สังคม

'บิ๊กต่อ' ลั่นฟ้องทนายตั้มแน่ หลังตั้งโต๊ะแฉส่วย - 'เศรษฐา' แนะทุกฝ่ายมูฟออน ปมขัดแย้งสองบิ๊ก

โดย nattachat_c

27 มี.ค. 2567

65 views

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน แถลงเปิดโปงขบวนการส่วยที่เกี่ยวพันกับบิ๊กตำรวจ โดยระบุว่า จะเชื่อมโยง 2 หน่วยงานสำคัญที่ทำงานให้กับบิ๊กตำรวจ ที่สำคัญคือ 'ดาบ ย.' มีหน้าที่รวบรวมส่วยขั้นตั้นทั้งหมด เพื่อนำส่งต่อให้ 'รอง ฟ.' คนสนิทของบิ๊กตำรวจ


และมีการโชว์ใบเสร็จ และสลิปการโอนเงินหลายใบ ผ่านบัญชีม้า โดยอ้างเป็นหลักฐานสำคัญในการโอนเงินจากบัญชีม้าไปยังตำรวจด้วย นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างด้วยว่า มีการโอนเงินไปยังสมาคมดัง รวมถึงมีการนำเงินจากกลุ่มนี้ไปทำบุญที่วัดดังใน จ.นนทบุรี ด้วย


มีรายงานว่าทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ขณะนี้ เดินทางอยู่ต่างจังหวัด แต่พอจะทราบข่าวมาบ้าง เรื่องเส้นทางการเงินที่นำมาแถลง ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับตนเอง


เมื่อพิจารณาแล้ว ก็คงต้องมีการดำเนินคดีกับทนายตั้มแน่นอน ส่วนจะเป็นข้อหาใดนั้นได้ให้ทีมนักกฎหมาย และทนายความ พิจารณาดูแล้ว จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดีกับทนายตั้ม ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม นี้ ส่วนรายละเอียดก็ให้ทีมทนายดำเนินการตามกฎหมาย


เบื้องต้น มีรายงานจากทีมกฎหมายของ ผบ.ตร. ว่า เตรียมดำเนินคดีในข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทกับทนายตั้ม และสื่อบางส่วน ส่วนจะร้องเรียนมรรยาท กับสภาทนายความหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

-------------

วานนี้ (26 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ไร้เงาบิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังครบกำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 2


โดยตลอดทั้งวันมีสื่อมวลชนมาเฝ้าติดตาม แต่กลับไม่มีแม้แต่ทีมทนายความหรือตัวแทนเข้ามาพบคณะพนักงานสอบสวนหรือยื่นเอกสารขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา


ทำให้หลังจากนี้ ต้องดูท่าทีของชุดคณะพนักงานสอบสวน หลังจากไปประชุมกันเพื่อขอมติว่า จะดำเนินการขอหมายจับบิ๊กโจ๊กเลยหรือไม่ หรือจะเป็นการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 หรือไม่อย่างไร
-------------
จากกรณี พนักงานสอบสวนชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK MASTER พร้อมพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ นำหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ครั้งที่ 2 ข้อหาสมคบร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ไปส่งมอบให้ที่บ้านย่านซอยวิภาวดี 60 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567


ซึ่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ซึ่งการไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกขั้นตอนต่อไป ก็คือต้องเป็นหมายจับ ต้องติดตามดูวันนี้ (27 มี.ค. 67) ว่า พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน และในส่วนของรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้ดูแลคดี จะมีการไปขอหมายจับหรือไม่


ทีมข่าวสอบถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า กรณีนี้หากไม่ไปรับทราบข้อหาจะถูกออกหมายจับหรือไม่ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ระบุว่า ยังไม่รู้เรื่องนี้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด และอยู่ในช่วงลางาน ซึ่งต้องรอดูว่าจะออกหมายจับหรือไม่


ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่ไปรับทราบข้อหา หรือไปมาแล้วแต่ไม่บอกสื่อ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ระบุว่า ตนเองอยู่ในช่วงลางานอยู่ช่วงนี้ และยังไม่สะดวกให้ข้อมูล


ส่วนกรณี การแถลงข่าว ของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยเส้นทางการเงิน และธุรกิจของตำรวจ และเครือญาติ ซึ่งสังคมมีการวิพากวิจารณ์ ว่า ทนายตั้ม สนิทสนมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรื่องการออกมาแฉมีการรู้เห็นกันหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนเองยังไม่รู้เรื่อง ว่าทนายตั้มแถลงเรื่องอะไร เพราะลางาน และทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่ทนายตั้มแถลงก็ไม่รู้เรื่องอะไร และคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง

-------------

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษ​ฐา​ ทวี​สิน​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​  กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมได้มีการกำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์​ สุขวิมล​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์​ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังได้กำชับก่อนหน้านี้ให้ยุติการให้ข่าว​


เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีการตอบโต้กันไปมาผ่านหน้าสื่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า​ ตนไม่ได้ยินเรื่องดังกล่าว​ แต่ในที่ประชุมวันนี้ได้ย้ำชัดเจน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนเป็นหลัก ให้เรื่องของคดีทั้งสองท่านดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซง​ ซึ่งระหว่างการหารือได้มีการเชิญนายฉัตรชัย​ พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ตำรวจเอกวินัย​ ทองสอง​ อดีตรองผบ. ตร. ซึ่งเป็นสองในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ออกจากห้องประชุม​  


นอกจากนี้ ที่ประชุม​ ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องการพัฒนาบุคลากร และหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ซึ่งตนกำชับชัดเจน ทุกท่านก็เห็นด้วยว่าเราควรจะมูฟออนได้แล้ว​


ส่วนที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด​ ออกมาแฉข้อมูล ต่างๆจะต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาในคณะกรรมการตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา​ ระบุว่า "วันนี้ผมมาในฐานะประธานก.ตร.เรื่องนี้ผมไม่ยุ่งแล้ว เพราะมีคณะกรรมการตรวจสอบความจริงแล้ว เป็นหน้าที่ของท่าน ที่จะพิจารณาว่าข้อมูลเหมาะสมหรือไม่ เพื่อพิจารณาต่อไป"


เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า​ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์​ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก​ส่วนตัวว่าได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากนายกรัฐมนตรี จึงยกเลิกการเดินทางไปประเทศอังกฤษ​  นายเศรษฐา ระบุว่า​ จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไรบ้าง​ เป็นเรื่องของท่าน​ ท่านลาไว้ก่อนแล้ว​ เมื่อมีการสั่งการไปท่านก็สามารถจะลาได้​ เพราะท่านอยากจะทำงานก็ทำได้อยู่แล้ว​ เรื่องพวกนี้สามารถยกเลิกหรือขอไปใหม่ได้อยู่แล้ว  ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน​ ตนไม่มีเวลาไปดูรายละเอียดว่ายกเลิกหรือไม่ยกเลิก​ เราก็เป็นข้าราชการคนหนึ่ง อีกหลายภาคส่วนที่นายกฯต้องไปดูแล เชื่อว่าทุกท่านทำตามกฎ

---------------
วานนี้ (26 มี.ค. 67) กองทัพนักข่าวไปดัก พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร หรือบิ๊กต่าย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการแถลงข่าวคดียาเสพติดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขอความเห็นกรณีที่ศึก 2 นายตำรวจใหญ่ของปทุมวัน เหมือนจะไม่จบง่าย ๆ แฉกันไป แฉกันมา


ล่าสุด ทนายตั้มก็ออกมาแฉ เส้นทางการเงินถึงนายตำรวจหลายสิบคน เรื่องนี้บิ๊กต่ายบอกว่า ถ้าไปพาดพิงใคร ก็เป็นกระบวนการที่ต้องไปตรวจสอบ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถ้าจะไปร้อง บก.ปปป.ก็ทำได้ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย


ส่วนกรณีที่ เมื่อวานนี้ (26 มี.ค. 67) ครบกำหนดที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะต้องไปพบพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 นั้น บิ๊กต่าย ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนที่ถูกตั้งขึ้นมา จะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยอยู่เบื้องหลัง ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย โดยทุกอย่าง ต้องถูกกำหนดด้วยกฎระเบียบที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว หากคณะพนักงานสอบสวนเห็นว่า มีความเห็นต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ก็ต้องว่าไปตามนั้น และขอให้ความเห็นเพียงเท่านี้ จะไม่เข้าไปก้าวก่าย ขอไปทำงานเพื่อองค์กรตำรวจในช่วงที่รักษาราชการแทนฯ ดีกว่า


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในฐานะรักษาราชการแทนฯ มีความหนักใจหรือไม่ ที่ศึกตำรวจเหมือนจะยังไม่จบ แต่ยังมีการมาแฉ และแจ้งความร้องเรียนกันไปมาอยู่ บิ๊กเต่า บอก ไม่มีอะไรต้องหนักใจ ถ้าตำรวจนายใดไม่ทำตามนโยบายของตน "โดนแน่ โดนจริงโดนจังด้วย" ถ้าใครฝ่าฝืนยังไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย หรือผิดนโยบาย รับรองได้ว่า จะไม่ได้ทำหน้าที่ และจะโดนพิจารณาข้อบกพร่องในทางปกครองแน่นอน รวมถึงจะมีผลไปถึงการแต่งตั้งครั้งต่อไปแน่นอน


ย้ำว่าความขัดแย้งของใครก็ว่าไปตามหลักฐาน ไม่แทรกแซงแน่นอน ยืนยันไม่ลอยตัว ตัวใหญ่ขนาดนี้และไม่หนีปัญหาตราบใดที่ยังเป็นรักษาการ ผบ.ตร.และมีบทบาทหน้าที่ตามคำสั่งนายกฯ ก็จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่หนีปัญหาแน่นอน


ส่วนกรณีที่ ทนายตั้ม ระบุว่า มีนายตำรวจที่เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ ประสานไปสอบถามว่าจะแถลงข่างแฉใครบ้างนั้น บิ๊กต่ายปฏิเสธว่าไม่ใช่ตนเองแน่นอน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้มจะมีการตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปงข้อมูลเส้นทางการเงินของส่วยต่างๆ รวมถึงเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ นายตำรวจใหญ่


ส่วนข้อมูลที่ ทนายตั้ม นำออกมาแฉก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะนำไปมอบให้บุคคลใดก็สามารถทำได้ รวมทั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะใครทำอะไร พูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง หากไปกระทบสิทธิ์บุคคลที่สามบุคคลนั้นก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างบุคคลส่วนตัวผมยังไม่ทราบรายละเอียด


แต่การกล่าวหาองค์กรท่านพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบและอีกอย่างยังไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ เชื่อว่าทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกพาดพิง ก็คงจะใช้สิทธิ์ของท่าน ย้ำว่าตนเองไม่ได้โทรศัพท์ให้ใครโทรไปหาทนายตั้ม ไม่ใช่ตนเองและไม่เคยใช้ใคร ตนเองก้มหน้าก้มตาทำงาน ส่วนข้อมูลที่ทนายตั้มเปิดเผยไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมทั้งเรื่องเมืองทองธานีไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร ส่วนการกล่าวหา 3 องค์กรของ ตร.หากได้รับรายงานก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ ซึ่งการกล่าวอ้างหากไม่มีหลักฐานก็ให้ฝ่ายกฎหมายเสนอและพิจารณาดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ย้ำใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ


ทั้งนี้ บิ๊กเต่า ย้ำว่าการที่ทนายตั้ม จะมอบหลักฐานให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งจะเป็นต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวนหรือไม่ ต้องรอดู และตรวจสอบความชัดเจนก่อน หากจะนำมายื่นให้ตนเอง มองว่า ตร. มีหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว มีขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบรับเรื่อง หากมีคนมาร้องเรียนไม่ว่าใครก็ยินดีน้อมรับและให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ส่วนจะให้น้ำหนักข้อมูลที่ ทนายตั้มออกมาแฉหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ยืนยันไม่กังวลใจ

-------------










รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/UjUjxj31TKk

คุณอาจสนใจ

Related News