  มารดา พาลูกชายวัย 14 ปี เข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากที่นายแพทย์เหรียญทอง มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อว่าครอบครัวเด็ก 14 ปี โดยมีการเรียกว่า “ไอ้กุ๊ย” “ขยะสังคม” และ “ส้นตีน”

และทันทีที่แม่และเด็กวัย 14 มาถึง ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวเข้าไปในห้องสืบสวน เพื่อสอบปากคำกรณี “ซองผงขาว” ที่เด็กยอมรับว่าเป็นเฮโรอีน ซื้อมาจากรุ่นพี่ 50 บาท และใช้ดมสองครั้งภายในห้องน้ำของโรงพยาบาลฯ ระหว่างที่ไปเฝ้าภรรยาวัย 17 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ 5 เดือน เนื่องจากเด็กในท้องไม่ดิ้น โดยไม่พบว่ามี สส.ก้าวไกล เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วย

หลังสอบปากคำเบื้องต้นเสร็จ ตำรวจได้พาเด็กชายวัย 14 ปี ไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลฯ เพื่อหาสารเสพติด ซึ่งหากพบทางครอบครัวประสงค์ที่จะส่งตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ส่วนสภาพจิตใจของของเด็กขณะนี้ยังมีความกังวลอยู่

ทนายรัชพล กล่าวว่า ตนเองไม่ดำเนินการแจ้งความในข้อหานี้ ก็อาจจะทำให้นายแพทย์เหรียญทอง ไม่หยุดโพสต์ข้อความ และส่วนตัวมองว่านายแพทย์เหรียญทองมีวุฒิภาวะมากพอ เป็นผู้อาวุโส และน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับใครหลายคนได้ ไม่น่าจะเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก เพราะมองว่าเป็นมวยคนละรุ่นแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนเองมีการแจ้งให้พนักงานสอบสวนพิจารณา 5 ข้อกล่าวหา คือ ทำร้ายร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพข่มขืนใจผู้อื่นถอดเสื้อผ้า  อนาจาร  ยักยอกทรัพย์  และกักขังหน่วงเหนี่ยว ไปแล้ว

ส่วนกรณีที่เด็กชายวัย 14 ยอมรับว่า มีสารเสพติดประเภทเฮโรอีนอยู่ในครอบครองนั้น ตนเองได้มีการสอบถามกับเด็กชาย 14 แล้ว ซึ่งน้องยอมรับว่าเป็นการซื้อจากเพื่อน และทดลองเสพเป็นครั้งแรก ยืนยันว่าไม่ได้ติด ในส่วนนี้ตนเองมองว่าควรจะมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแล เพราะผู้เสพถือเป็นผู้ป่วย แต่หากไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลนั้น อาจทำให้ผู้เสพกลายเป็นผู้ค้าในอนาคตได้

ทั้งนี้ ตนเองยืนยันว่าในส่วนของการครอบครองยาเสพติดนั้น ตนเองไม่ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือ แต่ให้คำแนะนำน้องว่าให้รับสารภาพตามความเป็นจริง และเข้าสู่กระบวนการตามกฏหมาย  ทั้งนี้ตนเองขอย้ำว่า อยากขอให้นายแพทย์เหรียญทอง หยุดการโพสต์หมิ่นประมาท เพราะหากมีการโพสต์เพิ่มเติมอีก ก็ถือว่าเป็นคดีความต่างกรรมต่างวาระ

ด้าน พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้ส่งสารต้องสงสัยภายในซองพลาสติก ให้กับกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจตรวจแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ หากพบว่าเป็นสารเสพติดจะต้องเชิญสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำเด็กอีกครั้ง ซึ่งหากเด็กรับสารภาพว่าซองดังกล่าวเป็นของเด็กจริง ก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนการดำเนินคดีกับพลตรีนายแพทย์เหรียญทอง นั้น ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตามพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายความผิดข้อหาใดบ้าง

-------------------------------------

‘หมอเหรียญทอง’ ยืนยันไม่ได้ยัดยาใส่ถุงเสื้อผ้าเด็กวัย 14 ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ไม่กังวล หลังทนายพาแม่และเด็กเข้าแจ้งความหมิ่นประมาท ลั่น! จากนี้จะเริ่มปฏิบัติการโต้ตอบแม่เด็กอย่างรุนแรง ไม่ยอมความหรือเจรจาไกล่เกลี่ย เตรียม ดำเนินคดีคนเผยแพร่ข่าวใส่ร้ายทำให้ รพ.เสียหาย

กรณีเด็กชายอายุ 14 ปี ถูก พลตรีนายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทำร้ายร่างกาย ยึดโทรศัพท์มือถือและสั่งให้แก้ผ้าเดินออกจากโรงพยาบาล เหตุเพราะแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำของโรงพยาบาล ซึ่งแม่ของเด็กได้แจ้งความ ต่อมาแม่ไปรับทรัพย์สินลูกคืนพบผงขาวในซองซิปล็อก เด็กยอมรับเป็นเฮโรอีนซื้อมาจากรุ่นพี่ซองละ 50 บาท

วานนี้ (16 พ.ค.) เวลา 13.00 น. นายแพทย์ เหรียญทอง ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นที่ ประชาชนบางราย ตั้งข้อสงสัยว่า ทางโรงพยาบาล ยัดยาเสพติดใส่ถุงเสื้อผ้า ของเด็กวัย 14 ปี นั้น ยืนยัน ไม่ได้ยัดยา ซึ่งส่วนตัวรู้สึกโกรธกับเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องเท็จ เสมือนใส่ร้าย หมิ่นประมาท จากนี้เตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข่าวและใส่ร้ายเพราะทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และตัวเองรวมถึงบุคลากรเสียหาย

นายแพทย์เหรียญทอง ยังระบุอีกว่า ต้นตอของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมีความผิดมาจาก การเลี้ยงดูที่ไม่ถูกวิธีและทอดทิ้งไม่ใส่ใจลูกของแม่เด็ก จนส่งผลทำให้เด็กเยาวชนวัย 14 ปี มาสร้างความเดือดร้อนให้สังคม อาทิ เรื่องครอบครองยาเสพติด และสูบบุหรี่ในสถานพยาบาล ซึ่งแม่เด็กต้องมีส่วนรับผิดชอบ ยืนยัน จากนี้จะเริ่มปฏิบัติการโต้ตอบแม่เด็กอย่างรุนแรง ซึ่งจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความหรือเจรจาไกล่เกลี่ย แน่นอน

สำหรับประเด็นที่ทนายรัชพล ศิริสาคร พาแม่และเด็กวัย 14 ปี เข้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังตัวเองเรียกเด็กวัย 14 ปี ว่าไอกุ๊ย นั้น นายแพทย์เหรียญทอง ระบุว่า ไม่กังวลใจและยินดีให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยสาเหตุที่เรียกเพราะไม่รู้จักชื่อ อีกทั้ง ความหมายของคำว่า กุ๊ย คือ คนพาล คนไม่รู้กาลเทศะ ซึ่งก็ตรงกับพฤติกรรมของเด็กวัย 14 ปี ส่วนบุคคลที่แสดงความเห็นถึงคำว่า ไอกุ๊ยหรือขยะสังคม ไม่เหมาะสม ส่วนตัวไม่สนใจ

นายแพทย์เหรียญทอง ยังกล่าวถึงประเด็นที่เชื่อมีบุคคลอยากให้ตัวเองติดคุก ออกหมายจับ โดยไม่ออกหมายเรียก ส่วนตัวไม่รู้สึกกลัว หากตัวเองทำผิดจริง ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนที่มี สส.พรรคก้าวไกล มาช่วยแม่เด็กและเยาวชนวัย 14 ปี ซึ่งเข้าข่าย โจมตีตัวเองหรือไม่นั้น ยอมรับ น่าสงสัย หลังพรรคการเมืองนี้ มีอุดมการณ์ต่างจากตัวเอง และส่วนตัวก็ไม่ได้ใส่ใจกับพรรคการเมืองดังกล่าว ยืนยัน ไม่ได้กล่าวหา สส.พรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลัง ซึ่ง สส.พรรคก้าวไกล อาจต้องการช่วยประชาชน พร้อมเตือนนักการเมืองกลุ่มนี้ ว่าต้องการช่วยสังคมหรือช่วย บุคคลที่เปรียบเสมือนขยะสังคมให้มีมากขึ้น

ขณะเดียวกันหลังจากนายแพทย์เหรียญทอง ให้สัมภาษณ์สื่อเสร็จ เดินลงจากอาคาร พบว่ามีกลุ่มเพื่อนของนายแพทย์เหรียญทอง ได้นำช่อดอกไม้ ดอกกุหลาบ มามอบเพื่อให้กำลังใจ

ต่อมา หมอเหรียญทองโพสต์ข้อความระบุว่า หลายวันมานี้ผมต้องตอบสัมภาษณ์นักข่าวจำนวนมาก ซึ่งตัวผมเองเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พูดจาตรงไปตรงมา ไม่ดัดจริตสร้างวาทกรรมสวยหรูเพื่อให้ดูดี ที่สำคัญ คือ ผมจะไม่เสียเวลาไปนั่งออกรายการใดๆทั้งนั้น ยกเว้นรายการที่ผมไว้เนื้อเชื่อใจเท่านั้น ผมไม่ใช่นักดีเบตโต้วาที และผมไม่กลัวใครหรือกลัวรายการใดๆทั้งนั้น

การให้สัมภาษณ์ของผมจะชัดเจนเสมอ ถ้าเป็นเรื่องร้อนแรง การให้สัมภาษณ์ของผมก็จะดุเดือด ดูดิบๆ เถื่อนๆ บางครั้งก็หยาบคาย บางครั้งก็ลามกจกเปรดบ้าง ตลกบ้าง ทำอย่างไรได้ล่ะครับก็ผมมันเป็นคนเช่นนี้ ผมเป็นคนจริงใจในระดับมากสุด เต็มสกอร์หรือล้นสกอร์อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่ชอบให้สัมภาษณ์ ไม่ชอบออกรายการ ไม่ชอบโฟนอิน เพราะคนโลกสวยมักจะไม่ชอบ ยิ่งพวกที่มีอุดมการณ์ตรงข้ามกับผมแล้ว ยิ่งเหมือนผีโดนน้ำมนต์ ของขึ้นเกรี้ยวกราดกันเลยทีเดียว

จริงๆแล้วผมเป็นคนเรียบง่าย สมถะ สุภาพอ่อนน้อมอ่อนโยนนะครับ เป็นคนอารมณ์ดีและใจดีมากด้วย ตลกโปกฮาอีกต่างหาก ไม่ได้โหดร้ายทารุณเหมือนภาพเหรียญอีกด้านหนึ่งที่คนจำนวนมากเห็น เป็นภาพเหรียญที่อยู่ในด้านมืด ในสถานการณ์จำเป็นที่ต้องเด็ดขาด ซึ่งผมเป็นคนเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

คนที่เคารพรักผมหลายท่านอยากให้ผมประชาสัมพันธ์ตนเองให้สาธารณะได้รับรู้ ได้เห็น 'เหรียญอีกด้านหนึ่ง' ในด้านสว่าง น่ารัก อบอุ่น เพื่อให้ประชาชนจำนวนมากได้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีของผม แต่ผมไม่สนหรอกครับ

ผมไม่สนว่าสาธารณชนจะเห็นผมว่าเป็น 'เหรียญด้านไหน' กันทั้งนั้น ผมไม่สนว่าใครจะรัก ไม่สนว่าใครจะนิยมชมชอบ ผมไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะเป็นผู้นำในทางสังคมใดๆทั้งนั้น ทั้งไม่เคยมีความต้องการที่จะมีอำนาจ มีตำแหน่งใดๆ

ผมต้องการใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างเรียบง่าย มีความสุขเล็กๆน้อยๆตามที่ผมมีอยู่แล้ว หลายวันมานี้ผมได้รับกำลังใจอย่างมากมายจากประชาชนจำนวนมากไม่เพียงแต่ผองเพื่อนพี่น้องที่ใกล้ชิดสนิทสนมเท่านั้น ทุกๆคืนที่ผมไปร่วมงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพ พลโท นายแพทย์ พีระพล ปกป้อง รุ่นพี่ของผมที่ผมรักและเคารพดุจดั่งพี่ชายของผม มีประชาชนที่มาร่วมพิธิศพจากศาลาอื่นๆมาให้กำลังใจผมกันอย่างคับคั่งทุกคืน

ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจผมไว้ ณ ที่นี้ครับ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 'ตาแป๊ะหลักสี่' 16 พ.ค.67 เวลา 21.47 น.

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/faRz-F1smi0