สังคม

‘เศรษฐา’ ตกใจ! สุพรรณฯ-ลพบุรี’ เผาอ้อยเกือบ 2 ล้านตัน – เปิดคลิปนาทีครู-นร.หนีตาย จากควันเผาอ้อย

โดย nattachat_c

23 ก.พ. 2567

80 views

วานนี้ (22 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงปัญหา และปัจจัยที่ทำให้เกิด PM 2.5 ว่า


ได้รับรายงาน ว่า สุพรรณบุรี และลพบุรี มีอ้อยที่เผาก่อนตัดส่งโรงงาน เกือบ 2 ล้านตัน เห็นตัวเลขแล้วตกใจ


แม้ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออกมาตรการต่าง ๆ ไป จนทำให้เราเห็นตัวเลขการเผาหลังการเก็บเกี่ยวของทั้ง 2 จังหวัดนี้ ลดลงจากปีก่อน 5-10% ก็ตาม แต่ประชาชนยังหายใจลำบาก จากผลกระทบของการเผาอยู่ เพราะมีโรงงานน้ำตาลที่รับอ้อยเข้าหีบ มีอีกหลายจังหวัด


ถ้าคิดตัวเลขกลม ๆ อ้อยมีผลผลิต 10 ตัน/ไร่ ทำให้ 2 จังหวัด มีอ้อยที่เผาเข้าโรงงาน 2 ล้านตัน ซึ่งทั้ง 2 จังหวัด มีเกษตรกรชาวไร่อ้อย เผาอ้อยก่อนตัดถึง 200,000 ไร่ แต่จากรายงานการเผาอ้อยภาพรวมของทั้งประเทศก็ลดลงประมาณ 5% จากปีที่แล้ว โดยปีนี้ อยู่ที่ 28%


นายกฯ ระบุด้วยว่า นี่คือปัญหา PM 2.5 ที่รัฐบาลต้องรีบปรับแนวทางแก้ไข เพราะค่าฝุ่นใน กทม. และ จังหวัดใกล้เคียง ที่หนักในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเผาของเหลือใช้ทางการเกษตรด้วย ดังนั้น ในช่วงที่โรงงานน้ำตาลใกล้ปิดหีบนี้ ต้องมีการรณณรงค์ทำความเข้าใจกับชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ตัดอ้อย ให้งดการเผา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดรณรงค์ และเพิ่มมาตรการจูงใจ ให้ลดการเผาลงให้มากกว่านี้


สำคัญที่สุด ผมอยากขอความร่วมมือกับเอกชน โดยเฉพาะผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ ให้สนับสนุนเกษตรกรลดการเผาด้วย


ส่วนมาตรการระยะยาว ผมจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยต่อ เพราะยังมีโรงงานน้ำตาล และไร่อ้อยในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ ที่ต้องปรับแนวทางร่วมกัน”

-------------
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นิพนต์ บุญกอง ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งพื้นที่โดยรอบโรงเรียนซอย 3 ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีการเผาอ้อย จนเกิดกลุ่มควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ แทบมองไม่เห็นทาง หรืออาคารเรียน ส่งผลกระทบต่อคนในหมู่บ้าน รวมถึงเด็กนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน


คุณครูได้เร่งอพยพนักเรียนออกจากโรงเรียน เนื่องจากควันจากการเผาอ้อย ทำให้เด็กหายใจไม่ออก ทั้งเด็กเล็กเด็กโตจูงมือกันเดินออกมาจากโรงเรียน


ขณะที่ ครูประกาศให้นักเรียนรีบออกมาจากโรงเรียน และประสานให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน


เด็ก ๆ บางคนร้องไห้ ดึงเสื้อขึ้นมาปิดหน้าปิดจมูกเพราะแสบดวงตา และหายใจไม่ออก


เด็กทุกคนเดินออกมารวมตัวกันอยู่บนไหล่ทางถนนหน้าโรงเรียน โดยมีครู พระสงฆ์ และชาวบ้าน ช่วยกันอพยพเด็กออกจากโรงเรียน ไม่ให้เดินออกไปกลางถนนเพราะควันบดบังทัศนวิสัย ทำให้มองไม่เห็นถนน เกรงว่าจะเป็นอันตรายจากรถที่สัญจรไปมา พร้อมพูดว่า “ให้เด็กรีบวิ่งไปอยู่ตรงจุดที่ไม่มีควัน รีบไปให้พ้นควัน เดี๋ยวหายใจไม่ออก อาจตายได้”


ผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “เด็ก ๆ โรงเรียนซอย 3 หนีควันไฟไหม้ สงสารเด็กเลย ผู้ปกครองนักเรียนมารับเด็กกลับบ้านได้ ตอนนี้ ไฟสงบแล้ว”

------------

วานนี้ (22 ก.พ. 67)  เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุมภวาปี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 จ.อุดรธานี ว่า มีชาวบ้านไปพบศพผู้เสียชีวิต ถูกไฟคลอกในไร่อ้อย ทางทิศเหนือของบ้านกุดจิก หมู่ 1 ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี


หลังรับแจ้ง จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบศพ นายสุดใจ ชารัญจ่า อายุ 72 ปี ถูกไฟคลอกเสียชีวิต ในสภาพศพนอนตะแคงด้านขวา เสื้อผ้าถูกไฟไหม้หมด ตามร่างกายถูกไฟไหม้ มือหงิกงอ และมีไม้ ที่คาดว่าเป็นไม้ที่ผู้ตายนำมาทำแนวกั้นไฟอยู่ใกล้กับศพ ขณะที่ ลูกหลานต่างพากันร้องไห้ระงม  


หลานสาวของนายสุดใจ บอกว่า

เช้าวานนี้ นายสุดใจมาจุดไฟเผาไร่อ้อยของตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกใหม่ คาดว่า ช่วงนั้นเกิดลมกระโชกแรง ทำให้ไฟลามจนเอาไม่อยู่ และคาดว่าคุณตากลัวไฟจะลามไปไร่อ้อยของหลาน ๆ คุณตาจึงรีบวิ่งไปดับไฟ โดยทำแนวกันไฟเอาไว้ แต่ไฟอาจจะแรง ระหว่างวิ่งดับไฟจึงทำให้วูบ และหน้ามืด เพราะมีโรคประจำตัวคือความดัน และเบาหวาน ทำให้หนีไม่ทัน แล้วถูกไฟคลอกเสียชีวิต


ทั้งนี้ ทางด้านลูกหลานเห็นว่า คุณตามาไร่อ้อยตั้งแต่เช้า แต่ตอนบ่ายยังไม่กลับมา ก็เลยมาตามหา กระทั่งมาเจอว่า ตาถูกไฟคลอกตายกลางไร่อ้อย


นายเมธวัฒน์ วงศ์คำจันทร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยประชาธรรม บอกว่า


จากการสอบถามเบื้องต้นจากญาติ ๆ ทราบว่า คุณตามาเผาไร่อ้อยของตนเอง เพื่อเตรียมแปลงปลูกอ้อยใหม่ แต่ไฟลุกไหม้แรง พอวิ่งดับไฟก็อาจจะวูบ แล้วล้มลงหมดสติ ไม่มีใครเห็น ทำให้เสียชีวิต  


พร้อมเตือนว่า ช่วงนี้อากาศแปรปรวน เริ่มเข้าหน้าร้อนแล้ว จุดไฟเผาไร่อ้อยโปรดระวัง อาจจะสูดดมควันเข้าไปทำให้วูบหมดสติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุอาจเสียชีวิตได้

----------------
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้เผยข้อมูลจาก ดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจาก ดาวเทียมอีกหลายดวง


โดย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 1,532 จุด ซึ่งข้อมูลจากดาวเทียม ยังระบุอีกว่า จุดความร้อนที่พบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่...

  • ป่าอนุรักษ์ 671 จุด
  • ป่าสงวนแห่งชาติ 340 จุด
  • พื้นที่เกษตร 232 จุด  
  • พื้นที่เขต สปก. 163  จุด
  • แหล่งชุมชนและอื่นๆ 115 จุด  
  • พื้นที่ริมทางหลวง 11 จุด
  • สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 211 จุด


ขณะที่ ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุดอยู่ที่...

  • เมียนมา 1,485 จุด
  • สปป.ลาว 851 จุด
  • เวียดนาม 595 จุด


อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง


GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่


ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "#เช็คฝุ่น"

----------------
เมืองที่มี ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM2.5 มากที่สุด 10 อันดับแรก ของประเทศไทย เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 23 ก.พ. 67 มีดังนี้

1. หางดง, จังหวัดเชียงใหม่ 161


2. แม่เมาะ, จังหวัดลำปาง 155


3. เชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่ 147


4. สุโขทัย, จังหวัดสุโขทัย 146


5. ดอยสะเก็ด, จังหวัดเชียงใหม่ 144


6. แม่สอด, จังหวัดตาก 135


7. สันทราย, จังหวัดเชียงใหม่ 126


8.ขอนแก่น, จังหวัดขอนแก่น 119


9. เชียงราย, จังหวัดเชียงราย 116


10. เพชรบูรณ์, จังหวัดเพชรบูรณ์ 98


ด้านเชียงใหม่ ติดอันดับ 10 ของโลก มีค่าฝุ่น 150 ณ เวลา 07.00 น.

--------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lHMggMCvOz0

คุณอาจสนใจ

Related News