สังคม

'บิ๊กต่าย' สั่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อม 4 ตำรวจ เปิดคำสั่งฉบับเต็ม

โดย passamon_a

19 เม.ย. 2567

523 views

บิ๊กต่าย เซ็นคำสั่ง บิ๊กโจ๊ก และตำรวจ รวม 5 นาย ออกจากราชการ หลังพบความผิดเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ BNK Master มีคำสั่งวันที่ 18 เม.ย.67


เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ได้ลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาทางวินัยกับ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องมาจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง พร้อมกับตำรวจอีก 5 นายแล้ว มีผลเมื่อวันที่ 18 เม.ย. โดยคณะกรรมการดังกล่าวมี พลตำรวจเอกสราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน


รวมถึงได้ลงนามในคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องเห็นว่ากระบวนการสอบสวนจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากมีกรอบระยะเวลาถึง 270 วัน จึงได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามกฎ ก.ตร.เช่นกัน โดยได้รายงานไปยังนายกรัฐมนตรี และขณะนี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือส่งตัวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ที่ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ให้กลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบว่าทางกองวินัยและคณะกรรมการฯ ได้แจ้งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ทราบคำสั่งดังกล่าวตามขั้นตอนแล้วหรือไม่


พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า การลงนามในคำสั่งดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการพิจารณาพบว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และข้าราชการอีก 4 นาย ได้กระทำผิดจริงร้ายแรงจริง ขณะนี้ถือว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา


โดยหลังจากนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังมีสิทธิ์ในการอุทธรณ์ และชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงร้องทุกข์หรืออุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมของตำรวจได้ หรือหากจะฟ้องร้องไปยังศาลปกครองก็ถือเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ตนเองในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ และได้ใช้เวลาพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดจนชัดเจน จึงไม่มีความหวั่นเกรงใด ๆ ส่วนนายกรัฐมนตรีได้กำชับเพียงว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายระเบียบและคำสั่งอย่างเคร่งครัดและรอบคอบเท่านั้น


สำหรับดำเนินการในส่วนของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล นั้น ทราบเพียงว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง สน.เตาปูน จึงต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนที่ สน.เตาปูน ตามลำดับขั้นตอนก่อน และหากขั้นตอนดำเนินมาถึงจุดเดียวกันนี้ ก็ต้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณา


ส่วนกรณีที่ตนเองเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. นั้น ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดไปถึงเรื่องในอนาคต และแม้ว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรก็พร้อมเคารพในความคิดเห็นของ ก.ตร. และนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้เสนอรายชื่อขึ้นมา ยืนยันตนเองจะอยากให้องค์กรเดินหน้าต่อไปให้ประชาชนเชื่อถือและศรัทธา


สำหรับหนังสือคำสั่งที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ใจความว่า ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้

1. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

2. พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา

3. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธร พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

4. ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร

5. ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผู้บังคับหมู่ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร


มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNK Master จนถูกดำเนินคดีอาญา และถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน และมีเหตุผลให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1) คือถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา


โดยผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชนป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดทางอาญาเสียเอง ซึ่งเป็นคดีสำคัญ ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้ ประกอบกับได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว


ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 115 มาตรา 108 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2549 ข้อ 8 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 118/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน จึงให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับพวก รวม 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์


และล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177/2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว โดยมีทั้งสิ้น 14 นาย ซึ่ง พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. นั่งเป็นประธาน


ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป


อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องตันแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการใดในเรื่องที่สอบสวนอยู่ด้วยให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/PevFTX1wZGc

คุณอาจสนใจ

Related News