สังคม

ศาลให้ประกัน 2 นักข่าว ทำข่าวพ่นสีวัดพระแก้ว หลักทรัพย์คนละ 3.5 หมื่นบาท

โดย gamonthip_s

13 ก.พ. 2567

20 views

เวลา 16.00 น. วันที่ 13 ก.พ.67 ที่ศาลอาญาให้ ผู้สื่อข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระ วางเงินประกันคนละ 35,000 บาท ไม่มีเงื่อนไขอื่น


ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานความคืบหน้ากรณีการดำเนินคดีนายณัฐพล ผู้สื่อข่าวของประชาไท และนายณัฐพล ช่างภาพอิสระ ถูกตำรวจชุดนอกเครื่องแบบแสดงหมายจับข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ โดยนำตัวมาขออำนาจศาลฝากขังในวันนี้ จากกรณีทั้งคู่ติดตามรายงานข่าวเหตุการณ์เมื่อ 28 มี.ค.66 ที่รั้ววัดพระแก้ว


ต่อมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าศาลอาญาให้ประกันตัวทั้งคู่โดยวางเงินคนละ 35,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขอื่น หลังศาลอนุมัติฝากขังในตอนแรก โดยทั้งคู่ได้รับการปล่อยตัวจากศาลอาญาในช่วงเย็นวันนี้

ทางด้าน น.ส.ทานตะวัน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยหลังตำรวจเปิดหลักฐานสาเหตุแจ้งจับนักข่าวร่วมสนับสนุนการทำลายโบราณสถาน เพราะมีการวางแผน และดูสถานที่วันก่อนเกิดเหตุนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีภาพนักกิจกรรมพูดคุยกับนักข่าวในวันดังกล่าว เพราะช่วงนั้นมีกิจกรรม “ยืน-หยุด-ขัง” มีนักข่าว และช่างภาพมาทำข่าวกิจกรรมตามปกติ พร้อมบอกว่าอย่าตกเป็นเหยื่อไอโอที่พยายามจะบอกว่าเป็นการพูดคุยวางแผนกัน  

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามต่อว่า น.ส.ทานตะวัน ยืนยันใช่หรือไม่ ว่าภาพที่นักข่าว และนักกิจกรรมมีการพูดคุยกันวันก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่การวางแผนนัดแนะ น.ส.ทานตะวัน บอกว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่ทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกัน แต่ก็มองว่าการที่มีเพียงภาพวงจรปิดว่ามีการยืนพูดคุยกัน ไม่น่าจะเป็นหลักฐานว่าเป็นการนัดแนะวางแผนก่อเหตุได้ เพราะดูแค่จากภาพ ตำรวจก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นการพูดคุยอะไรกัน


หลังจากมีรายงานว่าศาลอาญา ออกหมายจับนางสาว ทานตะวัน ความผิดตามมาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น นางสาวทานตะวัน ถามกลับว่าเข้าองค์ประกอบตรงไหน แล้วเข้าฐานความผิดตามมาตรา 116 อย่างไรบ้าง


เมื่อถามว่า ที่ตำรวจยืนยันว่า ไม่ได้มีการยัดข้อกล่าวหา ทางนางสาวทานตะวัน ก็อยากถามกลับว่าแล้วเข้าองค์ประกอบมาตรา 116 อย่างไร พร้อมย้ำว่าตนเองยังคงรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ ยืนยันว่าไม่หนี และยังอยู่ตรงนี้ ถ้าตำรวจจะมาจับ ก็ให้จับ


ส่วนแนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ ขอให้ติดตามดีกว่า ยืนยันว่าจะสู้ต่อไป ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งเห็นความอยุติธรรม ซึ่งตนจะสู้ต่อแน่นอน แต่จะเป็นแนวทางไหนให้รอดู


พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ตนเองจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกแล้ว ส่วนการตั้งคำถาม ก็จะยืนหยัดเช่นเดิมว่าจะตั้งคำถามต่อไป เพราะเป็นสิทธิและเสรีภาพ

คุณอาจสนใจ