เร่งล่าตัว 2 ชาวต่างชาติ ฉกสร้อยข้อมือหรูมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านบาท กลางห้างฯดัง

ตำรวจเร่งตามล่าตัว 2 ชาวต่างชาติขโมยทองในห้างดังย่านปทุมวัน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์คนร้ายเป็นชายผิวขาวสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขายาวสีดำ ใส่แว่นสายตา ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่แว่นสายตาและหมวกผ้าสีดำ ลักษณะเหมือนชาวต่างชาติ เดินเข้ามาภายในร้านจำหน่ายเครื่องประดับแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โดยทั้งสองคนได้ทำทีขอดูสร้อยข้อมือหรูที่ประดับไปด้วยเพชร และมีมูลค่าสูงถึง 1,040,000 บาท


คนร้ายทั้งสองคนอาศัยจังหวะช่วงที่พนักงานเผลอ ผู้หญิงได้ใช้โทรศัพท์มือถือขึ้นมาบัง ส่วนฝ่ายชายก็ทำทีเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าในกระเป๋ากางเกงด้านขวา เหมือนเป็นการสับขาหลอก แล้วรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว


พันตำรวจเอก อาคม ชุพรัตน์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยกับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า หลังจากได้สร้อยข้อมือไป คนร้ายทั้งสองคนได้เดินไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าห้างฯ เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า โคโลร่า สีเขียว-เหลือง ทะเบียน 9327 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป จากนั้นตำรวจได้วิทยุสกัดจับรถแท็กซี่คันดังกล่าว พบว่าได้วิ่งไปทางถนนเส้นพระรามเก้า แล้ววิ่งกลับมาขึ้นทางด่วนดินแดง มุ่งหน้าดอนเมือง แต่แล้วก็คลาดกันหวุดหวิด คาดว่าแท็กซี่คันดังกล่าวจะเป็นคนร้ายร่วมแก๊งเดียวกัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถแท็กซี่คันดังกล่าว รวมทั้งอยู่ระหว่างการประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อสืบหาว่าคนร้ายทั้งสองคนเป็นใคร สัญชาติอะไร และเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้ จากการสอบถามคนในร้าน บอกว่า ผู้ก่อเหตุมีลักษณะเป็นนักท่องเที่ยว ตอนที่เข้ามาที่ร้าน ไม่ได้พูดภาษาไทย แต่ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นสัญชาติอะไร ต้องตรวจสอบก่อน


นอกจากนี้ มีรายงานจากการสืบสวนว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นชาวจีน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ ส่วนรถแท็กซี่ที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนีไปนั้น คนขับกับชื่อผู้ครอบครองรถเป็นคนละคนกัน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ครอบครองรถมาสอบถาม


ส่วนลูกจ้างที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ ก็ให้การในเบื้องต้นว่า ตนประมาทเพราะไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเข้ามาฉกสร้อยข้อมือไป เพราะทั้งสองคนแต่งตัวดูมีภูมิฐานมีฐานะ และด้วยความที่เป็นร้านหรูที่อยู่ในห้างฯชื่อดัง ก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงประมาทไม่ได้จับตามองตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกลูกจ้างมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทีมข่าวลงพื้นที่มายังศูนย์การค้าสยามพารากอน พบว่า วันนี้ร้านเพชรที่เกิดเหตุ ปิดให้บริการ โดยปิดประตูร้านมิดชิด และนำเครื่องเพชรที่โชว์อยู่ในตู้บริเวณรอบร้านออกไปแล้วทั้งหมด ส่วนทางผู้จัดการร้านบอกว่าไม่สะดวกที่จะให้ข่าว


ทั้งนี้ ทีมข่าวสังเกตว่า จุดที่ตั้งของร้านดังกล่าว อยู่ค่อนข้างใกล้กับประตูเข้าออกฝั่งลานน้ำพุ โดยใช้เวลาเดินไม่ถึง 1 นาทีจากประตูเข้าออก อีกทั้งบริเวณทางเข้าออกลานน้ำพุ ก็เป็นจุดที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน มีคนเดินผ่านไปมาตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งวันนี้แม้ศูนย์การค้าจะเพิ่งเปิดให้บริการตอน 10.00 น. แต่บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแล้ว