สังคม

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างชื่อเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อสูญเงินหลายล้านบาท

โดย gamonthip_s

16 พ.ค. 2567

401 views

วันที่ 16 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ถึงกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก สภ.เมืองขอนแก่น โพสต์ภาพตำรวจและบัตรข้าราชการตำรวจว่า ประชาสัมพันธ์เตือนภัย..แก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างชื่อเป็นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ของ สภ.เมืองขอนแก่น หลายรายและหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบนั้น สภ.เมืองขอนแก่น ขอชี้แจ้งว่า การแอบอ้างดังกล่าว ไม่เป็นความจริง และหากท่านใดได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งที่สภ.ใกล้เคียงของท่านโดยด่วนหรือแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com หรือ โทร.1441 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สภ.เมืองขอนแก่น โทร.043221162



ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์กรณีดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องจริง เพราะข้าราชการตำรวจ ที่เป็นนายตำรวจ ระดับสารวัตรและผู้กองในกลุ่มงานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ถูกแอบอ้างเอาชื่อไปหลอกลวงประชาชน จำนวน 3 นาย คือ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และ ร.ต.อ.คนาธิป ภูสมตา รองสว.สืบสวน ร.ต.อ.จักกฤษ ชินบุตร รองสว.สืบสวน ทั้งหมดถูกแอบอ้างชื่อ โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย 3 ราย ที่จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดปัตตานี โดยใช้กลอุบายในแบบเดียวกันทั้ง 3 รายว่า เป็นนายตำรวจยศ พันตำรวจโท ตรวจเช็กพบว่ามีเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีธนาคาร เป็นการฟอกเงิน และเจ้าของบัญชีจะมีความผิด ถ้าไม่อยากมีความผิดให้คุยกับนายตำรวจที่รับผิดชอบ



ซึ่งในรายแรกที่เป็นผู้เสียหายชาวจังหวัดบึงกาฬนั้น มีญาติที่เป็นเพื่อนกับตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ที่ทำงานกับ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สส.สภ.เมืองขอนแก่น โดยผู้เสียหายรับสายจากมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ยศ.พันตำรวจโทว่า มีเงินจากการค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ผู้เสียหายได้พูดคุย จนมิจฉาชีพแสดงตัวและวีดีโอคอลมาคุยด้วย พร้อมส่งบัตรข้าราชการตำรวจมาให้ผู้เสียหายทางไลน์ ผู้เสียหายจึงแคปหน้าจอขณะวิดีโอคอล และบันทึกภาพบัตรข้าราชการตำรวจ ส่งมาให้ญาติที่เป็นเพื่อนกับตำรวจชุดสืบสวน จากนั้นจึงได้มีการสอบถามมายังพ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สส.สภ.เมืองขอนแก่น ความจริงจึงถูกเปิดเผยว่า ชื่อ สกุล ถูกต้องตรงกัน แต่หน้าตาที่แคปหน้าจอมานั้น ไม่ใช่ จากนั้นจึงมีการตรวจสอบพบว่า เลขบัตรประชาชน 13 หลักก็ไม่ถูกต้อง เครื่องแบบที่สวมใส่ขณะวิดีโอคอลกับผู้เสียหายก็ไม่ใช่นายตำรวจ ยศ.พันตำรวจโท เพราะสวมเครื่องแบบยศ ร.ต.อ.เท่านั้น จึงให้ตำรวจชุดสืบสวน แจ้งกลับไปยังผู้เสียหายว่า อย่าหลงเชื่อและอย่าโอนเงินให้เด็ดขาด แต่กว่าจะกระจ่าง ผู้เสียหายก็โอนเงินให้มิจฉาชีพไปแล้วหลายแสนบาท



ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า นายตำรวจทั้ง 3 นาย ถูกแอบอ้างเอาชื่อ-สกุลไปหลอกลวงประชาชน ทำให้ประชาชนเสียเงินรายละหลายแสนและเสียเงินล้านบาท แม้จะเป็นการปลอมเอกสาร ซึ่งเมื่อเราได้ข้อมูลมาก็ได้ทำการตรวจสอบ แต่ไม่พบตัวตนตามที่อยู่ จึงยังไม่แน่ใจว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้อยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อสืบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และความผิดในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน



ทางด้าน พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เจอมิจฉาชีพแอบอ้างใช้ชื่อสกุล ไปหลอกลวงชาวบ้านในจังหวัดบึงกาฬแล้วรายแรก คิดว่าเรื่องจะหายเงียบ แต่ปรากฏว่ามีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นดร.อดีตข้าราชการครู อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางมาพบที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น มาแสดงตัวต่อหน้า พร้อมกับบอกว่า มารับเงินที่ค้ำประกันตัวตำรวจที่ถูกย้ายเข้าไปที่สตช.จำนวนล้านกว่าบาทคืน จึงงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่ทราบเรื่อง



จากการสอบถามผู้เสียหายทราบว่า ถูกมิจฉาชีพโทรหา โดยบอกว่ามีเงินจากพวกค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีจำนวนมาก หากไม่อยากมีความผิด ต้องจ่ายเงินให้กับสตช. และมีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 อาทิตย์ มิจฉาชีพจึงบอกว่า มีนายตำรวจ 2 คนที่รู้เรื่องนี้ถูกย้ายเข้าไปประจำที่ สตช.คือ ร.ต.อ.คนาธิป ภูสมตา รองสว.สืบสวน ร.ต.อ.จักกฤษ ชินบุตร รองสว.สืบสวน หากไม่อยากมีความผิด และไม่อยากมีส่วนพัวพันกับกลุ่มค้ายาเสพติดและเพื่อช่วย นายตำรวจ 2 นาย กลับมาทำงานที่สภ.เมืองขอนแก่น ต้องจ่ายเงินให้ สตช. มิจฉาชีพยังกำชับกับผู้เสียหายว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เดียวเรื่องจะแดง จะมีความผิด จะติดคุก แต่ไม่ต้องห่วง เงินที่ช่วยค้ำประกัน นายตำรวจ 2 นาย จะได้คืนทุกบาท ให้มารับคืนที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น เมื่อนายตำรวจ 2 นาย กลับมาทำงานตามปกติแล้ว



ด้านผู้เสียหายหลงเชื่อทุกคำพูดของมิจฉาชีพและไม่ปริปากบอกใคร ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีบัญชีธนาคารดังกล่าว คิดเพียงว่ากลัวความผิด กลัวติดคุก และเชื่อว่าจะได้เงินคืน เมื่อความจริงปรากฏว่าบุคคลที่คุยด้วยนั้นเป็นมิจฉาชีพ และสูญเสียเงินไปล้านกว่าบาท จึงได้แนะนำให้ผู้เสียหาย ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเอาผิดกับมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว



ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการติดต่อจากข้าราชการตำรวจที่สหกรณ์ตำรวจปัตตานีว่า มีญาติถูกมิจฉาชีพอ้างเป็น พ.ต.ท.สุวัฒชัย สว.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น หลอกลวง ว่ามีเงินจากกลุ่มค้ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีธนาคาร จะมีความผิด ในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งต้องติดคุก ถ้าไม่อยากติดคุกต้องจ่ายเงิน ผู้เสียหายรายดังกล่าวหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้มิจฉาชีพไปทั้งหมด 1.2 ล้านบาท จนไม่มีเงินจะจ่ายให้อีก จึงบอกกับญาติที่เป็นตำรวจ ญาติจึงตรวจเช็กรายละเอียดให้ จนทราบว่าเป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ และได้แจ้งมาให้ตนทราบเรื่อง จึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ



จากการตรวจสอบบัตรประชาชนที่มิจฉาชีพส่งให้ผู้เสียหาย เพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นนายตำรวจนั้น ชื่อนาย สุวัฒชัย เกิด พ.ศ.2511 เลขบัตรประชาชนที่ปรากฏไม่ตรงกับของ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ส่วนที่อยู่ตามบัตรประชาชน ม.2 ต.แก่งโศภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ส่วนบัตรข้าราชการตำรวจนั้น มีความผิดปกติที่ชัดเจนมาก ชื่อ สกุล ถูกต้อง แต่เลขบัตรประชาชนผู้ถือบัตรไม่ถูก รูปภาพติดบัตรเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. แต่ที่ลายเซ็น ระบุ พ.ต.ท. ส่วนผู้บัญชาการตำรวจก็เป็นภาค 5 ซึ่งในความจริง ตัวจริงรับราชการอยู่ที่ภาค 4 จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ที่มิจฉาชีพปลอมขึ้นมา นำมาแอบอ้างหลอกลวงเอาเงินจากประชาชน



ในส่วนของ ร.ต.อ.คนาธิป ภูสมตา รองสว.สืบสวน นั้น เป็นนายตำรวจรับราชการที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ก็ถูกมิจฉาชีพ นำชื่อไปแอบอ้างและทำบัตรปลอมขึ้นมา มิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชน ในเคสของดร.ที่เป็นครูเกษียณราชการที่จังหวัดอุบลราชธานี พร้อม ๆ กับ อ้างชื่อ ร.ต.อ.จักรกฤษ รองสว.สืบสวน ให้ประชาชนหลงเชื่อ ความกระจ่างเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาพบนายตำรวจทั้ง 3 นาย ที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น เพื่อรับเงินค้ำประกันคืน ตามคำบอกกล่าวของมิจฉาชีพ

คุณอาจสนใจ

Related News