สาวเอ็นฯร้อง ถูกลูกค้าอดีตนักการเมืองสัตหีบ ขืนใจไม่ใส่ถุง เบี้ยวค่าตัว 5,500 แถมขู่ฆ่าจนผวา

เมื่อวานนี้  (22 ม.ค.67) พ.ต.อ.ธนพล กลิ่นเกษร ผกก.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  เชิญตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี  ทำงานเป็นเด็กเอ็นเตอร์เทน ผู้เสียหาย มาให้ปากคำเพิ่มเติม  หลังเข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าถูกอดีตนักการเมืองชื่อดังในพื้นที่อำเภอสัตหีบ เบี้ยวค่าตัว และทำร้ายร่างกาย


น.ส.เอ ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนเองรับงานเอ็นเตอร์เทนจากอดีตนักการเมืองในพื้นที่คนหนึ่ง อายุ 43 ปี ได้ตกลงค่าจ้างในการทำงาน 4 ชั่วโมง ราคา 5,500 บาท โดยนัดหมายเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่บางเสร่  ซึ่งเป็นห้องพักของฝ่ายชาย เมื่อเสร็จงานเวลา 05.00 น. ได้ทวงถามค่าจ้าง แต่กลับเบี้ยวไม่จ่าย อ้างว่าไว้รอจ่ายตอนเช้า  ตนจึงนอนหลับรอเงินในห้องพัก แต่อดีตนักการเมืองได้ข่มขืนใจ  ตนพยายามขัดขืน ก่อนแจ้งว่า ถ้าจะทำแบบนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 3,000 บาท  อดีตนักการเมืองตอบตกลง  


เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึง 09.30 น. จึงโอนค่าจ้างให้ 3,000 บาท และยังค้างอีก 5,500 บาท  จึงทวงถามเงินส่วนที่เหลือ แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงถ่ายคลิปการสนทนาไว้เป็นหลักฐาน เป็นเหตุให้ฝ่ายชายโมโห กระชากคอเสื้อ บีบคอ พร้อมกับนำมีดจี้ที่คอข่มขู่ให้ลบคลิป  


หลังเกิดเหตุ  ผู้เสียหายติดต่อไปยังอดีตนักการเมือง เพื่อทวงถามเงินค่าตัวอีกครั้ง แต่อดีตนักการเมือง จะส่งข้อความกลับมาข่มขู่ ทำให้ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ

น.ส.เอ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่ถูกหลอกถึง 2 หนติดต่อกัน หนแรกถูกเบี้ยวค่าตัวที่ตกลงจ่าย 5,500 บาท แต่จ่ายเพียง 3,000 บาท เป็นค่าหลับนอนนอกเวลาจ้าง สุดท้ายถูกเบี้ยวเงินซ้ำ แต่ที่เจ็บปวดมากกว่านั้นคือ ฝ่ายชายมาขอหลับนอนอีกครั้ง แต่ตนไม่ยินยอม ขอให้จ่ายเงินค้างเก่าก่อน กลับถูกฝ่ายชายขืนใจจนสำเร็จความใคร่ โดยไม่ยอมใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งตนรู้สึกกังวลใจกลัวติดโรค


เบื้องต้น น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้นำหลักฐาน สลิปโอนเงิน แชตไลน์ คลิปวิดีโอที่ถ่ายขณะเคาะประตูห้องทวงเงิน แต่กลับถูกดึงโทรศัพท์ไปจากมือลบคลิปทิ้ง ก่อนกระชากเข้าไปในห้อง ใช้มีดจี้ บีบคอ และข่มขู่ห้ามถ่าย พร้อมปฏิเสธไม่ให้เงินที่เหลือ อยากได้ให้ไปแจ้งความเอา  โดยตำรวจให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ  ซึ่งในวันเกิดเหตุได้มีการส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 แล้ว โดยต้องรอผลทางการแพทย์ประกอบหลักฐาน ส่วนจะเข้าข่ายความผิดฐานใดนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาจากหลักฐาน


ซึ่งทางตำรวจได้โทรศัพท์ติดต่อให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุ เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายผู้เสียหาย โดยได้ส่งทนายเข้ามาเจรจา เพื่อรับทราบเรื่องราวในเบื้องต้น โดยจะนัดไกล่เกลี่ยกันในวันนี้ (23 ม.ค.) อีกครั้ง

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5kIlSKb9pgM