สังคม

น้องพลอยเปิดปากสารภาพ นำบัตรเครดิตคนจีนรูดเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

โดย jeeraphat_d

27 มี.ค. 2567

414 views

น้องพลอยยอมเปิดปากสารภาพ เอาบัตรคนจีนไปกดเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง อ้างคนจีนให้บัตรเอง ไม่ได้ขโมยบัตร และยังจะถูกคนจีนพยายามข่มขืนซ้ำ


ภายหลังจากการควบคุมตัวน้องพลอย ผู้ถูกกล่าวหาว่าไปขโมยบัตรคนจีนไปรูดร้านทองและเธออ้างว่า ถูกคนจีนพยายามจะข่มขืน จนนำมาสู่การร้องเรียนเพจสายไหมต้องรอด แต่สุดท้ายตำรวจพบหลักฐานเด็ดเรื่องเส้นทางการเงิน จนนำมาสู่การออกหมายจับน้องพลอย


ล่าสุด หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง และ สน.บางพลัด ไปจับกุมน้องพลอยตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ก่อนนำมาสอบปากคำเบื้องต้นและทำบันทึกการจับกุมที่ สน.บางพลัด แล้วจะนำตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่อไป น้องพลอยให้การรับสารภาพกับพนักงานสอบสวนในทุกข้อกล่าวหา แต่ให้การไม่ยอมรับในบางประเด็น


ซึ่งน้องพลอยได้ออกมาเปิดใจกับทีมข่าวว่า เธอยอมรับว่ากุเรื่องที่มาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด โดยที่ทำไปก็เพราะต้องการที่จะแก้ต่างให้กับตนเอง เนื่องจากเห็นว่าเพจบางเพจนำเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริงไป


โดยน้องพลอยยอมรับว่า เธอได้นำบัตรเครดิตไปซื้อทองและรูดเงินสด ก่อนนำฝากเข้าบัญชีธนาคารของตัวเองจริง แต่ยืนยันปฏิเสธว่าเธอไม่ได้ขโมยบัตรเครดิตทั้ง 3 ใบของคนจีน ยังอ้างว่า คนจีนให้บัตรเครดิตทั้ง 3 ใบแก่เธอเอง เพื่อให้เธอนำไปรูดเงินสดที่ร้านทองไปใช้ โดยให้รูดจำนวนเงินตามความเหมาะสม


โดยเธอยอมรับว่า บัตรเครดิตใบแรกนำไปรูดซื้อแหวนทอง 1 สลึง มูลค่า 10,190 บาท แต่เธอก็ขายแหวนทองดังกล่าวคืนกลับไปที่ร้าน ในจำนวนราคา 9,500 บาท ส่วนเงินส่วนต่างที่เหลือ อ้างว่าเป็นค่ากำเหน็จ


หลังจากนั้น เธอนำบัตรเครดิตใบที่สองไปรูดเงินสดจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท รวมมูลค่า 20,000 บาท โดยร้านทองคิดค่าบริการครั้งละ 600 บาท ก่อนที่เธอจะข้ามไปร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม โดยเธอได้นำเงิน 20,000 บาทไปฝากธนาคารผ่านร้านสะดวกซื้อ


นอกจากนี้ เธอได้นำบัตรเครดิตใบที่สองไปรูดซื้อของในร้าน แต่ทว่าบัตรดังกล่าวรูดไม่ผ่านเพราะติดรหัส เธอจึงนำบัตรเครดิตใบที่สามมารูดซื้อสินค้ามูลค่ากว่า 400 บาทได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะกลับร้านของคนจีน แล้วนำบัตรเครดิตทั้ง 3 ใบ พร้อมเงินจากการขายทอง 9,500 บาทคืนคนจีน โดยอ้างกับคนจีนว่าบัตรมีปัญหา จึงกดเงินได้แค่นี้


น้องพลอยกล่าวอ้างว่า สาเหตุที่เธอนำเงินสด 20,000 บาทจากการรูดที่ร้านทองเข้าบัญชีธนาคารของตนเองนั้น ไม่ใช่มีเจตนาที่จะต้องการนำเงินนี้เป็นของตนเอง แต่เกิดจากการที่ตกลงกันเบื้องต้นกับคนจีนรายนี้ว่า เธอต้องการที่จะแลกเงินสกุลหยวนในแอพพลิเคชั่นหนึ่งกับคนจีนในจำนวน 20,000 บาทไทย ซึ่งเธอก็เข้าใจว่าได้มีการตกลงกันแล้วและคิดว่า เมื่อกลับไปหาคนจีน เธอจะโอนเงินหยวนที่คิดมูลค่าเป็นเงินไทย 20,000 บาทคืนแก่คนจีนคนดังกล่าว แต่ทว่าดันเกิดเรื่องพยายามกระทำอนาจารเสียก่อน


ส่วนประเด็นที่คนจีนจะพยายามข่มขืนอนาจาร น้องพลอยยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง โดยหลังจากคืนบัตรกับเงินเสร็จ คนจีนก็พยายามจะปลุกปล้ำเธอด้วยการลวนลามจับร่างกายและเอามือเธอมาจับอวัยวะเพศคนจีน แต่เธอขัดขืนปฏิเสธ คนจีนจึงสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองต่อหน้าเธอ โดยคนจีนอ้างว่า ทำแบบนี้เพื่อให้หลับสบาย ภายหลังเมื่อคนจีนทราบเรื่องจาก SMS แจ้งเตือนว่าบัตรเครดิตถูกใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ เธอก็ถูกคนจีนจะทำร้ายพร้อมขโมยโทรศัพท์เธอไป


โดยน้องพลอยได้กล่าวขอโทษ ในสิ่งที่ทำลงไปจากการกุเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพียงเพราะเธอต้องการที่จะแก้ต่างในสิ่งที่บิดเบือนความเป็นจริงและยืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดวันนี้เป็นเรื่องจริง อีกทั้งยังขอโทษที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตาของชาวต่างชาติ ย้ำว่าหลังจากนี้หากได้รับการปล่อยตัว เธอจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก


ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า ทางเพจไม่ถึงโทษโกรธในสิ่งที่น้องพลอยทำลงไป เพราะได้ย้ำกับน้องพลอยตั้งแต่วันแรกที่มาร้องเรียนแล้วว่า ขอให้พูดความจริง ทุกเรื่องสามารถพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และมองแล้วว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นั้น ไม่ฝั่งใดก็ฝั่งหนึ่งที่พูดโกหกและต้องติดคุก อีกทั้งที่ผ่านมานั้น ทางเพจก็เพียงแค่รับเรื่องร้องเรียนจากทุกคน แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า ใครมาร้องเรียนแล้วเป็นคนผิดกฎหมายนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย


พร้อมกับฝากย้ำไปยังประชาชนชาวไทยว่า การกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่าทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตาของชาวต่างชาติ เราเป็นคนไทยควรจะเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับชาวต่างชาติด้วยมิตรไมตรีและไม่หวังตบทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติ เมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของไทย ไม่มีใครเหนือกว่ากฎหมายไปได้ ซึ่งในส่วนของคดีที่น้องพลอยกล่าวอ้างว่า ถูกคนจีนกระทำอนาจารและขโมยโทรศัพท์นั้น ก็ต้องให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินการสอบสวนต่อไป


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้รับข้อมูลจากญาติของน้องพลอยว่า น้องพลอยมีอาการทางจิตและเคยประวัติรักษาอาการจิตเวชรับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ