สังคม

มรสุมยังถล่มอ่าวไทย เรือท่องเที่ยวเทียบท่าไม่ได้ 2 วันติด - 'สตูล' น้ำท่วมหนักสุดรอบ 10 ปี

โดย nattachat_c

26 ธ.ค. 2566

132 views

จากกรณี ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่อง ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 23-25 ธันวาคม 2566


วานนี้ (25 ธ.ค. 66) เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ภาพ และข้อความระบุว่า


นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันในจังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีมวลน้ำไหลเข้าท่วมทางรถไฟระหว่างสถานีมะรือโบ – ตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จนทำให้ทางบางส่วนได้รับความเสียหาย และขบวนรถไม่สามารถผ่านได้ การรถไฟฯ จึงได้ประกาศปิดเส้นทางช่วงระหว่าง สถานีมะรือโบ – ตันหยงมัส เพื่อความปลอดภัยในด้านการเดินรถ


ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งดูแลอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยหากระดับน้ำลดลงแล้วให้เร่งดำเนินการซ่อมปรับปรุงสภาพทางเพื่อเปิดการเดินรถได้ตามปกติโดยเร็ว ซึ่งนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดรถยนต์อำนวยความสะดวกขนถ่ายผู้โดยสารให้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย


นอกจากนี้ การรถไฟฯ แจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถในเส้นทางสายใต้ จำนวน 12 ขบวน และงดเดินขบวนรถ 2 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

-----------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดนราธิวาสได้เกิดเหตุน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปี ขณะเดียวกันที่จังหวัดยะลาก็หนักไม่แพ้กัน


โดยมีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งชื่อว่า yuwqidee_1785 ได้เผยแพร่ภาพมุมสูงที่โรงเรียนมะอาหัดอิสลามียะห์ บาลอ จ.ยะลา ขณะที่น้ำท่วมสูงจนมิดบ้านและเสาไฟฟ้า พัดเอาหลังคาบ้านลอยไปตามกระแสน้ำ โดยระบุว่า “สถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อ 09.00 วันนี้”


ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟสบุ๊ค กร เตราะบอน ซึ่งเป็นหนึ่งใน “หน่วยกู้ชีพ อิควะห์ รามัน” เข้าช่วยเหลือ ครู-นักเรียน ประมาณ 20 คน ที่ติดบนหลังคา เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ที่โรงเรียนกรุอานบาลอรามันด้วย

-----------------

จากกรณีฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.ยะลา และ จังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 23-25 ธันวาคม 2566 ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังไม่มีแนวโน้มจะลดลง ทำให้ปริมาณน้ำฝนสะสม ได้ไหลเอ่อเข้าท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา


โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.รามัน น่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำสายบุรี ที่ไหลมาจากต้นน้ำในพื้นที่ อ.สุคิริน - อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้ไหลเข้ามาในพื้นที่ อ.รามัน ซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ เพื่อไหลสู่ปลายน้ำ ในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ รวดเร็ว ทำให้ พื้นที่ 6 ตำบล ของ อ.รามัน ที่เป็นหมู่บ้านราบลุ่มติดริมตลิ่งแม่น้ำสายบุรีน้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้วหลายร้อยครัวเรือน และ มีผู้ประสบภัยกว่าพันคนแล้ว ผู้ประสบภัยต้องนำสิ่งของมีค่า ทั้ง รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และ สัตว์เลี้ยง ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย จนกว่าระดับน้ำจะลดลง


ส่วนที่ บ้านกำปงบาโงย บ้านปายอแง และ บ้านบูเกะซืองอ ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.อาซ่อง และ บ้านกือเม็ง บ้านแยะ หมู่ที่ 1 , 2 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา และ บ้านตลาดล่าง หมู่ที่ 6 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา รวมไปถึง หมู่ที่ 2 บ้านสะเตเซ็ง หมู่ที่ 5 บ้านละแอ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ขณะนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถนนเข้าสู่หมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 - 3 เมตร ไม่สามารถเดินทางไปมาได้ ต้องอาศัยเรือท้องแบน ในการเดินทางออกไปจับจ่ายซื้อสิ่งของในการดำรงชีพเพียงอย่างเดียว


นายรักษพงษ์ เจริญกิตตินันท์ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลเมืองรามันห์ อ.รามัน จ.ยะลา กล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้จะรุนแรงสุดในรอบ 50 ปี ในเบื้องต้นทางเทศบาลตำบลอำเภอรามันได้มีศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ โดยได้จัดสรรที่อยู่ อาหาร ในส่วนของหน้างานสถานที่ตอนนี้ได้รับเรือจาก อบจ.ยะลา จำนวน 4 ลำ ขณะนี้กำลังเข้าในพื้นที่เพื่อนำผู้ที่ติดอยู่ออกมา


นายรักษพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเทศบาลเมืองรามัน หมู่ที่ 6 บ้านตลาดล่าง หนักมากที่สุด เบื้องต้นพยายามจะเอาคนที่อยู่ในพื้นที่ออกมาให้รวดเร็วที่สุดไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง ขณะนี้เส้นทางจากอำเภอรามัน ไปทาง อ.รือเสาะ น.นราธิวาส อ.มายอ อ.กลาพอ จ.ปัตตานี ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงไม่สามารถสัญจรไปมาได้


ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา (ปภ.) ระบุ ฝนตกหนักเมื่อวันที่ 23-25 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 23-25 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่อำเภอบันนังสตา ยะหา ธารโต อำเภอเมืองยะลา รามัน และอำเภอกาบัง รวม 20 ตำบล 50 หมู่บ้าน จำนวน 416 ครัวเรือน 1,485 คน มีบ้านเรือนเสียบางส่วน 1 หลัง อพยพ 44 ครัวเรือน 155 คน ถนน 24 สาย และสะพาน 1 แห่ง


จากกรณีฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.ยะลา ทำให้ปริมาณน้ำฝนสะสม ได้ไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เมืองยะลาแล้ว ทั้งถนน และบ้านเรือน โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม ที่รับน้ำ รอยต่อเขตเมืองสะเตงนอกและเขตเมืองยะลา เส้นทางสายตือเบาะ สะเตงนอก ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถเล็ก อย่างรถจักรยานยนต์ รถยนต์เก๋ง ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จะมีเพียงรถยนต์กระบะยกสูงที่ยังพอสัญจรไปได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง


 ขณะที่ชุมชนย่านตลาดเก่าในเขตเทศบาลนครยะลา ที่ชุมชนวิฑูรอุทิศ ระดับน้ำจากบึงแบเมาะ ได้เอ่อล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนของชาวบ้านเป็นวงกว้าง รวมทั้ง โรงเรียนเทศบาล 5 บ้านตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา โดยทางโรงเรียนได้ประกาศหยุดทำการเรียนการสอน จำนวน 2 วัน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น


นางศิวพร ยืนชนม์ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 5 บ้านตลาดเก่า เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างร็วดเร็ว ซึ่งทางโรงเรียนได้ติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งติดตามประกาศแจ้งเตือนจากทางเทศบาลนครยะลา ได้มีการประสานทางครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน ขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง โดยเฉพาะโรงอาหาร และห้องเรียนต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา คาดการณ์ว่า เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะทำการทำความสะอาด และทำการเปิดการเรียนการสอน และสอนชดเชยให้กับเด็กๆ นักเรียนต่อไป


นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครยะลา น้ำได้เริ่มไหลเข้าท่วมขังบ้านเรือน ถนนหนทาง ที่บริเวณชุมชนหลังวัดยะลาธรรมาราม ชุมชนหลังโรงเรียนจีน ชุมชนธนวิถี และชุมชนย่านตลาดเก่า ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา

-------------

เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งถือเป็นน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรเรือกสวนไร่นา โดยขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนแล้ว 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน 1,071 ครัวเรือน โดย ต.ควนโดน 6 หมูบ้านเดือดร้อน 270 ครัวเรือน // ต.ย่านซื่อ 5 หมู่บ้าน 395 ครัวเรือน // ต.วังประจัน 2 หมู่บ้าน 6 ครัวเรือน


โดยในส่วนของความช่วยเหลือ ว่าที่พันตรี ยุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอควนโดน ได้ออกติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ระดับน้ำได้ล้นทะลักมาถึงบริเวณถนนสายหลักเส้นทางสตูล-ควนโดน ชาวบ้านต้องอพยพสัตว์เลี้ยง และยานพาหนะมาจอดไว้ริมถนนสายหลักเพื่อความปลอดภัย


ในส่วนของความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พ.ต.ท.คำนึง อุ่นปลอด ผบงร้อยตชด.436 มอบหมายให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกำลังพลชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร้อยตชด.436 ออกสำรวจช่วยเหลือและยกสิ่งของขึ้นที่สูงให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ม.1,2,4และ6 ต.ควนโดน อ.ควนโดน พร้อมแจกน้ำดื่มและยารักษาโรคให้แก่ชาวบ้าน ที่ออกจากบ้านไม่ได้
---------------
วานนี้ (25 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยภาคใต้มีกำลังแรง ส่งผลให้คลื่นลมในทะเลมีกำลังเเรง โดยที่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังชายหาดเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี คลื่นในทะเลพัดเข้าหาชายฝั่ง เป็นระลอก ทำให้ผู้ประกอบการบริเวณชายหาด ได้นำธงแดงปักเตือนอันตรายห้ามลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ มีข้อความทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน


โดยพบว่าบริเวณชายหาดเฉวง มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่เดินทางมาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ลงมาเดินพักผ่อนบริเวณชายหาด ขณะที่นักท่องเที่ยวอีกจำนวนหนึ่ง กลับไม่ฟังคำเตือนคำประกาศ ยังคงฝ่าฝืนลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งเป็นระลอก ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ลงเล่น้ำทะเล ก็ได้ยืนมองคลื่น และถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก


ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ที่ในทะเลอ่าวบ้านหน้าทอน หมู่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย ได้มีเรือสำราญขนนาดใหญ่ ชื่อ “MS Westerdam” นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาจากแหลมฉบัง มีนักท่องเที่ยวและลูกเรือ ประมาณ 1,964 คน เพื่อนำนักท่องเที่ยวมาขึ้นฝั่งท่องเที่ยวบนเกาะสมุย แต่ก็ต้องยกเลิก เนื่องจากเรือขนาดเล็กที่จะไปขนถ่ายนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญ ไม่สามารถเข้าจอดเทียบได้


ทั้งนี้ เป็นวันที่ 2 แล้ว ที่เรือสำราญ อย่างน้อย 3 ลำ ที่เดินทางมาแวะ เพื่อนำนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญขึ้นท่องเที่ยวที่เกาะสมุย ต้องยกเลิกโปรแกรมทริปนำเที่ยว แบบวันเดย์ทริป โดยวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เช่นกัน เรือสำราญ 2 ลำ ลำเเรกชื่อ “ Celebrity Solstice ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือ 2,852 คน และ เรือ “ Diamond Princess” ที่มีผู้โดยสารพ 2,670 คน ก็ได้ยกเลิกไปก่อนหน้านี้ จากสภาวะคลื่นลมที่แรง ทำให้เรือสำราญ 3 ลำ รวมๆแล้ว ที่นำนักท่องเที่ยวมาแวะท่องเที่ยวที่เกาะสมุย กว่า 7,486 คน ที่ไม่สามารถขึ้นท่องเที่ยวได้ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ต่างเสียดายและเสียโอกาศ จากนักท่องเที่ยวในกลุ่มเรือสำราญ ในครั้งนี้


สำหรับเรือนำเที่ยวต่างๆ ที่นำนักท่องเทียวไปท่องเที่ยวยังเกาะเเก่งต่างๆ ยังคงงดการให้บริการต่อไปอีก และ ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง

-------------

โดย ทารกแรกเกิด 2 ราย ต้องใส่ในกะละมัง ลอยคอบนน้ำ ที่รือเสาะ


และยังมีเด็กหลายคนต้องนอนเปล เพื่อลอยเหนือน้ำ 

-------------




รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/8qATauppRWQ





คุณอาจสนใจ

Related News