สังคม

ตำรวจสอบสวนกลางลุยปราบสวยเถื่อน ตรวจค้น 5 จุด รวบ 4 หมอปลอม เสริมความงามให้ประชาชน

โดย gamonthip_s

19 ก.พ. 2567

5.5K views

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยนพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีตรวจระดมตรวจค้น 5 จุด จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย โดยเป็นแพทย์เถื่อน 4 ราย, แพทย์จริง 1 ราย และเจ้าของสถานที่ 1 ราย ตรวจยึดของกลาง จำนวน 96 รายการ มูลค่ากว่า 500,000 บาท


พฤติการณ์สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ทำการตรวจสอบบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์เปิดร้านเสริมสวย ลักลอบให้การบริการฉีดหน้าเสริมความงามให้ประชาชน อีกทั้งมีการโฆษณาเชิญชวนประชาชนให้มารับการรักษา แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี และ จ.ระยอง


เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ทำการสืบสวนพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์หลายรายทำการใช้สถานที่ต่าง ๆ เปิดรับการรักษาให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้บริการ เช่น ใบหน้าผิดรูปหรือเกิดการอักเสบติดเชื้อจนเป็นอันตรายถึงชีวิต จนนำมาสู่การระดมกวาดล้างหมอเถื่อน และสถานพยาบาลเถื่อนในครั้งนี้ รวม 5 จุด ดังนี้


1. ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในตลาดพระรูป 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ น.ส. วสุพร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี กำลังฉีดวิตามินบำรุงผิวเข้าเส้นเลือดให้กับผู้มารับบริการ จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นร้านเสริมสวยบังหน้าเพื่อใช้นัดหมายลูกค้า โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้งผู้ทำการตรวจรักษาไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดย น.ส.วสุพร ฯ รับว่าตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขา Logistic เคยทำงานที่คลินิกเสริมความงาม จึงนำความรู้ที่มีรับฉีดเสริมความงามให้กับลูกค้า โดยใช้เฟซบุ๊ก และ tiktok เป็นช่องทางในการนัดกับลูกค้า และโฆษณาโดยใช้ร้านเสริมสวยเป็นสถานที่นัดลูกค้ามาฉีด มีลูกค้าวันละประมาณ 3-10 คน ทำมาแล้วประมาณ 7 เดือน รายเดือนละประมาณ 80,000 - 100,000 บาท ในส่วนยา เครื่องมือแพทย์ที่นำมาใช้สั่งมาจากผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์


ตรวจยึดยาแผนปัจจุบันมีทะเบียนถูกต้อง จำนวน 6 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 8 รายการ เครื่องมือแพทย์จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ 5 รายการ  รวมของกลางจำนวน 14 รายการ มูลค่าของกลางประมาณ 100,000 บาท 


2. สถานพยาบาลตั้งอยู่ บริเวณถนนราชชุมพล ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นำหมายค้นของศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้น โดยขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้น พบแพทย์หญิง กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี กำลังให้การรักษาประชาชน ตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล โดยแพทย์คนดังกล่าวรับว่าเป็นเจ้าของคลินิก ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขออนุญาต แต่ได้เปิดทำการรักษาก่อนโดยเปิดมาแล้วประมาณ 1 เดือน โดยใช้เฟซบุ๊ก ในการโฆษณานัดหมายลูกค้า ตรวจยึดยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 19 รายการ เครื่องมือแพทย์ จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษา เวชระเบียน รวมมูลค่าของกลางประมาณ 200,000 บาท


3. บ้านพักอาศัยในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดระยองเข้าตรวจค้น ขณะเข้าตรวจค้น พบน.ส.ปุญญิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี กำลังฉีดรักษาให้กับประชาชน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ พบว่าสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้งผู้ทำการตรวจรักษาไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยน.ส.ปุญญิสาฯ รับว่าตนเองจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นไปเรียนต่อหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล เมื่อจบแล้วได้ไปทำงานในคลินิกใน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้ประมาณ 4 ปี ภายหลังลาออกจากคลินิก ได้นำความรู้ที่ได้เรียนมาและประสบการณ์จากการทำงาน มาเปิดรักษาโดยการนัดประชาชนมารับบริการที่บ้าน โดยใช้เฟซบุ๊กในการโฆษณา และติดต่อนัดหมายลูกค้า ทำมาได้ประมาณ 1 ปี รายได้เดือนละประมาณ 50,000 – 100,000 บาท


ตรวจยึดยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 10 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 7 รายการ (รวม 17 รายการ) เครื่องมือแพทย์ จำนวน 8 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษา จำนวน 3 รายการ รวมมูลค่าของกลางประมาณ 100,000 บาท โดยน.ส.ปุญญิสาฯ รับว่าสั่งซื้อยา และเครื่องมือแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ทราบว่าร้านที่ส่งมาให้รับมาจากที่ใด


4. ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้น ขณะเข้าตรวจค้น พบ น.ส. กฤศญา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี กำลังฉีดยาบำรุงผิวให้กับประชาชน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ น.ส. ศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของสถานที่รับว่าสถานที่ดังกล่าว ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้งผู้ทำการตรวจรักษาไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด


สอบถามน.ส. กฤศญาฯ รับว่าตนเองจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ มีประสบการณ์เคยทำงานคลินิกมา 10 ปี โดยทำงานที่ร้านแห่งนี้ได้เพียง 2 วัน ได้ค่าจ้างเป็นเคส เคสละ 400 บาท น.ส.ศิริรัตน์ฯ รับว่าสถานที่แห่งนี้เปิดดำเนินการมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยใช้เฟซบุ๊กในการโฆษณา และนัดหมายลูกค้า จึงตรวจยึดยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 7 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 5 รายการ (รวม 12 รายการ) เครื่องมือแพทย์ 3 รายการ เวชภัณฑ์ 12 รายการ รวมมูลค่าของกลางประมาณ 100,000 บาท โดย น.ส.ศิริรัตน์ ฯ สั่งยามาจากออนไลน์


5. คลินิกแห่งหนึ่งบริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และประชาชนให้ตรวจสอบสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์ ซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องสำอางค์ แต่นำมาฉีดเข้าร่างกาย และสงสัยว่าบุคคลที่ให้บริการรักษาไม่ใช่แพทย์ จึงร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นสถานพยาบาลดังกล่าว ขณะเข้าตรวจค้น พบน.ส.เบญจภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี กำลังนำผลิตภัณฑ์ ซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องสำอางมาฉีดให้กับประชาชน


โดยน.ส.เบญจภรณ์ฯ รับว่าตนเองจบปริญญาตรีพยาบาลศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่นำไปใช้ผิดประเภทโดยการนำมาฉีด ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับประชาชน ตรวจยึดผลิตภัณฑ์จดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่ฉลากระบุฉีดจำนวน 4 รายการ พร้อมจับกุม น.ส. เบญจภรณ์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี  


รวมตรวจค้น 5 จุด ตรวจยึดของกลาง จำนวน 96 รายการ มูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยเป็นยามีทะเบียนตำรับยา จำนวน 36 รายการ, ยาที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา 20 รายการ, เครื่องมือแพทย์ จำนวน 19 รายการ เครื่องสำอาง จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ จำนวน 17 รายการ


แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ทำการรักษา และเจ้าของสถานที่ ทั้งหมด 6 ราย โดยผู้ทำการรักษาจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 ราย ปริญญาตรี 2 ราย และเรียนจบแพทย์จริงแต่รักษาในสถานที่ไม่ได้รับอนุญาต 1 ราย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ดังนี้


1. น.ส. วสุพร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”


2. แพทย์หญิง กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”


3. น.ส. ปุญญิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต,ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”


4. น.ส. กฤศญา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ฐาน “ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต


5. น.ส. ศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของสถานที่ ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา


6. น.ส. เบญจภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”


อนึ่งการปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยหากพบการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป


การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

1. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

2. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

4. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คุณอาจสนใจ

Related News