'ไฮโซโจ' อ้างสาวสมยอม ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านคู่กรณียังสาหัส หลังโดดตึก 4 ชั้น หวังปลิดชีพ

สืบนครบาลรวบไฮโซหนุ่มเจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดังวัย 42 บุกข่มขื่นเหยื่อสาววัย 29 - ก่อนเจ้าตัวกระโดดตึก 4 ชั้น หวังปลิดชีพ อาการยังสาหัส - ด้านผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธ อ้างฝ่ายหญิงสมยอมและยอมตกเป็นโลกใบที่ 3 เอง

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ตำรวจกองบังคับการสืบสวนนครบาล โดย พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวชิรวิชญ์ ศิริโชควณิชย์ หรือโจ เจ้าของแบรด์ขนมกล้วยชื่อดัง อายุ 42 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.277/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้" - "บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน"

สามารถจับกุมตัวได้ที่คอนโดหรู ย่าน ซ.นายเลิศ ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จ.กรุงเทพ.

สำหรับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ขณะนี้ อาการสาหัส และยังคงรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ตำรวจได้ให้ข้อมูลชนวนเหตุ ที่เจ้าตัวกระโดดตึกจากชั้น 4 เพื่อหวังปลิดชีวิตตัวเอง ว่า เกิดจากความทุกข์ที่ถูก 'ไฮโซโจ' กระทำการดังกล่าวและมีหนึ่งคำพูด ที่ตำรวจบอกว่า ติดอยู่ในหัวของผู้เสียหายตลอดคือ คำว่า 'กูจะ ย. จนมึงตาย' จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ที่บ้านพักย่านสีลม

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดช่วงกระโดด ซึ่งเจ้าตัวเลือกกระโดดที่ร้านกัญชา ส่วนสาเหตุที่เลือกมากระโดดที่ร้าน มีรายงานว่า เป็นการเรียกร้องความเป็นธรรม

โดยช่วงที่กระโดดนั้นเป็นช่วงเย็น ซึ่งสภาพร้านกัญชา เป็นตึกแถว 4 ชั้น ผู้เสียหายวิ่งออกจากห้องภายในชั้น 4 ออกมาระเบียง แล้วกระโดดลงมาทันที

ข้อมูลจากตำรวจ บอกว่า ขณะเธอตกลงมาถึงชั้น 3 ร่างของเธอได้กระแทกเข้ากับระเบียง ทำให้แรงกระแทกจากการตกลงมานั้นลดลง ทำให้เธอยังไม่เสียชีวิต แต่ก็อยู่ในอาการโคม่า

พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดแผยข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.เอ ใช้ชีวิตปกติ ก่อนจะมีไฮโซโจ ซึ่งเป็นนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดัง และขยายกิจการมาเปิดร้านขายกัญชาอยู่ข้าง ๆ บ้านที่เธอพักอาศัย

กระทั่งวันเกิดเหตุ ตอนเช้ามืด ของวันที่ 13 มี.ค. 67 เมื่อไฮโซโจตกอยู่ในอาการมึนเมาในร้านขายกัญชาของตัวเอง ได้บุกเข้าไปในบ้าน และเข้าไปในห้อง น.ส. เอ ที่นอนอยู่

จากนั้น ได้ลงมือล่วงละเมิดเธอพร้อมพูด ใส่ฝ่ายหญิงว่า “กูจะ…จนมึงตาย” ด้าน น.ส.เอ พยายามดิ้นต่อสู้ แต่ไม่สามารถสู้แรงได้ ก่อนสลบไป

เมื่อได้สติตื่นมา ก็พบว่า ไฮโซโจยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน จึงรวบรวมสติ ก่อนจะหลบหนีออกจากบ้าน แล้วมุ่งหน้าไปที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อแจ้งความในทันที

โดยมี ร.ต.อ.หญิง วิรัญชนา แพงคำ ผู้เป็นร้อยเวรที่รับแจ้ง ซึ่ง น.ส.เอ เปิดใจเล่าให้ตำรวจหญิงรายนี้ฟังทั้งน้ำตากว่า 6 ชม. ซึ่งถือว่านานมาก เพราะผู้เสียหายร้องไห้เสียใจตลอด ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ตำรวจฟัง  และต้องชื่นชมพนักงานสอบสวน เพราะการสอบปากคำในภาวะวิกฤตินั้น ทำได้ยาก ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตำรวจเชื่อว่า มันมีความรุนแรงเกิดขึ้นจริง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ ไม่พบว่าผู้ต้องหาเคยมีพฤติการณ์ลักษณะนี้มาก่อน และก็เป็นคนที่มีการศึกษาดี หน้าที่การงานฐานะดี มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดังนั้น จึงขอความร่วมมือเพื่อนสนิท บุคคลใกล้ชิดของผู้เสียหายด้วยว่า หากมีข้อมูลใด ๆ ให้ติดต่อมาหาตำรวจสืบนครบาล เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เพราะหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังเลย แม้กระทั่งพ่อแม่

ขณะที่ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายมีอาชีพเป็นนักแสดงอิสระ มีหน้าตาดี และพักอาศัยอยู่ใกล้กับร้านกัญชาของผู้ต้องหา ซึ่งก็ได้มาใช้บริการบ่อยครั้ง จนเกิดความสนิทสนมไว้ใจ จึงมีการฝากกุญแจบ้านไว้ ให้ไปส่งเวลามึนเมา หรือฝากให้ดูแลสัตว์เลี้ยงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน

ซึ่งในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายนอนหลับอยู่ภายในห้องนอนในบ้าน ส่วนผู้ต้องหามีอาการมึนเมา และตำรวจมีหลักฐานว่า ผู้ต้องหาเอากุญแจบ้านที่ผู้เสียหายฝากไว้ ไปไขหน้าประตูบ้าน แล้วเข้าไปด้านใน

--------------

พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า พอทราบเรื่องได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนคดีนี้ทันที ซึ่งต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ออกหมายจับไฮโซโจทันที

หลังลงพื้นที่สืบสวน พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ได้สืบทราบว่า ไฮโซโจพักอาศัยอยู่กับแฟนสาวในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านเพลินจิต จึงนำกำลังไปรอจับกุม และสามารถจับกุมได้ที่ล็อบบี้ของคอนโด ขณะกลับมาจากทานข้าวเที่ยง

โดยขณะจับกุม ไฮโซโจมีท่าทีขัดขืนเจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะคารมกันเล็กน้อยก่อนจะยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว

ตอนจับกุม พบว่า ไฮโซโจอยู่กับแฟนสาว ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมตำรวจถึงมาจับแฟนของตัวเอง ซี่งมีบางช่วง แฟนสาวพยายามเอามือบังกล้องของเจ้าหน้าที่ไม่ให้ถ่ายอีกด้วย

ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม นายวชิรวิชญ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดังที่ส่งออกขายทั่วโลก และยังเป็นทายาทนักธุรกิจ จบการศึกษาจากต่างประเทศ ส่วนทางคดี ยืนยันไม่ได้ข่มขืนเพราะผู้เสียหายยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเอง ส่วนแฟนสาวที่คบอยู่ปัจจุบันนี้ ไม่ทราบว่าตนเองมีโลกใบที่ 3 เพื่งจะมาทราบวันนี้”

หลังจับกุมตัว ตำรวจได้นำตัวไฮโซโจส่งพนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

โดยพล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะมีความขัดแย้งกับคำให้กา รและพยานหลักฐาน หลายประเด็น

-------------

สำหรับความคืบหน้าทางคดี ภายหลังชุดสืบนครบาลนำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาตลอดทั้งคืนเมื่อคืนนี้ แต่...ผู้ต้องหาไม่ได้ให้การอะไรเลย โดยบอกว่า จะขอรอให้การพร้อมทนายความเท่านั้น และได้ยื่นเงินสดเป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัว 300,000 บาท พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และมีตำแหน่งหน้าที่การงาน และมีรายได้ และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยนัดมาสอบปากคำอีกครั้ง ในวันที่ 30 มี.ค. 67

-------------

วานนี้ (21 มี.ค.67) ทีมข่าวลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ที่ร้านกัญชาแห่งหนึ่งย่านสีลม พบว่า ร้านเป็นห้องแถว 4 ชั้น ชั้น 1 เปิดเป็นร้านกัญชา แต่ว่า วานนี้ (21 มี.ค.67) ร้านปิด โดยมีคนอยู่ในร้าน แต่ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับผู้สื่อข่าว

พร้อมกันนี้แม่ฝ่ายหญิง เดินเข้ามาบอกกับสื่อว่า ยังไม่อยากพูดอะไร ตอนนี้ เครียดมาก และขณะนี้ ลูกยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ได้มีการพูดคุยเพราะหนีหน้าตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ทีมข่าวยังได้คุยกับชาวบ้านแถวนั้น บอกว่า ร้านกัญชานี้มาเปิดได้ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว ซึ่งทราบว่ ามีหุ้นส่วนหลายคน ส่วนนายโจ จะเห็นมาที่ร้านบ่อย ๆ ตนก็รู้จัก เป็นคนเงียบ ๆ อัธยาศัยดี ส่วนกับผู้เสียหาย ก็เป็นคนสวย หน้าตาดี ใครเห็นก็ต้องชอบ

โดยวันเกิดเหตุ ตนไม่อยู่ร้าน ส่วนปมเหตุครั้งนี้ เกิดจากอะไรนั้น ไม่ขอยืนยัน เล่าข้อมูลตามจริงได้เพียงแค่ ผู้ก่อเหตุกับฝ่ายหญิงสนิทสนมกัน ส่วนสถานะไม่รู้ว่าเป็นลูกน้อง ลูกค้า หรือว่าอะไร เพราะบางครั้งจะเห็นว่า ฝ่ายชายเดินมาส่งฝ่ายหญิงที่บ้าน เพราะว่าร้านที่เปิดเป็นร้านกัญชาอยู่ห่างจากบ้านฝ่ายหญิงไม่ไกล ส่วนสาเหตุที่เดินมาส่ง เพราะว่าบางครั้งฝ่ายหญิงมีอาการเมา

ซึ่งบางครั้งที่ฝ่ายหญิงเดินมาที่ร้านกัญชา ก็มีการทักทายกัน และสอบถามว่ามาทำอะไร ฝ่ายหญิงก็บอกว่า “นอนไม่หลับ” คาดว่าน่าจะมานั่งเล่นที่ร้านกัญชา ส่วนจะเมาจากอะไรนั้น ตนไม่ขอยืนยัน แต่ตอนแรกที่รู้ ก็คิดอยู่ว่าเมา แล้วตกลงมาหรือไม่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้

ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าฝ่ายชายเป็นเจ้าของร้าน หรือเป็นเป็นแค่หุ้นส่วน แต่บางครั้งจะมีแฟนสาวมาอยู่ด้วย เท่าที่รู้มีแฟนคนเดียว

ส่วนที่ฝ่ายชายอ้างว่ามีโลก 3 ใบ ไม่รู้เรื่อง

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Utc2mLTaLL0