"ทนายไพศาล" ช่วยเด็กหญิง 2 คน ถูกบังคับค้าประเวณี-ส่งยาเสพติด

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. 66 ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้รับเรื่องร้องเรียน จากนายเฉลิมเกียรติ อายุ 46 ปี กลุ่มจิตอาสาช่วยเหลือสะพานบุญบ้านเพ และเพจซูมระยอง ว่ามีญาติของเด็กที่ถูกหลอกได้มาขอให้ช่วยเหลือ โดยญาติบอกว่าเด็กถูก 2 สามีภรรยา ชาวอำเภอแกลง หลอกมาทำงาน แต่สุดท้ายกลับข่มขู่บังคับค้าประเวณี ถูกทำร้ายร่างกาย รวมทั้งให้เดินส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าเสพยาด้วย จนไม่อยากทนอยู่แล้ว

เหตุเกิดบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง โดยเหตุการณ์ก่อนหน้า (วันที่ 28 พ.ย.66) นางสาวซี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ได้ติดต่อกับญาติ และเล่าเหตุการณ์ให้ญาติฟังทั้งหมด ต่อมาจึงวางแผนให้นางสาวซี หลบหนีออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว เพื่อพาไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เพ วันที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ 2 สามีภรรยา แต่หลังจากแจ้งความแล้ว 2 ผัวเมียยังไม่ถูกดำเนินคดี จึงไปขอความช่วยเหลือจาก นายเฉลิมเกียรติ และประสานขอความช่วยเหลือต่อกับ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ มาช่วยเหลือ

หลังจากนางสาวซี จึงพานางสาวเอ อายุ 14 ปี เป็นเด็กรายที่ 2 หลบหนีออกจากบ้านพักมาด้วย ซึ่งบ้านพักหลังดังกล่าว 2 สามีภรรยา เช่าเอาไว้เป็นสถานที่ติดต่อค้าประเวณี

ซึ่งนางสาวซี ยังแจ้งอีกว่า ยังมีสาววัยรุ่นอีก 2 คน ที่ 2 สามีภรรยา นั้นกักขังไว้ แต่ไม่ทราบเป็นสถานที่แห่งใด นางสาวซี เปิดเผยว่า ตนเองขัดสนเรื่องเงินจึงอยากหางานทำ จนได้มารู้จัก 2 สามีภรรยา และได้ชักชวนมาอยู่ด้วย และเมื่อมาอยู่กับ 2 สามีภรรยาแล้วพบว่า ภายในบ้าน ที่ 2 สามี ภรรยาเช่าไว้ ยังมีสาววัยรุ่นอยู่ด้วยอีก 2 คน และได้พูดคุยกัน จึงทำให้ทราบว่า สาววัยรุ่นอีก 2 คน ถูก 2 สามีภรรยาทำร้ายร่างกาย และขู่ให้ทำการค้าประเวณี รวมทั้งให้เป็นคนส่งยาเสพติดด้วย ตนจึงโดนแบบเดียวกัน โดยขายบริการวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง ซึ่งได้เงินครั้งละ 1,300 บาท ซึ่งผู้ที่มาซื้อบริการเคยมีตำรวจร่วมอยู่ด้วย และเมื่อได้เงิน 2 สามีภรรยาให้เงินเพียงครั้งละ 3 ถึง 4 ร้อยบาทเท่านั้น

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เปิดเผยว่า จะต้องดำเนินคดีกับสองสมีภรรยาให้ได้คาดว่าติดยาเสพติดด้วย ซึ่งจะไม่ปล่อยไว้แน่นอน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านของตนเอง เพราะเคสนี้เข้าข่ายการค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด และค้าประเวณี และ 2 สามีภรรยายังอ้างว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ จึงต้องจัดการด่วน เด็กยังอ้างถึงตำรวจที่เข้ามาร่วมซื้อบริการด้วย ก็จะต้องไปหาข้อมูลว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และซื้อบริการหรือไม่ อีกทั้งตอนนี้ยังมีเด็กอีก 2 คน ที่ยังต้องรอการช่วยเหลืออยู่ เนื่องจากถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ซึ่งยังไม่รู้ที่อยู่ชัดเจน และยังมีอีกประมาณ 20 คน จากคำบอกกล่าวของเด็ก