สังคม

แม่ค้า-ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปะทะเดือด หลังวัดออกกฎห้ามขายปลา สุดท้ายเจ็บทั้งคู่

โดย paranee_s

2 พ.ค. 2567

139 views

จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา ภายในวัดที่บ้านท่าหิน หมู่ 10 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ติดลำน้ำพอง และมีชื่อเสียงในด้านการทำบุญปล่อยปลาเสริมความเป็นสิริมงคล โดยเป็นคลิปที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือเจ้าของร้านขายปลาปล่อยทำบุญในวัด ซึ่งบันทึกภาพชายคนหนึ่งระบุว่าเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เสียงดังเดินเข้ามาพูดว่า คุยกันแล้วให้เวลา 1 เดือนแล้วเอาออก ไม่ต้องมาถ่ายรูปหรอก ไม่สนใจหรอก



พร้อมทั้งอธิบายว่าไม่ให้ขายสัตว์หรือขายปลาในวัดให้เอาออกให้หมด ซึ่งคนถ่ายคลิปบอกว่า ออกไปขายนอกวัดแล้ว ซึ่งวัดไม่ได้ห้าม สักพักก็เริ่มโต้เถียงกันให้ปลดป้าย พร้อมทั้งผลักกันไปผลักกันมาโดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบอกว่าอย่าพูดมาก ก่อนจะสาวหมัดใส่คนถ่ายคลิปกระทั่งกลายเป็นเหตุการณ์ชุลมุนกันเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างปะทะคารม



ก่อนที่ภาพจะเป็นจอดำคาดว่าโทรศัพท์จะตกแล้วคว่ำหน้าลงพื้น โดยจะได้ยินเพียงเสียง ซึ่งจะมีเสียงถังสเตนเลสดังโครมครามเกิดขึ้นเป็นระยะ และมีเสียงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพูดว่า มึงก็เอากับเขาเหรอ กระทั่งเสียงคุถังดังต่อเนื่องก่อนที่จะมีชาวบ้านเข้ามาห้าม และร้านขายปลายังบอกหลังจากแยกกันแล้วว่า ขายปลาเหมือนแม่ไปฆ่าคนตาย ทั้งที่ขายนอกวัดแล้ว จนเหตุการณ์จะสงบ



โดยมีพลเมืองดีมาช่วยแยกและแจ้งตำรวจ กระทั่งลูกชายเจ้าของร้านขายปลามาถึงที่วัด ก็เกิดการปะทะคารมกันอีกครั้ง จนชาวบ้านต้องเข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ และภายหลังเกิดเรื่องขึ้น ช่วงเย็นวันเดียวกัน ก็มีคลิปที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ บันทึกเหตุการณ์ตอนที่ผู้ช่วยหมู มาที่ร้านค้าซึ่งเป็นร้านของญาติฝ่ายคนขายปลา ลักษณะมาพูดฝากไปถึงคนขายปลา ในเชิงข่มขู่



ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปวัดท่าสองคร และได้พูดคุยกับนางสาวปิยะวรรณ อายุ 34 ปี และ นางสาวปุณยนุช อายุ 59 ปี ชาวบ้านท่าหิน ม.10 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งทั้งสองคนอยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนถ่ายคลิปและทะเลาะวิวาทกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในคลิป พาผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุภายในวัด ซึ่งจะมีจุดที่ร้านขายปลาตั้งถังน้ำแข็งและอุปกรณ์สำหรับค้าขายดอกไม้ เสื้อผ้า แว่นตา และหมวก และเป็นจุดที่ให้คนที่มาซื้อปลาไปปล่อยได้นำคุถังมาวางไว้ เพื่อที่ร้านจะได้นำไปเก็บที่หน้าวัด



โดยจะมีป้ายระบุข้อความให้คืนคุถังที่นี่ ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นลงไปปล่อยปลาในลำน้ำพอง และอีกจุดบริเวณหน้าวัด ข้างประตูทางเข้าซึ่งเป็นจุดที่ตั้งร้านขายปลาปล่อย จะมีปลาไหล ปลาดุก ปลาหมอ ปลาช่อน กบ เต่า และหอย โดยเริ่มตั้งร้านตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2567 และก็เกิดเหตุขึ้น โดยก่อนหน้าจะเกิดเหตุทางร้านได้ขอขยายระยะเวลาเพื่อระบายปลาให้หมดในเวลา 1 เดือน และจะไม่ขายภายในวัด แต่ก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น



โดยนางสาว ปิยะวรรณ อายุ 34 ปี แม่ค้าขายปลา เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้นำ แผ่นกระดาษมาให้ แล้วบอกให้อ่านดูนะ แล้วก็เดินกลับไปไม่ได้พูดอะไร โดยข้อความในแผ่นกระดาษ เป็นข้อกฎหมายและพรบ.เกี่ยวกับสัตว์ โดยยกการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ซึ่งมีการออกหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ 3 ข้อ ข้อแรกให้กำหนดพื้นที่วัดเป็นเขตห้ามเจ้าของสัตว์ นำสัตว์มาปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใดใดให้พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ข้อ 2 ให้กำหนดเขตพื้นที่วัดเป็นเขตห้ามซื้อขายหรือการทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าชีวิตสัตว์ภายในเขตวัด และข้อ 3 ให้วัดต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2535 โดยเคร่งครัด ซึ่งหลังจากได้รับแผ่นกระดาษดังกล่าวได้มีการพูดคุยกัน และได้ผ่อนผันไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา



ซึ่งในวันที่ 1 พ.ค.67 วันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองเดินเข้ามาเอาถังเปล่าที่ใส่ปลาไปปล่อย ซึ่งเป็นถังของตนเองที่ลูกค้าซื้อปลาไปปล่อยแล้วนำมาวางที่จุดนี้ เพื่อที่ตนเองจะเก็บไปรอจำหน่ายเวียนต่อที่หน้าร้าน ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัด โดยได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ห้ามจำหน่ายในวัด จู่ ๆ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็มาด้วยท่าทางขึงขัง เสียงดังมาแต่ไกลแล้วก็เป็นไปตามคลิป



ส่วนสาเหตุนั้น เหมือนทางผู้นำจะบอกว่าห้ามมีป้ายปลา และห้ามมีถังปลา ก่อนจะดึงป้ายและถังปลาออก พร้อมทั้งมีการทำร้ายร่างกายตนเองฟกช้ำตามตัว ส่วนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหัวแตก เนื่องจากตนเองเอาถังเหล็กฟาดตอบโต้ไป เพราะคิดว่าไม่มีทางสู้แล้ว



ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ที่อยู่ในวัดต่างตะโกนขับไล่พวกตนเองให้ออกจากหมู่บ้าน บอกเป็นคนบาป และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลักษณะเหมือนคล้ายมีอาการเมา ก่อนจะมีพลเมืองดีที่เป็นคนมาร่วมงานศพที่วัดมาช่วยห้าม บอกกับทุกคนว่าทำไมวัดถึงเป็นแบบนี้และเรียกตำรวจให้ โดยทางคดีตอนนี้ตำรวจให้ไปตรวจร่างกายและรอผลจากแพทย์ประมาณ 1 เดือน และรอเรียกสอบปากคำฝ่ายตนเอง ซึ่งอยากจะดำเนินคดีตามกฎหมาย



ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อยากจะขอความเป็นธรรมว่า อยากค้าขายได้เหมือนเดิม เพราะทำอาชีพนี้มา 4 ปีแล้ว เป็นรายได้หลักให้กับครอบครัว อยากได้ความปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สิน ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวระแวงไม่มั่นใจ อย่างที่อื่นก็มีการขายปลาสำหรับปล่อยทำบุญเยอะแยะเราก็อยากจะขอความเป็นธรรมขอค้าขายปลาตามเดิม เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ขายปลาไม่เคยมีเรื่องอะไรรุนแรง กระทั่งมีการเปลี่ยนทีมผู้ใหญ่บ้านชุดใหม่ขึ้นมาก็ ผู้ช่วยคนนี้ก็เข้ามาดำรงตำแหน่งและเกิดเรื่องขึ้น



พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ช่วยหมู อายุ 61 ปี ชาวหมู่ 10 บ้านท่าหิน แต่ทราบจากคนในบ้านว่าไม่อยู่และยังไม่ทราบว่าจะกลับช่วงไหน ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพบกับ นายพลวัฒน์ ผญบ.บ้านท่าหิน ม.10 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทราบว่า วันเกิดเหตุ 1 พ.ค.67 มีงานศพที่วัด ก่อนหน้านี้ทางวัดได้ทำหนังสือออกมา ซึ่งเป็นข้อกฎหมายกับกรมประมงและศาสนา ไม่ให้ขายสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตภายในวัด ผช.ผญบ.จึงได้นำหนังสือดังกล่าวไปให้ กระทั่งมีปากเสียงกัน จึงได้นัดพูดคุยกันทั้งสองฝ่านและทางวัด โดยตกลงกันว่า ให้ร้านที่จำหน่ายปลาหยุดขายและยืดเวลาให้ทางร้านได้หางานอื่นแทนที่ไม่เกี่ยวกับสัตว์ จนถึง 30 เม.ย.67 จึงให้หยุดขายสัตว์ทุกชนิดในวัด



กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา มีงานศพที่วัด มีการเผาศพ โดย ผช.ผญบ.ออกไปวัดก่อน และไม่ทราบมีการพูดคุยอะไรยังไงกับวัดว่าให้งดขายแล้วแต่ทำไมยังขายอยู่ ทั้งที่แจ้งแล้ว โดยเห็นตั้งร้านอยู่ด้านนอกวัด เอาถังมาปล่อยแล้วเก็บคืน จนมีปากเสียงกัน ปรากฏเป็นคลิปดังกล่าว



ในขณะนั้นก็ได้มีคณะกรรมการวัดและชาวบ้านอยู่หลายคนทราบว่า ผู้ช่วยพูดเสียงดัง ดึงป้ายกันผลัก จนกลายเป็นมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน โดนถังฟาดได้รับบาดเจ็บเย็บไป 2 เข็ม ฝั่งแม่ค้าก็ฟกช้ำดำเขียวก่อนจะมีคนเข้ามาห้ามและแจ้งตำรวจ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีการด่ากันคนเริ่มเยอะขึ้น ขู่ฆ่ากัน จนเหตุการณ์เริ่มบานปลายกระทั่งตำรวจมาคลี่คลายสถานการณ์



กรณีที่ค้าขายนั้น ที่พูดคุยกันเพื่อให้ไปหางานใหม่ แต่ร้านขายปลานำไปตั้งร้านขายที่ข้างป้ายวัดหน้าร้าน มีจำหน่ายปลาและดอกไม้ โดยมีถังน้ำคอยใส่ปลาเพื่อให้ไปปล่อยในวัดและนำมาคืนที่หน้าร้าน



ซึ่งหากร้านไหนดีอยู่แล้วก็ผลักดันส่งเสริมร่วมกันทั้งหมู่บ้านและวัดร่วมกัน หากอันไหนไม่ดีก็ต้องจัดการให้ถูกต้อง โดยเรื่องวัดเป็นนิติบุคคลที่จะต้องมีกรรมการวัดและชาวบ้านประชุมหารือกันอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหา เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งมองได้หลายมุม ทั้งความเหมาะสมในการตั้งจุดขาย แม้ไม่ใช้บริเวณวัด แต่ตั้งริมถนนหน้าวัด ก็จะต้องมีการประชุมกันก่อนอีกครั้ง เพราะเป็นวัดที่มีชาวบ้าน 2 หมู่บ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาในพื้นที่ร่วมกัน



และหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วมกันทั้งวัดและชาวบ้าน ก็จะมีการทำป้ายห้ามขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเดิมทีวัดเคยขึ้นป้ายมาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากพายุและสภาพอากาศทำให้ป้ายผุพังและยังไม่ได้แก้ไขปรับปรุงใหม่ แต่ทั้งนี้หากประชาชนนำปลามาเองวัดก็ไม่ได้ห้าม แต่สามารถนำจากที่อื่นมาเองได้



หากมองในมุมว่าร้านขายปลาอยู่หน้าวัดซึ่งไม่ได้อยู่ในบริเวณวัด กับการซื้อจากที่อื่นแล้วนำมาปล่อย ถามว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น ก็จะต้องรอการประชุมด้วยเช่นกัน เพราะยังไม่มีข้อสั่งการระเบียบใดๆ ขึ้นมา ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบในตรงนี้เพิ่มเติม การที่ผู้นำเข้าไปแล้วดึงป้ายเช่นนั้น จริง ๆ ก็เป็นการกระทำที่ไม่ถูก แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก่อนบ้าง แต่การกระทำดังกล่าวก็ถือว่าไม่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดก็จะมีการพูดคุยกันทุกฝ่ายอย่างเป็นทางการในช่วงเย็นวันนี้อีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งผู้นำไม่ควรจะมีเรื่องทะเลาะกับลูกบ้าน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ