สังคม

‘โชเฟอร์แท็กซี่’ โต้ไม่ได้ข่มขู่-ฉุดนางแบบสาวขึ้นรถ ท้าดูวงจรปิด รับยึดมือถือลบคลิปจริง ไม่พอใจถูกแอบถ่าย

โดย petchpawee_k

13 มี.ค. 2567

41 views

‘โชเฟอร์แท็กซี่’ อ้างไม่ได้ข่มขู่บังคับนางแบบสาวโอนเงินค่าเวลา 100 บาท และไม่ได้พยายามลากขึ้นรถ ยอมรับยึดมือถือลบคลิปจริงเพราะไม่พอใจถูกแอบถ่ายแต่ไม่ได้แตะต้องตัวหรือทำร้าย ลั่น! “เรื่องแค่นี้คุยกันได้ ถ้าอยากดังไม่ต้องทำถึงขนาดนี้” ด้านนางแบบสาวยังขวัญเสียแจ้งความ จี้กรมขนส่งฯ ตรวจสอบสอบพฤติกรรม


 วานนี้ (12 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก Social Hunter Reborn V3 ได้โพสต์ภาพกล้องวงจรปิด พร้อมระบุว่า “นางแบบสาวเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพ แต่เกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน จึงได้กดยกเลิกคำสั่งการใช้บริการ ทำให้คนขับแท็กซี่ที่พึ่งจะมาถึงโรงแรม เกิดความไม่พอใจ เดินเข้ามาหานางแบบสาวถึงภายในโรงแรม บังคับให้โอนเงินค่าโดยสารมาให้ พร้อมกับสั่งให้ลบคลิปที่แอบถ่ายเอาไว้ บริเวณหน้าโรงแรมออกให้หมด จากนั้นคนขับแท็กซี่ได้ พยายามจะลากนางแบบสาวขึ้นรถไปด้วย แต่คนที่มาพักในโรมแรมเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน และคนขับแท็กซี่ได้ขับรถออกไปจากโรงแรมทันที”


ทีมข่าวได้ไปคุยกับนางสาวกัลยากรณ์  หรือน้องซีญ่า อายุ 24 ปี อาชีพนางแบบและ MC เล่าว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ไปนั่งดื่มที่บ้านของรุ่นพี่ ในซอยสุขุมวิท 4 จากนั้นเวลา 04.17 น.(8 มี.ค.) ตนเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ Bolt ผ่านแอพ ปักหมุดขึ้นจากที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 4 เพื่อจะกลับไปที่แมนชั่นซอยสุขเกษม ย่านภาษีเจริญ ซึ่งรุ่นพี่ก็ได้เตือนให้เรียก Grab เพราะปลอดภัยกว่า


ระหว่างที่รอรถมารับคนขับทราบชื่อนายธนภูมิ ขับรถแท็กซี่เขียวเหลือง ได้โทรต่อว่าใช้คำพูดหยาบคายไม่สุภาพ เนื่องจากตนเองปักหมุดผิด บอกขอค่าเสียเวลาด้วยนะ 100 บาท ตนจึงตอบไปว่า “ทำไมถึงพูดจาแบบนี้” คนขับแท็กซี่ตอบว่า “ก็มันหาไม่เจอเสียเวลากูชิบหาย” ตนจึงบอกคนขับขออนุญาตยกเลิกงานเพราะไม่สะดวกที่จะไปด้วย คนขับบอก “เออเดี๋ยวเจอกูเลย”


ซึ่งตอนนั้นตนเองยืนอยู่บริเวณหน้าโรงแรม เห็นแท็กซี่ขับเลี้ยวเข้ามา จึงรีบเข้าไปหลบในโรงแรม คนในโรงแรมเห็นจึงเดินมาถามเกิดอะไรขึ้น ตนจึงตอบว่า “ขออยู่ตรงนี้แป๊บนึงทะเลาะกับแท็กซี่” พอคนขับจอดรถแท็กซี่ก็เดินเข้ามาในโรงแรม เดินมาหาตนซึ่งขณะนั้นหลบอยู่ที่ซอก ถาม “มึงใช่มั้ยที่เรียกรถ“ ก่อนจะบังคับให้ตนเองชำระค่าเสียเวลา 100 บาท ตนเองจึงได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ให้กับคนขับรถแท็กซี่


คนขับแท็กซี่ด่าตนเองด้วยคำหยาบตลอดเวลาก่อนจะเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ ตนเห็นด่าไม่หยุดจึงเอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิป และจะไปถ่ายทะเบียนรถ จากนั้นคนขับแท็กซี่เดินมากระชากโทรศัพท์มือถือในมือของตนเพื่อที่จะลบภาพและคลิปวิดีโอที่ถ่าย โดยบังคับให้ตนเข้ารหัสเพื่อจะลบคลิปกับภาพ และยึดโทรศัพท์ของตนไว้และบอกว่าถ้าอยากได้โทรศัพท์คืนให้ขึ้นรถไปกับเขา แต่คนขับแท็กซี่ไม่ยอมคืนให้


ตนเองจึงได้ตะโกนและกรีดร้องเสียงดัง จน รปภ. ของโรงแรมเดินมาเจอ จังหวะที่คนขับแท็กซี่ตกใจเสียง กรี้ดตนก็รีบกระชากโทรศัพท์มือถือคืน โดยตนบอก รปภ.ว่าคนขับแท็กซี่บังคับให้โอนเงินและจะขโมยโทรศัพท์มือถือ คนขับแท็กซี่ตกใจและรีบขึ้นรถขับถอยออกจากโรงแรมหนีไป


หลังเกิดเรื่องตนจึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานและแจ้งความไว้ที่ สน.ลุมพินี ยอมรับว่าตกใจและขวัญเสียไม่รู้ว่าหากเขาพาตนขึ้นรถไปด้วย ไม่รู้จะพาไปทำอะไร จะพาไปทำร้ายข่มขืนหรือไม่ ซึ่งจังหวะที่โดนลากขึ้นรถรู้สึกกลัวจึงตัดสินใจกรี้ด ซึ่งขณะนั้นมีชายคนหนึ่งเป็นพลเมืองดีมาช่วยบอกให้ใจเย็นๆ ทีแรกพลเมืองดีคิดว่าเป็นแฟนกันและมีปากเสียงทะเลาะกันไม่กล้ายุ่ง ตนอยากให้กรมการขนส่งตรวจสอบพฤติกรรมคนขับรถแท็กซี่รายนี้

ทีมข่าวได้คุยกับนายธนภูมิ คนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว กล่าวว่า ผู้โดยสารเรียกใช้บริการแท็กซี่ Bolt ผ่านแอพ ตนจะไปรับผู้โดยสารเขาแต่ปักหมุดผิด ตนต้องขับรถอ้อมไกลจึงขอค่าเสียเวลา 100 บาท ระหว่างนั้นตนไปถึงพอดี ผู้โดยสารก็โอนเงินให้ตามปกติ และมีการถ่ายคลิป ตนจึงบอกให้ลบคลิปออกจากโทรศัพท์มือถือ


 ยอมรับว่าเอาโทรศัพท์ผู้โดยสารมากดลบคลิปจริง แล้วคืนโทรศัพท์ให้กับผู้โดยสารไป ยืนยันไม่ได้บังคับให้กดรหัส และยืนยันไม่ได้กระชากหรือลากผู้โดยสารขึ้นรถแต่อย่างใด เขาให้ความเท็จมั่วแล้ว ให้ไปดูกล้องวงจรปิดได้เลย ตนไม่ได้เจตนาจะทำอะไรผู้โดยสาร ไม่ได้แตะต้องตัวเลย ไม่ได้ข่มขู่ด้วย


คนขับรถแท็กซี่ยังยืนยันอีกว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้โดยสารสาว แต่ยอมรับรู้สึกไม่พอใจที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวถ่ายคลิป อีกทั้งแคปหน้าเฟซบุ๊กและนำภาพถ่ายของตนไปโพสต์ในโซเชียล แต่ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังเกิดเรื่องตนได้รับความเสียหายทางครอบครัวก็ต่อว่า


ทั้งนี้ ตนอยากบอกผู้โดยสารสาวคนดังกล่าวว่า “เรื่องแค่นี้คุยกันได้ ถ้าอยากดังไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ คุยกับผมก็รู้เรื่องแล้ว อยากให้ผมขอโทษเรื่องโอนเงินก็จบ แต่ที่กล่าวหาว่าลากขึ้นรถตนเองไม่ได้ทำ ไม่ได้แตะต้องตัวซักนิดเลยจะลากขึ้นรถได้ยังไง” ถ้าแจ้งความตำรวจก็ดำเนินคดีกับตน ตนไม่ได้ทำอะไรผิด /ส่วนที่มีเพื่อนของตนออกมาให้ข้อมูลว่ามีประวัติทำร้ายร่างกายนั้น ยืนยันไม่มี



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/pQp2QSQOZP4

คุณอาจสนใจ

Related News