ชื่นชม 2 หนูน้อย เก็บทองคำหนักรวม 4 บาท ราคา 2 แสนได้ในสวนสาธารณะ แจ้งตำรวจตามหาเจ้าของ

ชื่นชม 2 หนูน้อย เก็บทองรูปพรรณมูลค่าร่วมสองแสนบาทได้ในสวนสาธารณะ นำส่งตำรวจประกาศหาเจ้าของตัวจริง 

จากกรณีผู้ปกครองของ น้องณัชชา อายุ 8 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเซนต์แมรี่และ น้องพรีม อายุ 9 ปี เรียนอยู่โรงเรียนดอนบอสโกวิทยา พาลูกสาวเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี หลังจากเก็บทองรูปพรรณเป็นสร้อยคอทองคำและแหวนได้ที่สวนสาธารณะหนองสิม เขตเทศบาลนครอุดรธานี ขณะไปออกกำลังกาย เมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. เพื่อให้ตร.ประกาศหาเจ้าของมารับคืน โดยเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทพร้อมจี้หนัก 1 สลึง และ แหวน 1 วง หนัก 2 สลึง แหวนเพรชน้ำหนักทอง 1 สลึง รวมทองคำทั้งหมด 4 บาท ร้านทองตีมุลค่าให้ประมาณ 200,000 บาท

ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับครอบครัวของน้องณัชชาและน้องพรีมอีกครั้งที่สวนสาธารณะหนองสิม โดยมีคุณพ่อของเด็กทั้งสองคนมาด้วย จากนั้นน้องณัชชาและน้องพรีมก็พาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่เก็บทองรูปพรรณได้ เป็นลานจอดรถสำหรับผู้คนที่มาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะหนองสิมแห่งนี้

น้องณัชชาและน้องพรีม เปิดเผยกับนักข่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสาและมีความสุข บอกว่า วันนั้นคุณพ่อพามาออกกำลังกาย หนูและเพื่อนกลับจากเข้าห้องน้ำเดินมาหาคุณพ่อ มีรถจอดอยู่เยอะก็เดินผ่านช่องที่รถจอด ก็พากันมองไปเห็นสิ่งของหล่นอยู่ ตอนแรกหนูไม่คิดว่าเป็นทอง หนูคิดว่าเป็นหนังยางอยู่ในถุง แต่มองดีๆ เป็นทอง ก็เลยเดินไปเรียกพ่อมาดู หนูไม่อยากเก็บไว้ อยากเอาไปให้เจ้าของตัวจริง มันไม่ใช่ของของเรา พ่อสอนหนูตลอดว่า ถ้าเก็บของได้ ถ้าเจอเจ้าของก็เอาไปให้เจ้าของ ไม่เก็บเอาไว้ ที่โรงเรียนก็สอนให้เป็นคนซื่อสัตย์ และคุณพ่อคุณแม่ก็พร่ำสอนมาตลอดเช่นกัน หนูดีใจได้ทำดีค่ะ  

ด้านนายชยพล มาลาศรี อายุ 44 ปี คุณพ่อของน้องพรีม เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนคือพ่อน้องพรีม ชวนลูกๆ มาออกกำลังกาย เด็กๆ เขาพาไปเข้าห้องน้ำกลับมา เจอทองหล่นก็วิ่งมาบอกพ่อ จึงเปิดดูก็พบว่าเป็นทอง และคิดว่าน่าจะมีมูลค่าเยอะ พวกตนจึงนั่งรอเผื่อมีเจ้าของมาตามหา รอจน 1 ทุ่มก็ไม่มีใครมา ก็พากันกลับบ้าน กลับมาอีกครั้ง 3 ทุ่มเพื่อมารอเจ้าของ เผื่อใครเขามาหาทอง ก็ไม่เห็นมีใครมา จากนั้นก็เอาทองไปให้ร้านทองตรวจสอบก็บอกว่าเป็นทองจริงมูลค่าเกือบสองแสนบาท จึงพาลูกๆ ที่เก็บทองได้ไปแจ้งความให้ตำรวจตามหาเจ้าของตัวจริงต่อไป

ทั้งนี้ มองว่าหากทองที่ลูกเก็บได้ เจ้าของคงร้อนใจหากพบว่าทองหายไป นอกจากเสียจากว่าทองดังกล่าวถูกขโมยมา เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อแสดงตัวเป็นเจ้าของกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย

“ที่ผ่านมาตนพร่ำสอนลูกตลอด เริ่มต้นจากความกตัญญูก่อน ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ บอกลูกประจำว่า ถ้าสิ่งไหนไม่ใช่ของเราก็คืนเจ้าของเขาไป กรณีเราเก็บได้อย่างนี้ เราก็ทำให้เขาเป็นตัวอย่างเริ่มต้นคุณพ่อนี่แหละ เก็บของได้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร คือถ้าพวกตนเก็บเอาไว้แล้วแบ่งกัน จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับลูกๆ ครั้งหน้าเขาจะจำเอาไว้ว่าพ่อทำไม่ดีนะ ถ้าเราเก็บได้เอาไปคืนถือว่าเป็นตัวอย่างที่ถูกต้องสำหรับลูกๆ ที่กำลังเรียนรู้ มีพ่อเป็นแบบอย่าง พวกตนมองแบบนี้”

ส่วนนายจิรวัฒน์ ไชยวัฒน์ธนภัทร อายุ 44 ปี พ่อของน้องณัชชา บอกอีกว่า ตนมองว่าถ้าเป็นของคนอื่นก็ไม่ควรจะเก็บไว้ โดยได้บอกลูกสาวอยู่ตลอด มองมุมกลับถ้าเป็นเราทำของหายก็คงร้อนใจ นี่เป็นสาเหตุที่เราไม่เก็บทองไว้ จริงๆ แล้วเราเก็บไว้ก็ได้ เพราะที่เราเจอทองมีแค่นี้ที่เห็น แต่เรารู้สึกร้อนใจตัวเอง คิดถึงเจ้าของทองมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทองที่เจอไม่ไปแจ้งความแบ่งกันก็ได้ คุณพ่อทั้งสองบอกว่า ไม่คิดตรงนั้น เพราะไม่ใช่ของเรา ความตั้งใจของพวกเราคือคิดว่าเจ้าของทองจริงเขาคงเดือดร้อน เราเก็บไว้ลูกๆ ก็จะมองคุณพ่อเป็นอีกแบบ เราอยากเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกๆ ที่เขากำลังเติบโต นับเป็นเรื่องราวดีๆ ฟังแล้วใจฟูสำหรับคุณพ่อทั้งสองของน้องณัชชาและน้องพรีมที่เก็บทองรูปพรรณได้ร่วมสองแสนบาทไม่เก็บเอาไว้ประกาศหาเจ้าของตัวจริงต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/zw-VqF2BMqQ