สังคม
อดีตแฟนสาวสุดทน แฉ ส.ต.ท.คอมมานโด ข่มขู่ขอมีเซ็กส์ ถ้าไม่ยอมปล่อยคลิปว่อนเน็ต พบมีเหยื่อแล้ว 4 ราย
โดย nattachat_c
8 มี.ค. 2567
110 views
วานนี้ (7 มี.ค. 67) ช่วงสาย นางสาวชลิดา พะละมาตย์ มูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมผู้เสียหายสาว เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม โดยการทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากกรณี ถูกอดีตแฟนหนุ่มที่เป็นข้าราชการตำรวจในสังกัด ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ข่มขู่ให้ไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย หากไม่ยอมจะมีการเผยแพร่คลิป จนในเวลาต่อมา มีคลิปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย และมีผู้เข้าไปรับชม
โดย นางสาวชลิดา ระบุว่า ตนเองได้รับการแจ้งเรื่องร้องเรียนว่า ผู้เสียหายรายนี้ถูกอดีตแฟนหนุ่มที่เป็นข้าราชการตำรวจ ในสังกัดคอมมานโด ถ่ายคลิปขณะมีความสัมพันธ์กันไปเผยแพร่ หลังจากมีการข่มขู่บังคับให้ไปมีความสัมพันธ์ด้วยแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม
โดยฝ่ายหญิงกับอดีตแฟนหนุ่มรายนี้ เคยเป็นแฟนกันเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ก่อนจะเลิกรากัน โดยเมื่อเลิกรากันแล้ว ตัวอดีตแฟนหนุ่มยังมีการทักแชทมาติดต่อให้ไปมีความสัมพันธ์ด้วย โดยหากไม่ยอม จะมีการข่มขู่ว่าจะนำคลิปที่บันทึกไว้ขณะกำลังเพศสัมพันธ์ไปเผยแพร่
ซึ่งในตอนแรก ฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าจะบอกคนรอบข้าง จนตัดสินใจรวบรวมความกล้านำเรื่องดังกล่าวมาร้องขอความเป็นธรรมกับทางตนเอง
ก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายเคยมีการติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจคนนี้ ก็จะได้รับการติดต่อกลับมาให้ไปเจรจาไกล่เกลี่ย จึงทำให้ทราบว่า ก่อนหน้านี้อดีตแฟนหนุ่มรายนี้ ก็เคยมีการไกล่เกลี่ยกับหญิงสาวคนหนึ่ง ในลักษณะพฤติกรรมคล้าย ๆ กัน
ซึ่งในเคสนั้น ผู้บังคับบัญชาที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย โดยให้ฝ่ายชายชดใช้เป็นเงินจำนวน 400,000 บาท แต่ทราบว่า มีการจ่ายไปเพียง 300,000 เท่านั้น ซึ่งการไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายคนก่อนหน้าเกิดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ผู้บังคับบัญชารายนี้ ยังมีการบอกกับผู้เสียหายก่อนหน้าว่า ให้รับการไกล่เกลี่ยไป เพราะคลิปมีการปล่อยออกไปแล้วทำไม่ได้ และให้ยอมความทางคดีกัน ซึ่งในส่วนผู้เสียหายคนก่อนหน้านี้ถูกกดดัน จนต้องยอมรับข้อตกลง
แต่ในส่วนของน้องผู้เสียหายรายนี้ ตัดสินใจเดินหน้าเอาผิดทางคดี เพราะเชื่อว่าอดีตแฟนหนุ่มที่เป็นตำรวจรายนี้ ไม่ได้ก่อเหตุกับผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนเองในฐานะของผู้รับเรื่องร้องทุกข์ ยังได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายรายอื่นอีกสามราย ถึงพฤติกรรมของนายตำรวจคนนี้
ตนยังได้รับฟังการสัมภาษณ์ของทางอดีตแฟนหนุ่ม ที่เป็นตำรวจคนนี้ ให้ข้อมูลว่ากรณีที่นำคลิปไปลงเป็นช่องส่วนตัว บนเว็บไซต์ VK แต่ตนเองอยากถามว่า ถ้าเป็นช่องส่วนตัว เหตุใดคนอื่นถึงเข้าไปดูดคลิปได้ และคลิปก็มียอดคนดูหลักล้าน ซึ่งแอปดังกล่าว เท่าที่ทราบ ใครที่จะเข้าไปดูได้ ต้องมีการเสียเงินให้กับเจ้าของคลิป
ทั้งนี้ ตนยังรู้ข้อมูลอีกว่า ในขณะที่นายตำรวจคนนี้ ไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายคนก่อนหน้า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้น เพียงสองวัน คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายตำรวจคนนี้ยังมีการเอาคลิปของผู้เสียหายรายนี้ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ตนเองมองว่า ผู้ก่อเหตุอาจจะคิดว่า เมื่อก่อเหตุเกิดขึ้น ก็จะให้ผู้บังคับบัญชามาดำเนินการไกล่เกลี่ย ตนจึงติดต่อประสานมาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการเอาผิดกับนายตำรวจคนนี้ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา
------------
ขณะที่ผู้เสียหายรายนี้ ระบุว่า ตนเองรู้จักกับนายตำรวจคนนี้ ประมาณต้นปี 2565 ซึ่งก็ได้มีการย้ายมาอยู่กันที่แฟลตของฝ่ายชาย
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายก็มักจะดูแลเป็นอย่างดี แต่จะมีพฤติกรรมในความเจ้าชู้เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง แต่ก็มีบางครั้ง ที่มีการทะเลาะกัน ตนเองก็เคยถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน
และตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน เวลามีความสัมพันธ์กัน ฝ่ายชายจะขอนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปเอาไว้ ซึ่งตนเองก็ยอม เพราะในตอนนั้นรักฝ่ายชาย และเป็นแฟนกันได้ประมาณ 1 ปี
พอเลิกรากันไป ฝ่ายชายก็ติดต่อมาทาง LINE เพื่อขอให้ไปมีความสัมพันธ์ด้วย หากไม่ยอมก็จะส่งคลิปไปลงในโซเชียล ซึ่งตอนที่เลิกรากันไป ตนเองและฝ่ายชายก็ต่างคนไปมีคนใหม่กันทั้งคู่ แต่ฝ่ายชายกลับมีความเรียกร้อง ให้ตนเองเดินทางไปมีความสัมพันธ์ด้วย หากไม่ยอมก็เริ่มข่มขู่
ตนเองทนไม่ไหว ก็มีการขอเบอร์ผู้บังคับบัญชา และขู่ว่า หากยังไม่เลิกทำพฤติกรรมแบบนี้ ก็จะไปร้องเรียนผู้บังคับบัญชา อดีตแฟนหนุ่มก็ข่มขู่กลับทันทีว่าถ้าไปดำเนินการร้องเรียนผู้บังคับบัญชา ก็จะส่งเรื่อง และคลิป ไปยังที่ทำงานของตนเอง เพื่อให้เสียหายด้วยเช่นกัน และฝ่ายชายยังเคยดูถูกตนเองว่าเป็นเพียงพนักงานจ้าง ไม่มีใครสนใจหรอก
ตนมองว่าในส่วนของอดีตแฟนหนุ่มคนนี้ ไม่ต้องพูดถึงความเป็นตำรวจ พูดถึงแค่ความเป็นผู้ชาย ตัวเค้าไม่น่ามีความเป็นลูกผู้ชาย และไม่ควรอยู่ในองค์กรนี้ต่อไป ยืนยันต้องการดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ผู้เสียหายยังระบุอีกว่าในช่วงที่เริ่มมีการข่มขู่เกี่ยวกับเรื่องคลิป ตนเองทราบว่า คลิปดังกล่าวเริ่มมียอดคนดูแล้ว โดยตนทราบเรื่องจากคนรอบตัว ซึ่งการที่ฝ่ายชายทำแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานตนเป็นอย่างมาก รวมถึงเรื่องของครอบครัวด้วยเช่นกัน ทำให้ตนใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา อยู่ในสภาวะจิตตก
และฝ่ายชายบอกกับคนอื่นว่า มีการขอโทษตนไปแล้ว แต่ตนยังไม่เคยรับการขอโทษใด ๆ และไม่เคยได้รับการติดต่ออีกเลย
------------
ด้าน พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการสั่งการกำชับให้ต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างเคร่งครัด
ซึ่งเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนแรกในทางคดีอาญา ทราบว่า ผู้เสียหายมีการไปแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ซึ่งทราบว่า มีการดำเนินการเรียกผู้ก่อเหตุ มาแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ม.14(4) ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งในส่วนของสำนวนการสอบสวน ยืนยันว่า จะมีการดำเนินการไปยังตรงไปตรงมา และหากหากพบว่า ยังมีพฤติการณ์อื่นที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำความผิด ก็จะดำเนินการเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และทราบว่า ในส่วนของคดีนี้ มีการดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ทราบว่าจะมีการเร่งรัดในการส่งสำนวนให้อัยการต่อไป
ในส่วนของโทษทางวินัย ทราบว่า ในส่วนของกองบังคับการ ปฏิบัติการพิเศษ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเรื่องนี้ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทราบเรื่องแล้ว และมีการกำชับสั่งการมาให้ทางต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ามีความผิดให้ดำเนินการทันที ซึ่งทราบว่า มีการมอบหมายให้พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาเป็นผู้ควบคุมดูแลในเรื่องนี้
ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา จะไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ แม้ว่าจะเป็นตำรวจ โดยเรื่องนี้ แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การกระทำที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างรุนแรง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยืนยันให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
พร้อมฝากถึงคนที่ดูคลิปเหล่านี้ หากมีการดูและส่งต่อ ก็จะต้องถูกดำเนินการทางคดีเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิด เพราะโลกโซเชียลสามารถตรวจสอบได้ และฝากถึงคู่รักทุกคู่ ขออย่าให้มีการถ่ายคลิปกันเวลามีความสัมพันธ์เพราะหากมีการเลิกรากันไป อาจจะถูกนำคลิปมาเผยแพร่แบบนี้ขึ้นอีก
ในส่วนของคลิปที่มีการเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้านี้ จะมีการสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการทำหนังสือไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อดำเนินการคำสั่งศาลไปปิดกั้นการเข้าถึงคลิปดังกล่าว
------------
ทางด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า
ได้ประสานนัดหมายให้ ส.ต.ท.สุเมธ (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ผู้ถูกกล่าวหา ให้มาเข้าพบในวันนี้ (8 มี.ค. 67) เพื่อสักถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ ส.ต.ท.สุเมธ ยอมรับกับผู้บังคับบัญชาในสังกัดว่า ได้กระทำพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวจริง พร้อมยืนยันว่า ได้กระทำกับหญิงสาวเพียงแค่ 2 ราย
โดยรายแรก มีการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยจบเรื่องราวไปแล้ว เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนผู้เสียหายอีกราย คือหญิงสาวที่ออกมายื่นเรื่องร้องเรียน จนทำให้เกิดการตรวจสอบอยู่ในขณะนี้
------------------
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากอดีตภรรยาของนายตำรวจผู้ก่อเหตุ เล่าว่า
ตนกับนายตำรวจคนนี้ คบหาดูใจกันในช่วงประมาณปี 2565 ที่ผ่านมา คบหาดูใจกันอยู่ประมาณหนึ่งปีกว่า ๆ โดยเริ่มรู้จักกับฝ่ายจากทางโซเชียลมีเดีย และมีการพูดคุยกันได้ประมาณสองถึงสามเดือน ก็เริ่มตัดสินใจเป็นแฟนกัน
โดยตลอดระยะเวลาที่เป็นแฟนกันนั้น ตนกับอดีตแฟนหนุ่มรายนี้ อยู่ร่วมกันในห้องพัก และแฟนหนุ่มยังเคยมีการพาตนไปพบกับครอบครัว มีการเปิดตัวกันแบบเป็นทางการ จนตนเองตั้งครรภ์ แต่เรื่องก็เกิดขึ้น เพราะฝ่ายชายมีพฤติกรรมในการคบหาผู้หญิงหลายคนในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ตนกับอดีตแฟนหนุ่มมีปัญหาผิดใจกันมาโดยตลอด
ตนถึงขั้นมีความเครียดจนทำให้แท้งลูกที่ตั้งครรภ์ จึงตัดสินใจเลิกรากับฝ่ายชายเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรม ที่มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเท่าที่ทราบตลอดระยะเวลาที่คบหากับตน มีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องคบซ้อนไม่ต่ำกว่า 10 ราย
ที่ผ่านมา ตนต้องรับรู้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงของฝ่ายชายมาโดยตลอด เคยมีการติดต่อพูดคุยไปยังฝ่ายหญิงที่รู้ว่า มีการคบซ้อนในช่วงเวลาที่ตนเป็นแฟนอยู่ ทุกคนไม่รู้ว่าฝ่ายชายมีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่โทษฝ่ายหญิง เพราะฝ่ายชายมีพฤติกรรมแบบนี้มาโดยตลอด
สำหรับพฤติกรรมส่วนตัวของฝ่ายชาย ไม่มีการใช้ความรุนแรงใด ๆ กับตน แต่มักจะใช้คำพูดที่รุนแรง หยาบคาย ทำร้ายจิตใจตนอยู่เสมอ และตนยังเคยได้ยิน ฝ่ายชายพูดในลักษณะเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายชายพูดจาไม่ดีกับฝ่ายหญิงที่ตัวเองได้แล้ว
มีครั้งหนึ่ง ตนจำได้ว่า ฝ่ายชายยังเคยพูดกับตนว่า “มึงไม่ใช่คนแรกที่กูทำท้อง” แสดงว่าฝ่ายชายน่าจะเคยมีพฤติกรรมในการทำผู้หญิงท้องแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเท่าที่ทราบ บางเคสมีการบังคับให้ทำแท้ง แต่ในเคสของตน ฝ่ายชายไม่ได้บังคับให้ทำแท้งแต่อย่างใด
สำหรับพฤติกรรมในการถ่ายคลิปของฝ่ายชาย เวลาที่มีความสัมพันธ์กัน ฝ่ายชายมักจะขอถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นความชอบส่วนตัว ซึ่งในตอนนั้นตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะฝ่ายชายยืนยันว่า จะไม่มีการส่งต่อหรือเอาไปโพสต์ในโซเชียล
แต่ในกรณีของตน เมื่อเลิกรากันไป ฝ่ายชายก็ไม่ได้มีการติดต่อมาข่มขู่แต่อย่างใด รวมถึงตนก็ยังไม่เคยเห็นว่า มีคลิปของตนหลุดออกไปในโซเชียล อาจเป็นเพราะฝ่ายชายมีความเกรงกลัวแฟนใหม่ของตน เพราะเท่าที่รู้ ฝ่ายชายจะมีพฤติกรรมข่มขู่เฉพาะกับอดีตแฟนสาวที่ไม่มีทางสู้ หรือมีแฟนใหม่แล้ว แต่ฝ่ายชายไม่กลัว ก็จะมีการติดต่อบังคับให้มาพบ เพื่อมีความสัมพันธ์กัน
ในส่วนของคดีความ ตนไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ แต่ก็พร้อมเป็นพยานให้กับทางผู้เสียหายทุกคนที่ถูกข่มขู่หรือเผยแพร่คลิป
ในส่วนของคลิปเท่าที่ทราบ มีผู้เสียหายเคยไปติดต่อร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต้นสังกัด และมีการเข้าไปเจรจา จนนำไปสู่การลบคลิปจากมือถือ ที่พบว่ามีเป็น 1,000 คลิป ไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่า ฝ่ายชายจะมีการนำคลิปไปเก็บบันทึกเอาไว้ที่อื่นอีกหรือไม่
ส่วนกรณีที่ฝ่ายชาย เคยออกมาให้ข้อมูลหรือสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้เงินจากการโพสต์คลิปดังกล่าว ตนเองไม่เชื่อ และเชื่อว่าฝ่ายชายได้เงินจากการนำไปส่งต่อหรือโพสต์ลงในโซเชียล
------------------------------------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MBdH8WwZAPw
แท็กที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิเป็นหนึ่ง ,ปล่อยคลิปว่อนเน็ต ,คลิปโป๊ ,ปล่อยคลิปโป๊