เหมือนตายผ่อนส่ง! ชาว ‘แม่พริก’ ลำปางโอด ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่ง 600 ถามจะปล่อย ปชช.ถูกเผาปอดจนตายหรือ?

ชาวแม่พริก ลำปาง วัดค่าฝุ่น PM 2.5 พบบางจุดพุ่งสูงถึง 600 มคก./ลบ.ม. ถาม จะปล่อยให้ ปชช. ถูกเผาปอดแบบนี้ไปจนตายหรือ ลั่น รู้สึกเหมือนตายผ่อนส่ง บอก อย่าพูดถึงเรื่องมาเที่ยวเลย ขนาดเป็นคนในพื้นที่ยังอยากหนีไผพักฟอกปอดที่อื่น

วานนี้ (7 มี.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Sirichai Ngamsanguanpreecha” ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง โพสต์ภาพการตรวจวัดคค่าฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากคุณภาพอากาศแย่จากการเผา และจากการตรวจวัดพบว่า ในบ้านวัดได้ 393 มคก./ลบ.ม.พอยื่นออกมานอกบ้านวัดได้ 418 มคก./ลบ.ม.  และสูงสุดที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้วัดได้คือพุ่งสูงถึง 600 มคก./ลบ.ม.  ข้อความระบุว่า

PM. วันนี้หนักไปนะครับ ในบ้านเกือบ 400 นอกบ้าน เกิน 400 ไปแล้ว บางที่ไม่มีต้นไม้ไปเกิน 600 แล้วครับ เราจะปล่อยให้ ลูกหลาน พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ของเราโดนเผาปอดไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายเดือนในแต่ละ ปีแล้วปีเล่าจนตายกันไปข้างหนึ่งเลยเหรอครับ อย่าไปพูดถึงท่องเที่ยวเลย บ้านอยู่นี่ ยังอยากหนีไปพักฟอกปอดเลยครับ

ทีมข่าวได้คุยกับนายศิริชัย หรือตั้ม กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นตอนนี้ที่ลำปางแย่มาก ส่วนตัวมองว่าสาเหตุจากการเผา  ขณะเดียวกันตอนเช้าวานนี้ (7 มี.ค.67) หลังจากที่ตื่นมา รู้สึกแสบคอมาก จึงเอาเครื่องวัดค่าฝุ่น PM.25 มาวัดดู เริ่มเต้นจากวัดในบ้าน วัดได้ 393 มคก./ลบ.ม. จากนั้นมาวัดต่อนอกบ้านวัดได้ 418 มคก./ลบ.ม.

ส่วนที่วัดได้สูงถึง 600 มคก./ลบ.ม. เป็นจุดโล่งและไม่ค่อยมีต้นไม้ ซึ่งวัดอยู่บริเวณหน้าศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ ตอนที่ไปส่งลูกไปเรียนตอนเช้า  แต่พอเข้าไปด้านในศูนย์เด็กเล็กพบว่าค่าฝุ่นลดมาบ้างจึงให้ลูกเข้าไปเรียน จากนั้นพอมาถึงช่วงบ่าย พบว่าค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น เด็กๆในศูนย์เด็กเล็กมีอาการแสบตา ตนจึงปรึกษากับคุณครูแล้วมารับลูกกลับบ้านทันที

ส่วนกรณีที่ตนบอกว่าอย่าพูดถึงเรื่องมาเที่ยวเลย ขนาดเป็นคนในพื้นที่ยังอยากหนีไผพักฟอกปอดที่อื่น นายศิริชัย บอกว่า จ.ลำปาง เป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองหนึ่งที่ตนอยากให้นักท่องเที่ยวมา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะภาคเหนือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี  ขนาดตนเป็นคนในพื้นที่ยังอยากหนีออกจากพื้นที่เลย แต่ขอยืนยันว่าที่พูดไม่ได้พูดเชิงติ แต่เราอยากกระตุ้นให้มีการแก้ไขและตระหนักรู้ ว่าคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วโดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ  เห็นได้ชัดคือในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทุกคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น รู้สึกเจ็บคออยู่ตลอดเวลาและมีอาการไอ แต่ช่วงที่หนักๆจะมีอาการอื่นๆเพิ่มเติมด้วย คือ คือแสบตาและน้ำมูกไหล ฯลฯ

นายศริชัย กล่าวว่า ปัจจุบันภาครัฐเองก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย แต่ส่วนตัวอยากให้มีมาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหา แต่เพียงบางครั้งมันต้องปรับและแก้ไขเฉพาะพื้นที่ เช่น เรื่องการเผาหลายคนอาจบอกว่ามาจากเกษตรกรเผา แต่คนในพื้นที่จะบอกว่าจุดที่มีความสัมพันธ์ส่วนใหญ่จะบอกว่ามากจากป่า ทั้งป่าชุมชน ป่ารอบๆอุทธยาน แล้วพอเกิดจากตรงนี้ก็จะส่งผลกระทบใหญ่โต ดังนั้น จึงอยากให้มีการลงพื้นที่แก้ปัญหาเชิงรุก เพื่อจะได้ทราบว่าตัวร้ายตัวจริงคือใครกันแน่

ก่อนจะทิ่งท้ายว่า ในแต่ละวันเด็กต้องการการวิ่งเล่นนอกสถานที่ แต่ปรากฎว่าออกจากบ้านไม่ได้ พอออกจากบ้านไม่ได้ใช่ว่าในบ้านจะปลอดภัย เพราะในบ้านเองค่าฝุ่นก็พุ่ง 200-300 นับว่าหนักหนาเช่นกัน  ส่วนผู้สูงอายุก็ภูมิต้านทานต่ำ สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็เปรียบเสมือนเป็นการตายผ่อนส่ง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/KptzwPosRA8