แม่โพสต์ลูกชายเลือดกำเดาไหล ทุกครั้งที่ค่าฝุ่นสูง พ้อชีวิตไม่มีสิทธิ์เลือกอากาศหายใจ

แม่โพสต์ลูกชายเลือดกำเดาไหลเกือบ 2 ชั่วโมง เดี๋ยวไหลเดี๋ยวหยุด เป็นทุกครั้งที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง พ้อชีวิตเหมือนต้องจำยอม จำใจ จำทน ไม่มีสิทธิ์เลือกอากาศหายใจ

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pam Krairiksh ได้โพสต์ภาพลูกชายเลือดกำเดาไหล โดยระบุว่า 

“วันนี้ เด็ก ๆ นั่งเล่นอยู่ พี่สาววิ่งมาบอกแม่ว่า เห็ดสุดรักของแม่ เลือดกำเดาไหล เมื่อไหร่ที่ฝุ่น PM2.5 สูง ก็จะแทบทุกครััง ที่ลูกชาย กับลูกสาวเลือดกำเดาไหลค่ะ ชีวิตเหมือนต้องจำยอม จำใจ จำทน อยู่แบบเลือกไม่ได้ เผาเมื่อไหร่ก็ต้องรับสภาพไป” ซึ่งเธอบอกว่า ไหล ๆ หยุด ๆ มาสองชั่วโมงแล้วเพิ่งจะหยุดเอง

--------------

ต่อมาเธอได้โพสต์ภาพกระดาษทิชชูเปื้อนเลือด พร้อมระบุข้อความว่า

“วันที่สองของลูกชายที่เลือดกำเดาไหล วันนี้แม่กับป๊าออกไปซื้ออาหารไม่ไกลจากหมู่บ้าน สักพักลูกสาวคนโตโทรมาบอกว่า แม่คะน้องเลือดกำเดาไหล มันออกมาเรื่อย ๆ ยังไม่หยุด หนูปฐมพยาบาลน้องอยู่คะ นี่คือเหตุผลหลักที่ซื้อบ้านไว้ที่ต่างจังหวัด แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มันคือการที่เราต้องมารับผิดชอบของการกระทำจากคนมักง่าย เห็นแก่ตัว คนบางกลุ่มได้รับผลประโยชน์? และส่วนเราต้องมารับกรรมของคนพวกนี้ มันใช่เหรอ its not fair”

--------------

ทีมข่าวสอบถามไปยัง นางสาวแพม ไกรฤกษ์ อายุ 39 ปี เจ้าของโพสต์ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า

ลูกชายคือน้องอิสเตอร์ อายุ 6 ขวบ โดยช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ค่าฝุ่นในกรุงเทพฯค่อนข้างสูง ประกอบลูกชายเป็นภูมิแพ้ไปโรงเรียนตามปกติ วันไหนค่าฝุ่นสูงเลือดกำเดาก็จะไหล  

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. เลือดกำเดาไหลไม่หยุดเกือบ 2 ชั่วโมง เดี๋ยวไหลเดี๋ยวหยุด ต่อมาช่วงกลางวัน 17 ก.พ. เลือดกำเดาก็ไหล อาการเดิม

ผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าว ยังกล่าวอีกว่า ปกติถ้าไม่มีการเผา อย่างในกรุงเทพฯ ฝุ่นควันพิษก็เยอะพอประมาณอยู่แล้ว แต่พอมีการเผามันค่อนข้างจะหนัก การแก้ปัญหาของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องน่าจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ สิ่งไหนช่วยประชาชนได้ก็ควรทำ

ส่วนตัวไม่ทราบว่า มีผลประโยชน์กันหรือไม่ ที่ทำให้มีการเผาพืชผลการเกษตร กลายเป็นว่าคนที่ได้รับผลกระทบกลายเป็นเหยื่อไม่มีสิทธิ์เลือกอากาศจะหายใจ

ขณะที่ ลูกของกลุ่มเพื่อน ๆ ก็เลือดกำเดาไหล ส่วนตนเองก็ป่วยเป็นภูมิแพ้ ขนาดเป็นผู้ใหญ่ยังรู้สึกไม่ไหว ทั้งปวดหัว ไมเกรน น้ำตาไหลตลอดเวลา เป็นหอบ หลอดลมอักเสบ ตนเองต้องยอมรับสภาพอากาศแบบนี้

พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้ลูกอยู่ในบ้าน ซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ พยายามให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นให้มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

เช่นเดียวกับลูกสาว ก็จะมีอาการเลือดกำเดาไหลเช่นกัน โดยเมื่อปี 2563 (ขณะนั้นอายุ 10 ขวบ) เป็นช่วงพีค ๆ ที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง ซึ่งขณะนั้น พ่อของเด็กไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ขึ้นรถได้ครู่เดียว เลือดกำเดาไหลไม่หยุดกว่า 40 นาที โดยแม่ของเด็กโทรไปปรึกษารุ่นพี่ที่เป็นหมอ ได้ความว่าฝุ่น PM 2.5 มีส่วนกระตุ้นอาการภูมิแพ้ของลูก ฝุ่นขึ้นสูงเป็นร้อย ที่บ้านแสบจมูกแสบคอกันหมดทุกคน

ด้าน พ่อของเด็ก บอกว่า

เห็นเลือดลูกออกเป็นแก้วแล้วช้ำใจ บ้านผมไม่มีรถควันดำเลยซักคัน แล้วทำไมต้องมารับผลที่คนเห็นแก่ตัวทำไว้ด้วย ทั้งรถเมล์ รถบรรทุก รถเครื่องดีเซลเสื่อมสภาพ แต่ต่อทะเบียนได้ วิ่งได้ปกติทุกคัน

บ้านไหนมีเด็ก มีคนแก่ มีคนป่วย ดูแลกันให้ดี ๆ ถ้าเกิดเจ็บป่วยเพราะ PM 2.5 แล้วไม่มีเงินไปหาหมอดีๆ ก็ลองไปขอรัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดกฎหมาย

--------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/6U9oKr8mvDY