สังคม

'บิ๊กเต่า' รับหลักฐานส่วยจาก 'ทนายตั้ม' ยันไม่เคยเลียตูดนาย ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าประตูคุก

โดย nattachat_c

29 มี.ค. 2567

21 views

วานนี้ (28 มี.ค.) เวลา 11.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เดินทางมายัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อนำข้อมูลขบวนการรับส่วย และเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาให้กับ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง


โดยพลตำรวจตรีจรูญกล่าวว่า วันนี้ ได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ จะส่งพยานหลักฐานที่ได้รับจากทนายตั้ม ไปให้ บก.ปปป. และตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน รวมถึงตรวจสอบเส้นเงินว่า มีความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง รวมถึงเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ เพื่อลงรายละเอียดในสำนวนการสอบสวน แต่สำนวนนี้ จะยังไม่ส่งไปยัง ป.ป.ช.เนื่องจากทนายตั้มยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี ในความผิดตามมาตรา 157 และ 149


ทั้งนี้ ไม่ได้กังวลเรื่อพยานหลักฐาน เพราะเชื่อว่าเป็นวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งหากมีความเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องดีที่ทนายนำข้อมูลมาให้ แม้ว่าทางตำรวจจะมีข้อมูลจากคดีเก่าอยู่แล้วบางส่วน แต่เป็นโอกาสดีที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะตำรวจก็ต้องการกวาดบ้านตัวเอง ใครทำผิดก็ต้องออกไป พร้อมย้ำ จะตรวจสอบทุกมิติทั้งเส้นทางการเงิน 30 เส้น รวมถึงตัวย่อนายตำรวจต่าง ๆ ที่ถูกพาดพิง และเป็นอุดมการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ใครเกี่ยวข้องจะไม่ละเว้น


ส่วนกรณีที่ถูกบอกว่าตนเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ จะมีผลต่อการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเลียตูดนาย ไม่ได้เป็นเด็กใครตามหน้าที่ ไม่ใช่เด็กของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ตนเองทำงาน และมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความสามารถของตนเอง ทำเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด และมีอุดมการณ์ของตนเอง ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง


ส่วนกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ สองครั้งนั้น ไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะไม่อยากให้สร้างประเด็นอื่น ๆ และไม่อยากให้ขัดกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ย้ำกับสื่อมวลชนว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์

-------------

ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวว่า ตนเองมาในฐานะประชาชนที่พบเห็นการกระทำกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงนำเอกสารหลักฐานเป็นแชท สลิปโอนเงิน และสเตทเม้นท์รวมทั้งเส้นเงินรวมทั้งเส้นเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ของนายคชาชาญไปนายณัฐพงษ์ จะมีการโอนต่อไปยังตำรวจหลายนาย


รวมถึงอดีตอุปนายกสมาคมนักข่าวแห่งหนึ่งให้ทำบุญ มีการโอนไปยังเครือญาติของบิ๊กตำรวจมามอบให้กับ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ซึ่งหลังจากได้ฟังคำพูดของพลตำรวจตรีจรูญเกียรติแล้วก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% เมื่อวานนี้ และจะรอดูการทำสำนวนว่า จะมีการตรวจสอบรายละเอียดตามที่ตนได้ร้องขอในวันนี้หรือไม่


ส่วนวันนี้ ยืนยันว่า ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157 และ 149 เป็นเพียง การนำเอกสารหลักฐานมาให้ตรวจสอบในกรอบระยะเวลา 30 วัน จากนั้นตนเองจะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าก่อนพิจารณาดำเนินการในลำดับต่อไป ซึ่งเบื้องต้นอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบข้อมูลที่นำมาให้ก่อนว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ก่อนขอเอกสารฉบับจริงจากทางธนาคารเพื่อดำเนินคดี ยืนยันว่าไม่มีเจตนาออกมาป่วน


ตอนนี้ ยอมรับว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากสายลับที่เป็นตำรวจ ส่งข้อมูลมาให้ตนเองเพราะ ทนกับระบบไม่ได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับมาไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ แต่หากมีผู้นำข้อมูลที่พบว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ทำผิดกฎหมายตนเองก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน และหลังจากนี้ตนเองจะไม่ขอให้สัมภาษณ์ถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์อีก


ส่วนกรณีที่วันนี้ (29 มี.ค.) ทีมทนายทนายความของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล จะไปฟ้องร้องตนเองที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ฐานหมิ่นประมาทนั้น เบื้องต้นได้รับทราบแล้ว และรู้ว่าใครคือทีมทนาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวเคยฟ้องร้องกับตัวเองมาแล้ว 6 คดี แต่ศาลยกฟ้องทุกคดี


พร้อมเตือนไปยัง ผบ. ตร.ขอให้คิดดี ๆ คิดใหม่ จากนั้น ทนายตั้มได้พูดชื่อของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า เป็นผู้ที่เคยฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาทกับตนเอง และตนเองชนะทุกคดี แต่ไม่เคยได้รับเงินชดใช้ตามที่ศาลมีคำสั่ง


ทนายตั้มยังฝากไปถึงนายอัจฉริยะ ให้ออกมายืนข้างประชาชนดีกว่า อย่าไปออกรับแทนตำรวจพวกนั้นเลย ให้มายืนคู่กันแฉเรื่องส่วยดีกว่า พูดเองยังขนลุกเลย และวันเสาร์นี้ ตนเองจะไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง พร้อมเชิญชวนให้ผู้สื่อข่าวไปด้วยกัน ซึ่งตนเองจะเปิดข้อมูลขบวนการนี้เพิ่มเติม


ภายหลังทนายตั้มให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว ได้กล่าวว่า จะเชื่อมั่นในพลตำรวจตรีเจริญเกียรติเพิ่มขึ้นเป็น 70% และจะเข้ามาให้ข้อมูลกับพลตำรวจตรีจรูญเกียรติเกี่ยวกับพยานหลักฐานอีกครั้ง ในวันอาทิตย์นี้

-------------

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยนื่ออาชญากรรม เปิดเผยถึงกรณีที่วันนี้  (29 มี.ค.) เวลา 13.30 น. ทีมทนายความของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการาตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางไปศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฟ้องร้องนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังเปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่า เป็นเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์ และขบวนการรับส่วยที่เชื่อมโยงไปถึงพลตำรวจเอกต่อศักดิ์นั้น



โดยยอมรับว่า ตนเองพร้อมทั้งทีมที่ปรึกกษาทางกฎหมายได้เข้าไปพบพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ และได้มีการทำหนังสือมอบอำนาจให้ตนเองเป็นผู้ดำเนินการจัดหาทีมทนายความเพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายทุกขั้นตอน รวมถึงแถลงข่าว หรือให้ข่าวกับสื่อมวลชน


พร้อมแต่งตั้งนายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาค 1 เป็นทนายความในคดีนี้ เพื่อฟ้องนายษิทราฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษนา เนื่องจากตนเองมองว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมที่ถูกกล่าวหาใส่ร้ายว่า มีการเรียกรับสินบน ด้วยการให้ตำรวจชั้นผู้น้อยไปเรียกรับสินบนจากบัญชีม้าหลายราย  ทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติยศ และวงศ์ตระกูล

----------------

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master มีการพยายามออกหมายเรียก พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปรากฏข้อมูลเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเครือข่าย ถึง 2 ครั้ง ซึ่งไม่เป็นผล ตัวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังไม่การเดินทางเข้าให้ปากคำ หรือรับทราบข้อกล่าวหา กับคณะพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด


จนหมายเรียกครั้งที่สอง มีกำหนดครบวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด มีรายงานจากคณะทำงานว่า คณะพนักงานสอบสวนในคดี มีมติดำเนินการออกหมายเรียกครั้งสุดท้าย เป็นครั้งที่ 3 โดยมีการออกหมายเรียกเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา


โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องดำเนินการส่งหมายเรียกให้กับตัวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ด้วยตนเอง ซึ่งขณะนี้ ในส่วนของหมายเรียกดังกล่าว มีการส่งไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อย สำหรับหมายเรียกครั้งนี้ มีกำหนดเรียกเข้าพบในวันที่ 1 เมษายน ที่จะถึงนี้ ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2


โดยหากไม่มีการเดินทางเข้าตามนัดหมายของหมายเรียกครั้งที่ 3 คณะพนักงานสอบสวนจะมีการดำเนินการนำเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป

---------------



คุณอาจสนใจ