ผู้เสียหาย โต้จอดรถเปิดกระจกให้อาหารช้าง โวยจนท.อุทยานฯเขาใหญ่ ตัดต่อคลิป

จากกรณีมีหญิงผู้เสียหายรายหนึ่ง ร้องไปยังเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นำคลิปมาตัดต่อ เป็นภาพขณะที่เธอขับรถเที่ยวเขาใหญ่ แล้วเจอช้างป่า จากนั้นได้นำไปลงข่าวบอกว่าเธอหยุดรถ แล้วเปิดกระจกให้อาหารช้าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้ครอบครัวได้รับความเสียหาย

ทีมข่าวช่อง 3 ได้ติดต่อไปยังผู้เสียหาย ทราบชื่อคือ คุณพรพิมล เล่าว่า มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า เห็นคลิปพร้อมข้อความโพสต์ในเพจ ที่นี่เขาใหญ่ ระบุในทำนองว่ารถของเธอทำผิดกฎ จอดให้อาหารช้างป่า จนทำให้รถคันอื่นๆ ได้รับความเดือดร้อน จึงอยากขออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนและครอบครัว เดินทางไปเที่ยวในพื้นที่เขาใหญ่ ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้านที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตรงจุดเกิดเหตุมีรถและนักท่องเที่ยวหลายคน จอดและลงไปถ่ายรูปช้างป่า ซึ่งรถของตนก็จอดต่อจากรถนักท่องเที่ยวคันอื่นๆ เพื่อดูช้าง ยืนยันว่าไม่ได้ลงจากรถ

จากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มาตะโกนบอกให้นักท่องที่ยวขึ้นรถ ปิดประตู และกระจก ซึ่งในระหว่างนั้นยังมีรถจอดต่อกันอยู่หลายคัน จนกระทั่งช้างป่าเริ่มเดินมาใกล้ๆรถแต่ละคัน จนมาถึงรถของตน ช้างก็เข้ามาผลักและดันรถ ด้วยความตกใจและในรถมีลูกมาด้วย ตนจึงบอกให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ คาดเข็มขัดนิรภัย และพยายามมองหาเจ้าหน้าที่ว่าจะมีใครเข้ามาช่วยหรือไม่ ซึ่งในขณะนั้นภายในรถไม่ได้ยินเสียงตะโกนบอกจากเจ้าหน้าที่ หรือคนอื่นๆเลย

ต่อมา ช้างดันกระจกรถยนต์แตก และใช้งวงยื่นเข้ามาหาอาหาร เพราะในรถมีของกิน ตรงจุดนี้ช้างใช้งวงเข้ามาหาอาหารในรถ ไม่ใช่ตนลดกระจกเพื่อให้อาหารช้าง ตามที่พูดกันในคลิป ผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่าปลอดภัย ตนจึงตัดสินใจขับรถหนีออกมาเลยจุดที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ ตั้งใจว่าจะลงไปขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่ตะโกนบอกว่าให้รีบหนีไป ช้างป่ามา ตนจึงตัดสินใจขับรถออกจากจุดนั้น จนกระทั่งถึงป้อมทางเข้าเขตอุทยานฯ และลงไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่าทางอุทยานฯไม่มีนโยบายการช่วยเหลือ ให้นำรถที่เสียหายไปเคลมเอง ซึ่งตนก็เดินทางกลับบ้าน

ทั้งนี้ คุณพรพิมล ยืนยัน ข้อความที่โพสต์ไม่เป็นความจริง ตนและครอบครัวไม่ได้ทำผิดกฎ ตอนนี้ครอบครัวได้รับผลกระทบ มีคอมเมนต์เข้ามาต่อว่าด่าทอ รวมถึงสาปแช่ง กระทบลูกที่ไปโรงเรียน มีเพื่อนมาถาม มาต่อว่า อยากขอให้ทางเพจแก้ไขโพสต์ เพราะสร้างความเดือนร้อนอย่างมาก

คุณพรพิมล ได้ติดต่อไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลที่โพสต์ไป ได้รับคำตอบว่าให้ผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความ และเข้าไปติดต่อยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อีกครั้ง