สังคม

สุดช้ำใจ! สาวเจอหนุ่มหลอกให้รักออนไลน์ โอนเงินให้สูญ 3 แสนบาท จัดงานแต่งเก้อไป 2 รอบ

โดย gamonthip_s

11 เม.ย. 2567

609 views

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 เม.ย. 67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางสาวอ้อม (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังตนเองถูกชายหนุ่มทักเข้ามาในเฟซบุ๊ก แล้วหลอกแต่งงาน ก่อนจะหยอดคำหวานให้โอนเงินผ่านบัญชีไปที่พระรูปหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนของชายหนุ่มคนนี้ ตลอดเวลาตนเองช่วยเหลือสารพัดทุกเรื่อง จนสูญเงินกว่า 300,000 บาท เมื่อทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา  



นางสาวอ้อม ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองรู้จักนายเวฟ อายุ 40 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยนายเวฟ เป็นคนทักมาพูดคุย ตั้งแต่ช่วงประมาณต้นปี 2564 จากนั้นคุยผ่านทางข้อความแชตกันได้ประมาณ 1 เดือน ก็ตกลงคบหาดูใจกัน โดยเป็นการพูดคุยผ่านการโทรด้วยเสียง และพิมพ์แชตข้อความคุยกันมาตลอด จากนั้นไม่นาน นายเวฟอ้างกับตนเองว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน และมีการขอหยิบยืมเงินก้อนแรกจากตนเอง โดยอ้างว่าจะนำไปซ่อมคอมพิวเตอร์ และส่งหมายเลขบัญชีให้ โดยปลายทางเป็นชื่อ พระเชาวลิตร ซึ่งเป็นบัญชีของพระรูปหนึ่ง ภายในวัดแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยตนเองก็โอนเงินให้ตามปกติ และได้มีการถามนายเวฟ แฟนของตนเองว่า ทำไมบัญชีปลายทางจึงเป็นชื่อพระ แต่นายเวฟอ้างกับตนเองว่าพระคือเพื่อนสนิท ที่เคยทำงานกู้ชีพด้วยกัน ที่จังหวัดสุรินทร์ และบอกอีกว่าบัญชีส่วนตัวของนายเวฟ ถูกธนาคารอายัดไม่สามารถใช้งานได้ จึงให้บัญชีเพื่อนซึ่งเป็นพระมาแทน ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด


จากนั้นก็มีการพูดคุยและคบหากันมาเรื่อย ๆ และนายเวฟก็มีการหยิบยืมเงินตนเองอยู่ตลอด และทุกครั้งก็จะโอนผ่านบัญชีพระเช่นเดิม จากนั้นพระเชาวลิตร มีการทักข้อความเฟซบุ๊กมาหาตนเอง และมีการถามตนเองว่าทำไมถึงใจดีจัง และถามว่าทำไมต้องโอนเงินให้นายเวฟอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งตนเองก็มีการพูดคุยข้อความกับทางพระเชาวลิตร เพราะเข้าใจว่าพระคือเพื่อนของแฟน ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณต้นปี 2564 หลังจากที่ตนเองคบหากับนายเวฟไปสักระยะ ตนเองได้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่พระเชาวลิตร เพื่อนของนายเวฟ แฟนหนุ่ม พักอยู่ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงตนเองได้เจอแค่พระเชาวลิตร และได้มีการสอบถามทางพระเชาวลิตรถึงนายเวฟ แต่ขณะนั้นพระบอกกับตนเองว่านายเวฟไม่อยู่ ออกไปกับแฟนสาวข้างนอก ทำให้ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจมาตลอดว่านายเวฟไม่ได้มีใคร และกำลังคบหาอยู่กับตนเอง



หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกับทางพระเชาวลิตร ซึ่งขณะนั้นทางพระมีการขอยืมเงินของตนเอง ซึ่งตนเองก็โอนเงินให้พระ จากนั้นก็กลับบ้านตามปกติ แต่ก็ยังคงมีการพูดคุยกับนายเวฟและยังคบหาเป็นแฟนอยู่ตามปกติ จนกระทั่งช่วงกลางปี 2564 นายเวฟมีการให้ความหวังตนเองอยู่เรื่อย ๆ และมีการพูดคุยกันเรื่องการแต่งงาน โดยจะจัดงานแต่งที่บ้านของตนเอง ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งขณะนั้นตนเองได้มีการให้คนในครอบครัวจัดเตรียมสถานที่ และเชิญแขกใกล้เคียงมาร่วมงานแต่ง แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันงาน นายเวฟ ซึ่งเป็นแฟนและเป็นเจ้าบ่าว กลับไม่มาที่งานแต่ง และอ้างว่าเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นทำให้ตนเองและครอบครัวเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงให้อภัยและพูดคุยกันคบหากันตามเดิม



กระทั่งล่าสุด ตนเองและนายเวฟ ได้มีการตกลงที่จะจัดงานแต่งกันอีกครั้งในวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยนายเวฟได้ให้ตนเองโอนเงินไปให้ โดยอ้างว่าเป็นค่ามัดจำชุดแต่งงาน จำนวน 7,000 บาท ซึ่งตนเองก็โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของพระเชาวลิตรเช่นเคย และในวันที่ 12 มีนาคม 2567 ตนเองก็เดินทางจากกรุงเทพ เพื่อที่จะกลับจังหวัดสุรินทร์ และไปเตรียมเรื่องงานแต่งที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มีนาคม 2567 แต่ปรากฏว่าขณะเดินทางก็ไม่สามารถติดต่อนายเวฟได้ ตนเองเริ่มเอะใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยจัดงานแต่งเก้อไปแล้วหนึ่งครั้ง จนกระทั่งถึงวันงานก็ไม่สามารถติดต่อทั้งนายเวฟ และพระเชาวลิตรได้อีก ทำให้ตนเองต้องนั่งรถกลับมาทำงานที่กรุงเทพด้วยน้ำตาและความเจ็บช้ำใจ



เมื่อติดต่อนายเวฟได้ ตนเองก็พยายามทวงถามถึงเรื่องเงิน และมีการบอกว่าจะไปขอความช่วยเหลือกับทนายรณณรงค์ ทำให้นายเวฟอ้างอยู่ตลอดว่าจะหาเงินมาคืนให้ จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว นางสาวอ้อม ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่คบหากับนายเวฟนั้น ตนเองได้ยินแต่เสียงในโทรศัพท์ หน้าก็ไม่เคยเห็นแขนก็ไม่เคยจับและด้วยความรักที่มีทำให้สูญเงินให้นายเวฟกว่า 3 แสนบาท ยอมรับว่าขณะนี้ตนเองช้ำใจเป็นอย่างมาก และอยากที่จะได้เงินคืน จึงตัดสินใจหอบหลักฐานร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ตอนนี้ตนก็ถูกแม่ที่อยู่ทางบ้านรวมทั้งคนในครอบครัวต่อว่าด่าทอ ที่ทำตัวเหมือนคนโง่ไปให้เขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตนอยากคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว


ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ทางผู้เสียหายได้เดินทางมาร้องเรียนกับตน หลังจากโอนเงินให้ทางแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจมานานกว่า 3 ปี หมดเงินไปกว่า 3 แสนบาท ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยเห็นหน้าแฟนหนุ่ม โดยมีคนกลางเป็นพระภิกษุสงฆ์ในการรับโอนเงินเข้าบัญชีในทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าแฟนหนุ่มผู้เสียหายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพแห่งหนึ่งมีตัวตนจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นคนเดียวกับพระที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของสองคนนี้ โดยทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมจะให้ความช่วยเหลือโดยการทำหนังสือในการพูดคุยไกล่เกลี่ย พร้อมทั้งจะส่งคนไปสืบดูว่านายเวฟ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพมีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้จากการที่ดูพยานหลักฐานสลีปโอนเงิน เบื้องต้นอาจมีความผิดข้อหาฉ้อโกง มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท ทั้งนี้ก็จะให้ทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

คุณอาจสนใจ