สังคม

สภาฯวุ่น ถกรายงาน “Entertainment Complex” ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุม รัฐบาลเสนอให้ขานชื่อจนครบองค์ประชุม

โดย paranee_s

28 มี.ค. 2567

433 views

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.เวลา 14.30 น.ที่ประชุมรัฐสภา มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่2 พิจารณารับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครงวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกมธ.วิสามัญฯ ชี้แจงรายงานว่า กมธ.ฯพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน และใช้การศึกษาของอนุกมธ.ฯเป็นหลัก เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งการทำงานในครั้งนี้เป็นการส่งมอบภารกิจงานใน 3 หัวใจหลักของการศึกษา

1.ด้านกฎหมาย เพราะการที่เราจะสามารถเดินหน้าในเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรได้ ตัวกฎหมายซึ่งในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่รองรับ จึงจำเป็นจะต้องมีกฎหมายที่เป็นกุญแจหลักที่สามารถทำให้กลไกนี้เดินหน้าได้

2.รูปแบบธุรกิจและรายได้ของรัฐ มีการนำตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและการเดินหน้าสามารถสร้างเศรษฐกิจโดยที่มีกลไกในการป้องกันอย่างเหมาะสมมาใช้

3.ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคม ซึ่งเราได้นำมาพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบ นอกจากนี้กมธ.ฯได้มีการยกร่างตัวอย่างกฎหมาย ซึ่งอาจจะนำมาใช้บังคับในกรณีที่หากประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าในเรื่องของ Entertainment Complex หรือสถานบันเทิงครบวงจร


นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า เนื้อหาของรายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการผลักดันให้มีกฎหมายรองรับเกิดขึ้นสำหรับสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่าจะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ เกิดผลิตผลต่อประเทศอย่างมาก ทั้งสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนไทย มีรายได้เข้าสู่รัฐ เข้าสู่ชุมชน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศหลากหลายรูปแบบ นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาแรงงานในอุตสาหกรรมใหม่ ต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม ส่งเสริมการท่องเที่ยว


ขณะเดียวกันสามารถแแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้ ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ชอบเล่นการพนันและเที่ยวสถานบริการ ตามปกติอาจจะเข้าถึงได้ยาก หากมีการเปิดให้บริการถูกกฎหมายก็จะเข้าถึงได้ง่าย แต่หากเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายก็จะก่อให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว กลายเป็นปัญหาสังคม จึงต้องมีกฎหมายออกมารองรับ


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลประโยชน์ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับคือการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนำเงินเข้าประเทศ ทั้งนี้ได้มีการศึกษาตัวอย่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จในการเดินหน้าเรื่อง Entertainment Complex ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวกระโดดสูงขึ้น รวมทั้งการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง เช่นภาษีจากสิ่งที่เรียกว่าเกมมิง หรือภาษีจากการพนัน และภาษีอื่นๆ การดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ การลงทุนในลักษณะนี้ที่เรียกว่า Entertainment Complex ไม่ใช่เพียงแค่กาสิโนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เม็ดเงินการลงทุนคาดหวังได้เลยว่าต่อจุดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชุมชนต่อประเทศไทย และยังจะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องต่อไป


นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องการเยียวยาทางกมธ.ฯมีกลไกในการเยียวยาในการห้องกันปัญหาการติดพนัน ความรุนแรง โดยจะมีการกำหนดประเภทคนที่ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่กาสิโน ตัวอย่างจากประเทศสิงคโปร์ หากมีคนเมา คนที่เล่นมีพฤติกรรมที่ผิดแปลก ที่อาจจะเกิดจากการเสียพนันมากและติดพนัน จะมีกลไกในการป้องกันระงับยับยั้ง รวมถึงกลไกที่ครอบครัวสามารถระงับยับยั้งการเข้าสู่พื้นที่การพนันของคนในครอบครัวตนเองได้ หากมีการติดการพนันก็สามารถแจ้งเข้ามายังหน่วยงานที่ต้องสร้างขึ้นมากำกับเพื่อที่จะให้พิสูจน์ทราบว่าบุคคลนั้นมีปัญหาหรือไม่ หากมีปัญหากลไกก็รองรับให้บุคคลนั้นติดแบล็กลิสต์ ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ได้


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การศึกษาของกมธ.ฯไม่ใช้ข้อยุติ วันนี้สิ่งที่นำเสนอเป็นเพียงแค่รายงานการศึกษา หลังจากรายงานเข้าสู่สภาฯวันนี้แล้ว หากที่ประชุมมีมติว่าเห็นชอบการศึกษาฉบับนี้ ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเดินหน้า Entertainment Complex และไม่ใช่จุดสุดท้าย เพราะสุดท้ายกลไกของสภาฯรับในเรื่องของรายงานการศึกษา หากรับแล้วก็คงต้องส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปพิจารณา


ในรายละเอียดต่อไป ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการที่จะพิจารณาว่าโครงการพัฒนาลักษณะนี้มีความเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ จะปิดกั้นปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร และมีความเหมาะสมในการเดินหน้าอย่างไร เมื่อไหร่ โดยกลไกสุดท้ายหัวใจหลักคือตัวกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่เรานำเสนอเป็นเพียงแค่การยกร่าง ตนเชื่อว่าทุกคนอาจจะมีความเห็นแตกต่างในเรื่องเนื้อหาของกฎหมาย และหากเป็นการเดินหน้าโดยฝ่ายบริหาร ก็ต้องส่งกลับมายังสภาฯ เพื่อพิจารณารายละเอียดของกฎหมายที่จะมาใช้ควบคุม


ทั้งนี้สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ แต่สส.พรรคก้าวไกลแม้จะอภิปรายเห็นด้วย แต่ก็ยังเห็นว่ารายงานฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะทุกวันนี้ประชาชนก็เล่นพนันออนไลน์กัน หากเปิด Entertainment Complex จะสามารถสู้กับพนันออนไลน์ได้หรือไม่ และยังไม่มาตรการอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา รวมทั้งกังวลว่าจะเป็นศูนย์รวมจีนเทาแห่งใหม่ได้ จึงเห็นว่าหาก กมธ.จะทำรายงานควรทำให้สมบูรณ์กว่านี้ จึงขอให้ถอนรายงานออกไปก่อน


กระทั่งเวลา18.31 น. สมาชิกได้อภิปรายเสร็จแล้ว และกมธ.ชี้แจงเสร็จนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ได้ขอนับองค์ประชุมก่อนลงมติ ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นท้วงว่า ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือทำงานกับฝ่ายค้านด้วยดีมาตลอด แต่ถ้าพรรคก้าวไกลจะเล่นเกมนับองค์ประชุม ต่อไปถ้าฝ่ายค้านเสนอรายงานเข้ามา ก็จะไม่รับสักฉบับ


ขณะที่นายภารดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการอภิปรายมาตรา 152 ของฝ่ายค้านในวันที่ 3-4 เม.ย. ข้อตกลงของวิปก็ตกลงกันว่าเวลาของฝ่ายค้านจะได้เวลาที่มากกว่าฝ่ายรัฐบาล ข้อตกลงนั้นก็เป็นการอะลุ่มอล่วยกันเพื่อที่จะให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ เวลาที่แบ่งไปให้ฝ่ายค้านเยอะกว่า ถ้าไม่ตกลงตามมติของวิป หรือมติของวิปไม่มีความหมาย พวกตนบอกแบบนี้ได้หรือไม่ว่าเรื่องเวลาตนไม่เอาตามเดิมแล้วพวกตนฝ่ายรัฐบาลมีสิทธิ์ในการที่จะอภิปรายตามมาตรา 152 เช่นเดียวกัน เรามาแบ่งเวลากันใหม่ วันนี้ท่านขอใช้สิทธิ์นับองค์ประชุม ในสัปดาห์หน้าพวกตนขอนับองค์ประชุมบ้างหรือไม่ ถ้าทำกันแบบนี้ ถ้ามติวิปหรือขอตกลงของวิปสองฝ่ายคุยกันแล้วไม่ได้ข้อสรุป พวกตนฝ่ายรัฐบาลก็ไม่มีข้อตกลงใด ๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายค้าน


ทำให้นายชุติพงศ์ ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า ไม่ได้มีการพลิกมติวิป เพียงแต่การอภิปรายวันนี้มีทั้งความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ต้องลงมติ เราจึงเสนอให้มีการถอนรายงานออกไปก่อน หากกมธ.ถอนรายงานออกไปก่อน และกลับมาอีกครั้งเราพร้อมผ่านให้อยู่แล้ว แต่อยากให้มีความสมบูรณ์จริง ๆ และเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลจึงเสนอให้นับองค์ประชุม


ขณะที่นายภารดร กล่าวอีกครั้งว่า มีการตกลงกันแล้วว่าจะไม่โหวต แต่คงถึงเวลาก็มาทำแบบนี้ การที่นายชุติพงศ์ให้นับองค์ประชุมก็เพื่อฝ่ายค้านไม่แสดงตัว แล้วทำให้สภาล้ม ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง พูดสวนขึ้นมาว่า ไม่น่าจะล้ม นายภารดร จึงบอกว่า อย่างนั้นก็นับองค์ประชุม แต่ฝ่ายต้องเป็นองค์ประชุมให้ด้วย ถ้าจะลงมติก็ลง เดี๋ยวสัปดาห์หน้าพวกตนก็เอามั่ง


ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากสัปดาห์หน้าอยากจะหนีการตรวจสอบโดยการให้มีการนับองค์ประชุม ก็ลองดู


เมื่อตกลงกันไม่ได้ นายอรรถกร เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการคานชื่อ จะได้รู้กันไปว่าใครไม่มาประชุมบ้าง ทำให้ สส.พรรคก้าวไกล พยายามทักท้วงว่าไม่ได้เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ แต่ให้ใช้วิธีเสียบบัตร สุดท้ายไม่เป็นผล นายพิเชษฐ์ สั่งให้นับองค์ประชุมด้วยการค้านชื่อ แต่นายชุติพงศ์ บอกว่า ไม่ว่าเป็นญัตติหรือไม่ แต่รอได้จนกว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อนสมาชิกของเรามาก็ได้ แต่อาจจะเดินช้าหน่อย


จากนั้นเวลา 19.00 น.เริ่มนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษร โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ปรากฏว่ามีสส.ขานชื่อจำนวน 258 คน ถือว่าครบองค์ประชุม


ต่อมาเวลา 20.10 น.ที่ประชุมลงมติรับทราบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 257 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง จากนั้นส่งรายงานฯให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป และนายพิเชษฐ์ สั่งปิดการประชุมในเวลา 20.18 น.

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ