สังคม

ลูกศิษย์ให้กำลังใจ 'ครูชัยยศ' อดีตครูดีเด่น ต้องไปขายโรตี หลังถูก ป.ป.ช.ชี้เบียดบังค่าอาหารเด็ก

7 ธ.ค. 2566

2.2K views

จากกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ผู้อำนวยการ และครู โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวม 4 คน ว่า มีความผิดทางอาญา คดีจัดซื้ออาหารกลางวันเด็กนักเรียนโรงเรียนยางเปา เมื่อปี 2562  


โดยเมื่อ วันที่ 30 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกดำเนินคดี 3 คน ถูกปลดแล้ว ประกอบด้วย ผอ.โรงเรียน และครูอีก 2 คน


หนึ่งในนั้น คือ นายชัยยศ สุขต้อ ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ  


ส่วนครูอีกคนหนึ่ง ย้ายไปอยู่พื้นที่ สพป.4 อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาความผิด

-------------

สำหรับ ครูชัยยศ ถูกดำเนินคดีเพราะเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุอาหารกลางวันนักเรียน ที่อดีตผู้บริหารสถานศึกษาฯ ระบุว่า เป็นการบริหารจัดการอาหารกลางวันเด็กอนุบาล และประถมศึกษา โดยเอามาให้เด็กระดับมัธยมได้กินด้วย เพราะส่วนใหญ่เป็นนักเรียนกินนอน ครอบครัวยากจน


โดยก่อนหน้านี้ ศิษย์เก่าโรงเรียนยางเปา ได้ยื่นหนังสือต่อ นายสุรศักดิ์ เพียสุระ ผอ.เขต สพป.5 และนายสินอาจ ลำพูนพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา เขต 5 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายชัยยศ

-------------

ต่อมา วันที่ 5 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน ได้โพสต์ภาพครูชัยยศ ที่ผันตัวไปขายโรตี  พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า  “ครูคนหนึ่งที่ทำเพื่อเด็ก ตอนจบสุดท้าย ถูกปลดออกกลายเป็นคนข้างถนน ทั้งที่เขายังอยากสอนหนังสืออยู่ ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังนะครับ โดยเฉพาะครูอาหารกลางวัน ถ้าไม่อยากมาจบที่เส้นทางนี้”


โดยปัจจุบัน ครูชัยยศ หันไปเปิดร้านขายโรตีหาเงินเลี้ยงชีพ ที่อำเภออมก๋อย


ครูชัยยศ บอกว่า รับราชการครูในพื้นที่ อ.อมก๋อย มานาน 26 ปี เคยได้รับรางวัลครูดีเด่นมา 10 รางวัล


ภูมิใจที่สุดคือ ได้รับรางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อปี 2553 ได้เงินรางวัล 2 หมื่นบาท ก็นำมาซื้ออุปกรณ์เรียนรู้ศิลปะ และทำโครงการต่าง ๆ ให้นักเรียน  


กว่า 20 ปี ที่ผ่านมา ได้พานักเรียนขายของ และโรตี  หาทุนการศึกษาจากที่อื่น เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ได้เรียนต่อ จนหลายคนรับราชการ ทั้งครู พยาบาล และจบปริญญาตรี รวมทั้งหมด 42 คน  


กระทั่ง มาถูกชี้มูลความผิด และถูกปลดจากราชการ ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นธรรมสำหรับตน เพราะตนมีหน้าที่ตรวจนับจำนวนอาหารเท่านั้น แต่กลับถูกชี้มูลว่า เอื้อให้ผู้อื่นทุจริต ทั้งที่ ตนเองยึดคำสั่งเป็นหลักในการตรวจนับจำนวนอาหารเท่านั้น และเสียใจมากที่ถูกปลดจากราชการ  


โดยคำสั่งให้ออกจากราชการ อยู่ระหว่างเตรียมอุทธรณ์ เรียกร้องความยุติธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

-------------

ทั้งนี้ ร้านขายโรตีของครูชัยยศ มีศิษย์เก่าแวะมาเยี่ยม และอุดหนุน พร้อมกับให้กำลังใจครูชัยยศอย่างต่อเนื่อง


กลุ่มลูกศิษย์ให้ข้อมูลว่า นอกจากการสอนในโรงเรียนตามปกติแล้ว ครูชัยยศได้ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน


โดยกว่าสิบปีแล้วที่ใช้เวลาว่างพานักเรียนขายของและขายโรตีตามงานในอำเภออมก๋อย รวมทั้งหาทุนการศึกษาจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเพื่ออนาคตที่ดี

-------------

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า โรงเรียนยางเปาเปิดการเรียนการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึง มัธยมศึกษาตอนต้น


ซึ่งปกติ ภาครัฐได้จัดงบประมาณค่าอาหารกลางวันให้เฉพาะเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล และประถมศึกษา เท่านั้น ทำให้เด็กชั้น ม.ต้น ไม่ได้รับงบประมาณส่วนนี้


ทางผู้บริหารโรงเรียนเห็นว่า เด็กนักเรียน ม.ต้น กลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่กับผู้ปกครอง และส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ไม่มีแม้กระทั่งเงินมาโรงเรียน


ทางโรงเรียนจึงได้บริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้จัดซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารกลางวัน ให้ได้ปริมาณมากขึ้น เพื่อเผื่อให้เด็กนักเรียนกินนอน ที่เรียนชั้น ม.ต้น ด้วยภาวะที่งบประมาณที่มีจำกัด


แต่ภายหลัง ก็มีการร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช. จนนำมาสู่การชี้มูลความผิดครูชัยยศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 4 คน


ก่อนที่ อ.ก.ค.ศ. จะมีมติปลดออกจากราชการ และทำให้ครูชัยยศหันไปเปิดร้านขายโรตีหาเงินเลี้ยงชีพ ท่ามกลางความหมดหวังของครูรุ่นใหม่
-------------
เพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน ได้โพสต์ตีแผ่เรื่องราวชีวิตของครูชัยยศ  จากครูคนหนึ่งที่ทำเพื่อเด็ก แต่กลับต้องถูกปลดออกจากราชการ เพราะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โดยโพสต์ข้อความ ระบุว่า


“จบแล้วนะครับ กับกรณีครูที่ตรวจรับอาหารกลางวัน แม้ลูกศิษย์ที่เคยเรียน จะยื่นทัดทานอย่างไร แต่ผลสุดท้าย ลงเอยโดยการถูก 'ปลดออกจากราชการ'


กรณีครูทำอาหารกลางวันในโรงเรียน ขยายโอกาสเลี้ยงเด็กบนดอย  ซึ่งงบประมาณครอบคลุมแค่ ป.6 แต่นำไปเลี้ยงจนถึง ม.3


คำว่า 'โรงเรียนขยายโอกาส' คือ โรงเรียนที่เด็กไม่มีทางเลือก ยากจน และขาดโอกาส ทำให้คนเป็นครูอดไม่ได้ที่จะเห็นลูกศิษย์ทนหิว คนหนึ่งกิน อีกคนไม่ได้กิน ไม่มีนิยามใดบนโลกที่บอกว่าเมื่อขึ้น ม.1 ความยากจนจะหมดพ้นไป จึงต้องกระทำไปแบบนั้น


งบเท่าเดิมคนมากขึ้น ย่อมกระทบต่อปริมาณ และคุณภาพ เป็นมูลเหตุให้ผู้ปกครองบางคนไม่พอใจ และร้องเรียน แทนที่จะชื่นชมว่างบประมาณเท่านี้ แต่สามารถเลี้ยงคนได้มากกว่าที่ให้ กลับหาทางเล่นงาน


ครูชัยยศเองมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ ซึ่งยอมรับว่า ไม่ได้มีความความรอบคอบมากพอ โดนหางเลขไปด้วย เนื่องจากมีการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามระเบียบ


ผลสุดท้าย ไม่ว่าจะทำคุณงามความดีมาขนาดไหน ได้รางวัลอะไร ส่งนักเรียนเรียนต่อถึงปริญญาตรี อุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อสั่งสอนเด็ก แต่เส้นทางราชการก็ต้องสิ้นสุดลง ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ไม่มีอะไรปกป้อง”


ทาง เพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน ยังบอกด้วยว่า ได้ขอคุยกับครูชัยยศแต่เจ้าตัวเหมือนรับสภาพไปแล้ว สูญสิ้นศรัทธาต่อความดีงาม ไม่อยากที่จะคุย จนกระทั่งเย็น แกจึงยอมเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์


“ผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้เงินตัวเองส่งเสียลูกศิษย์ บ่มเพาะ และสั่งสอนจนเรียนจบ ได้ดีมีการมีงาน มั่นใจอย่างแน่แท้ว่า เขาไม่ได้มีผลประโยชน์จากอาหารกลางวันนี้ แต่ต้องมาจบเส้นทางราชการลงเพราะมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ ทั้งที่เขาไม่เคยได้รับผลประโยชน์อันใดจากมัน


ด้วยคำตัดสินที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีสถานอื่นใด นอกจากออกจากราชการเท่านั้น ครูชัยยศยอมรับว่า ไม่ได้มีความรู้มากมายในเรื่องพัสดุ เพราะตนเป็นครูผู้สอน แต่ความผิดที่ได้รับนั้น ตนไม่ได้ประโยชน์ แต่กับลงทัณฑ์อย่างสาหัส ไม่มีรอมชอม และถูกตราหน้าว่า ผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต คนที่ไม่เคยได้ประโยชน์อันใดจากสิ่งที่ทำกลายเป็นคน 'ทุจริต'


ใครที่ผ่านไปทางอมก๋อย ก็ฝากอุดหนุนโรตีของครูเขาด้วยนะครับ  เพราะนั่นคืออาชีพเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ ชายที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อนักเรียนหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง


เรื่องนี้ อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนซึ่งเป็นแอดมินเพจ  เห็นว่าในโรงเรียนขยายโอกาส  ถ้าโรงเรียนบริหารจัดการได้ก็ควรให้เลี้ยงได้ถึง ม.3 เลย หรือจะให้ดี ก็ควรมีงบประมาณมาเพิ่ม


ความยุติธรรมที่มาช้าคือความอุยติธรรม บางทีก็สงสัยนะว่า ทำไมครูไทยต้องมาทำอะไรแบบนี้ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอ เมื่อไหร่จะให้ครูได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของนักเรียนเพียงอย่างเดียว นี่คือสิ่งที่กระทำต่อครูโดยระบบการศึกษา ครูไม่ได้ประโยชน์จากการตรวจรับ แต่เวลาลงทัณฑ์ประหัตประหารกันถึงขีดสุด


เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้กับครูรุ่นใหม่ว่า หากไม่อยากออกจากราชการ และอยู่จนเกษียณ อย่าไปยุ่งกับการตรวจรับ ไม่รู้อย่าเซ็น ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น ผิดมา จะอ้างไม่รู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความดีใดปกป้องคุณได้ และเรื่องนี้จะยังเป็นชะตากรรมที่ครูไทยต้องพบเจอสืบไป


หากคุณคิดว่าสิ่งที่ครูคนหนึ่ง ที่ทำเพื่อเด็กเหมาะสม แล้วก็เลื่อนผ่านโพสนี้ไป ไม่ใช่เรื่องของเราซักหน่อย แต่หากคุณคิดว่า มันไม่ถูกต้อง โปรดช่วยแชร์เรื่องราวนี้ออกไป เพื่อช่วยเหลือให้มนุษย์ผู้หนึ่งยังไม่สิ้นศรัทธาในความถูกต้อง และขอให้ทบทวน เพื่อมีการเปลี่ยนแปลง

---------------

ทั้งนี้ ครูชัยยศ ได้ทุ่มเทชีวิตสอนหนังสือเด็กนักเรียนพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เด็กนักเรียนในพื้นที่ อ.อมก๋อย มานาน 26 ปี เคยได้รับรางวัลครูดีเด่นมา 10 รางวัล รางวัลที่ภาคภูมิใจที่สุด คือ รางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อปี 2553 ได้เงินรางวัล 2 หมื่นบาท ได้นำมาซื้ออุปกรณ์เรียนรู้ศิลปะ และทำโครงการให้นักเรียน


นอกจากนี้ ขณะที่รับราชการตั้งแต่ปี 2540 ได้พานักเรียนขายของและโรตี ตามงานในอำเภออมก๋อย และหาทุนการศึกษาจากที่อื่น เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ได้เรียนต่อ บางรายจบพยาบาล รับราชการเป็นครู และศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นรวม 42 คน


ที่สำคัญ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ยังเคยสัมภาษณ์ครูชัยยศ ในคอลัมน์ “ครูฮีโร่” ด้วย

---------------

กลุ่มลูกศิษย์เคยให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า นอกจากการสอนในโรงเรียนตามปกติ ครูชัยยศได้ทุ่มเทและเสียสละเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน โดยกว่าสิบปีแล้วที่ใช้เวลาว่างพานักเรียนขายของและขายโรตีตามงานในอำเภออมก๋อย รวมทั้งหาทุนการศึกษาจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ได้เรียนต่อในรดับที่สูงขั้นเพื่ออนาคตที่ดี


นายชัยยศ บอกว่า รับราชการครูในพื้นที่ อ.อมก๋อย มานาน 26 ปี เคยได้รับรางวัลครูดีเด่นมา 10 รางวัล ภูมิใจที่สุดคือได้รับรางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อปี 2553 ได้เงินรางวัล 2 หมื่นบาทก็นำมาซื้ออุปกรณ์เรียนรู้ศิลปะและทำโครงการให้นักเรียน


กว่า 20 ปี ที่ผ่านมา ได้พานักเรียนขายของและโรตีและหาทุนการศึกษาจากที่อื่นเพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ได้เรียนต่อหลายคนรับราชการ ทั้ง ครู พยาบาล และ จบปริญญาตรี รวมทั้งหมด 42 คน โดยคำสั่งให้ออกจากราชการอยู่ระหว่างเตรียมอุทธรณ์เรียกร้องความยุติธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
---------------

ด้านศิษย์เก่าของครูชัยยศได้ทำหนังสือ โดยบอกว่า รวมตัวกันขอความอนุเคราะห์ คืนความเป็นธรรม หลายปีที่ผ่านมาครูชัยยศได้ทำงานอย่างหนักเพื่อสอนลูกศิษย์ จนลูกศิษย์ได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แถมยังให้ทุน ครูชัยยศยังได้เอาทุนที่ได้รับรางวัลครูดีเด่น มาให้ลูกศิษย์เรียนต่อ  

---------------















คุณอาจสนใจ