อุกอาจ! จนท.สาวอยู่เวรคนเดียว เจอคนร้ายเนียนขอทำแผล ก่อนเอามืออุดปาก-บีบคอ คา รพ.สต.

มีเหตุระทึกเกิดขึ้น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 เม.ย. 2567ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดด้านหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านห้วยแอ่ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม จับภาพชายคนร้าย สวมเสื้อแขนยาวคอปกสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ยืนอยู่บริเวณทางเข้าโรงพยาบาล ยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้  ในมือคล้ายกับถือพลาสเตอร์ยาเพื่อปิดแผลที่เท้า  

จากนั้น กล้องอีกตัวเป็นกล้องภายในโรงพยาบาล จับภาพขณะที่ เจ้าหน้าที่หญิงท่านหนึ่ง กำลังนั่งอยู่เวรที่โต๊ะ จากนั้น มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแขนยาวคอปกสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ย่องเข้ามาด้านหลัง ก่อนใช้มือปิดปาก และบีบคอ  

เจ้าหน้าที่หญิงพยายามดิ้นรนจนรอดพ้นเงื้อมมือคนร้าย และวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ ขณะที่ คนร้ายฉวยโอกาสวิ่งหลบหนีไป

จากนั้น มีกล้องวงจรปิดริมถนนใกล้กับโรงพยาบาล จับภาพคนร้ายขณะวิ่งหนีออกมา มุ่งหน้าจะเข้าตัวเมืองมหาสารคาม ห่างจาก รพ.สต.บ้านห้วยแอ่ง ไปประมาณ 150 เมตร  

ก่อนที่คนร้ายจะไปเจอกับ นางราตรี ชาวบ้านที่ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า ซูมเมอร์ เอ็กซ์ สีชมพู-ดำ ที่กำลังออกมาจากบ้านพัก คนร้ายพูดข่มขู่ให้นางราตรีลงจากรถ จากนั้นก็ชิง จยย.หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้

-------------

วานนี้ (8 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวไปติดตามความคืบหน้า ที่ รพ.สต.บ้านห้วยแอ่ง พบว่า มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าตูม และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เข้ามาเก็บหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ พร้อมนำขวดน้ำ ผ้าก๊อซ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีลายนิ้วมือของคนร้าย ไปตรวจสอบเพื่อหา DNA ประกอบสำนวนคดี

สอบถาม น.ส.นันทิดา (สงวนนามสกุล) หรือ หมอหนูแดง อายุ 31 ปี  ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกำลังเข้าเวรอยู่คนเดียว นั่งอยู่ที่โต๊ะบริการจุด One Stop Service มีชายสวมเสื้อแขนยาวคอปกสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่รองเท้าแตะ เดินเข้ามาภายใน รพ.สต. โดยมาล้างแผลที่บริเวณน่องขวา เป็นแผลเย็บ แต่ตนเองดูแผลแล้วพบว่า แผลแห้งแล้ว ไม่ต้องล้างก็ได้  

พอสอบถามถึงบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบสิทธิ คนร้ายบอกว่าไม่ได้เอาบัตรมา และบอกว่า เดินทางมาจาก จ.ร้อยเอ็ด ทะเลาะกับแม่มา กำลังจะไปหาพระในจังหวัดมหาสารคาม ต้องเดินเท้าไป พอตนไม่ล้างแผลให้ ก็บอกว่าปวดแผล ขอยาพาราเซตามอล ตนจึงให้ไป 1 แผง แต่คนร้ายแกะกินแค่ 1 เม็ด ก่อนจะเดินออกไป

รอบที่ 2 คนร้ายเดินเข้ามาอีก บอกว่าที่เท้าเป็นแผลถลอกจากรองเท้ากัด และเดินมาไกล ขอพลาสเตอร์ปิดแผล ตนก็หยิบส่งให้ โดยให้คนร้ายนำไปติดแผลเอง

รอบที่ 3 มาขอพลาสเตอร์ปิดแผลอีก ขอสำลีเพิ่ม เพราะอันเก่าหลุด แล้วคนร้ายขอยาพาราฯ อีก 2 เม็ด ตนให้พลาสเตอร์ยากับสำลี แต่ไม่ได้ให้ยาพาราฯ พร้อมอธิบายว่ายาพาราฯ ต้องกินทุก 4 - 6 ชั่วโมง

คนร้าย บอกว่า จะเข้าไปในตัวเมืองมหาสารคาม แต่ขอมารอรถโดยสารสีชมพู บริเวณศาลาใน รพ.สต.ได้หรือไม่ ตนตอบไปว่าไม่ได้ ให้ไปรอที่ศาลารอรถด้านนอก คนร้ายก็เหมือนจะเข้าใจ บอกขอบคุณ แล้วก็ออกไป

หลังจากนั้น ตนเดินสำรวจรอบ รพ.สต. เพื่อดูว่าคนร้ายได้ออกไปจริง ๆ แต่ตนรู้สึกถึงความผิดปกติ เลยแชทไลน์กลุ่มคุยกับเพื่อนว่าจะทำอย่างไรดี เหตุการณ์มันแปลก ๆ จะแจ้งความดีหรือไม่  

ซึ่งคนร้ายได้เข้ามาอีกเป็นรอบที่ 4 โดยเข้ามาอีกประตู ก่อนเอามือปิดปากตน อีกมือก็บีบคอ ตนสู้สุดแรง อยากจะร้องให้คนช่วย แต่ร้องไม่ออก พอสะบัดหลุดก็รีบวิ่งออกไปที่ด้านนอก พร้อมกรี๊ด และตะโกนให้คนช่วย ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเห็นความผิดปกติ เลยรีบวิ่งมาดู ส่วนคนร้ายวิ่งหลบหนีไปทางเข้าตัวเมืองมหาสารคาม ก่อนที่ตนจะไปแจ้งตำรวจ

หมอหนูแดง  บอกว่า ตนเคยดูแต่ในข่าว ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เห็นข่าวครูที่เชียงใหม่ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง รู้สึกตกใจมาก ๆ รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก น่ากลัวมาก ตนยังเจ็บที่คอนิดหน่อย แต่อาการโดยรวมไม่ได้รุนแรงอะไร

-------------

ด้าน นางกรรณิการ์ โง่นสุข ผอ.รพ.สต.บ้านห้วยแอ่ง กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนไม่อยู่ มีเพียงหมอหนูแดงที่เข้าเวรคนเดียว ซึ่งหมอหนูแดงให้น้องสาวมาอยู่เป็นเพื่อน

แต่ช่วงเกิดเหตุ น้องสาวอยู่อีกห้องทางด้านหลัง จึงไม่ได้ยินเสียง หลังจากทราบข่าวว่าหมอหนูแดงถูกทำร้าย ตนตกใจมาก เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน  

เมื่อทราบว่า หมอหนูแดงปลอดภัย และได้ดูคลิปเหตุการณ์ ก็บอกให้ไปแจ้งความ ซึ่งทางตำรวจ สภ.ท่าตูม ได้มาดูที่เกิดเหตุ และสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว คาดว่าคนร้ายไม่ใช่คนในพื้นที่ เพราะไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน  

อีกทั้ง ที่โรงพยาบาล ปกติการเข้ารับบริการ ต้องใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนเพื่อตรวจสอบสิทธิให้คนไข้ แต่หากมีคนไข้แวะมา และไม่มีบัตร ก็ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้ ก็ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป  

แต่ถ้า...รายไหนที่พิจารณาแล้วมีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่ก็จะระมัดระวังตัว แต่หมอหนูแดงเพิ่งมาทำงานได้ปีกว่า จึงอาจจะไม่มีประสบการณ์ และอาจจะไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงของตัวเอง คิดแค่ว่าอยากให้บริการผู้ป่วยมากกว่า

ผอ.รพ.สต.บ้านห้วยแอ่ง ยังบอกด้วยว่า ส่วนใหญ่เวลาเจ้าหน้าที่อยู่เวร จะเปิดประตูไว้ด้านเดียว แต่พอดีว่า วันเกิดเหตุ อสม.จะมาส่งเอกสาร เลยเปิดประตูไว้ 2 ประตู จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น  

หลังจากนี้ จะต้องป้องกันเหตุเพิ่มเติม โดยช่วงเวลาเข้าเวร จะจัดเจ้าหน้าที่มาเข้าเวรครั้งละ 2 คน และขอเข้าแผนครุภัณฑ์ เพื่อจัดซื้อกล้องวงจรปิดมาติดตั้งเพิ่มเติม

ด้าน นายเกียรติศักดิ์  ชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่มาทำแผลที่ รพ.สต. เล่าว่า

เพื่อนในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่คนร้ายจะไปชิง จยย.ของนางราตรี คนร้ายมาโบกรถของเพื่อนตน เพื่อนตนจอดรถถามว่าเป็นอะไร ไปยังไง มายังไง คนร้ายบอกว่าถูกทำร้ายมา ให้ไปส่งที่ตัวเมืองมหาสารคาม แต่เพื่อนของตนไม่ไป คนร้ายเลยกระโดดคร่อมที่ด้านหลัง เพื่อนตนบิดรถหนี คนร้ายเลยตกรถ ไม่ได้รถไป ก่อนที่คนร้ายจะไปชิง จยย.ของนางราตรี

ด้าน น.ส.นงนภัส (สงวนนามสกุล) หลานสาวของนางราตรี เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนอยู่หลังบ้าน ป้ากำลังขี่ จยย.ออกไปซื้อของ พอดีคนร้ายวิ่งมา เหมือนกับวิ่งออกกำลังกาย ป้าเลยหยุดรถให้ แต่ปรากฏว่า คนร้ายได้ขู่บอกให้ป้าลงจากรถ แล้วจับแฮนด์รถไว้ ด้วยความกลัว ป้าจึงลงรถ แล้วคนร้ายขี่รถหลบหนีไป

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.มหาสารคาม ลงพื้นที่ติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี  เบื้องต้นมีรายงานว่า มีพลเมืองดีพบเห็นคนร้ายอยู่ในพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นคนร้ายจริงหรือไม่

หากใครพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่ สภ.ท่าตูม หรือที่งานสืบสวน ภ.จว.มหาสารคาม

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ea_ACqZkqEY