รร.แจงอีกมุม ปมเด็ก 15 ถูกรุ่นพี่บังคับ ฉีดสารเหลวใส่เจ้าโลกจนเน่า ยันพยานเล่าตรงกัน สมัครใจทั้งสองฝ่าย

นักเรียนชายวัย 15 ถูกรุ่นพี่จับลากตัวไปอ่างล้างหน้า เอายาอะไรไม่รู้ใส่ช้อนใช้ไฟแช็กลน แล้วเอาเข็มฉีดเข้าที่เจ้าโลก ไม่กล้าขัดขืนเพราะถูกขู่ฆ่า สุดท้ายอวัยวะเพศเน่า แจ้งครูก็ถูกปัดความช่วยเหลือ อ้างเล่นกันเอง

ครูโต้โรงเรียนไม่เกี่ยว โยนเด็กไปฉีดเจ้าโลกกันเอง เคยเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาแล้วแต่ไร้ผล ยันพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่เข้าข้างฝ่ายใด ไม่เคยขู่ไล่ออก และมีพยานยืนยัน เหตุทั้งหมดเป็นการสมัครใจ ไม่ได้บีบบังคับ

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ศัลยกรรมตกแต่ง ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี กัน จอมพลัง พา น.ส.จุฑามาศ อายุ 52 ปี แม่ผู้เสียหาย และนายเอ  อายุ 15 ปี ผู้เสียหายจากนครศรีธรรมราช ถูกรุ่นพี่ใน รร. ชั้น ม. 4 โรงเรียนเดียวกัน แกล้งบังคับฉีดของเหลว เข้าอวัยวะเพศจนเน่าปริแตกเกือบขาด 2 ท่อน

เท่านั้นยังไม่พอ รุ่นพี่ยังถ่ายคลิปน้องเอในห้องน้ำไปประจานใน รร. ทำให้อับอายผู้คน เบื้องต้นได้แจ้งความไว้ที่ สภ.นาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยวานนี้ (14 พ.ย.) ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ จ.นนทบุรี ตรวจหาสาเหตุ เพื่อนำไปดำเนินคดี  

น้องเอ อายุ 15 ปี กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนถูกรุ่นพี่บังคับดึงตัวไปที่อ่างล่างหน้า แล้วรุ่นพี่เอายาอะไรไม่รู้ใส่ช้อน แล้วเอาไฟแช็กลน ก่อนใช้เข็มฉีดยาฉีดเข้าที่อวัยวะเพศ ซึ่งตนเองไม่กล้าที่จะขัดขืน เพราะรุ่นพี่บอกว่า ถ้าร้องจะแทงให้ตาย และตนกลัวเข็มฉีดยามาก จากนั้น รุ่นพี่ก็เปิดประตูออกไป แล้ววนกลับมาถ่ายคลิป

โดยอาการของตนหลังโดนฉีด รู้สึกเจ็บปวดมาก และถ้าอากาศร้อนเหงื่อออกก็จะรู้สึกคัน ซึ่งรุ่นพี่ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก  และหลังจากนั้นอีก 2 วันรุ่นพี่ก็มาถามอาการของตนอีกว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ตนยืนยันว่าตนกับรุ่นพี่คนนี้ ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แค่เคยเจอแบบผ่านๆ เท่านั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงต้องมาทำแบบนี้กับตน และรุ่นพี่ยังไปบอกกับครูว่าตนเป็นคนอยากฉีดเองซึ่งไม่เป็นความจริง ส่วนครูก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ โดยบอกว่าเด็กอยากเล่นกันเอง

ด้านน.ส.จุฑามาศ แม่ของน้องเอ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายกลับจากโรงเรียนมาเล่าให้ฟังว่า ถูกรุ่นพี่ดึงเข้าไปในห้องน้ำ แล้วโดนฉีดสารอะไรบางอย่างเข้าที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นอวัยวะเพศมีอาการบวม และมีเม็ดผื่นขึ้น แม่จึงพาไปโรงพยาบาลวชิระฯ แต่ไม่มีหมอเฉพาะทางจึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลมหาราช

หลังจากนั้นลูกของตนได้รับการผ่าตัด แต่เกิดการอักเสบบวมแดง และเป็นหนอง ตนเครียดมากสงสารลูก จึงพาลูกไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครศรีธรรมราช สุดท้ายก็ยังไม่หาย จากนั้นตนไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางโรงเรียน แต่กลับไม่ให้ความร่วมมือ และยังข่มขู่กลับอีกว่า ถ้าผู้ปกครองพาน้องไปแจ้งความ ทางโรงเรียนจะไม่ให้น้องเรียนต่อ โดยได้แจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้า รุ่นพี่ที่ก่อเหตุยังคงมาเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ก่อเหตุเองก็ยอมรับต่อหน้าครูว่า เป็นคนทำจริง ซื้อยา ซื้อหลอดมาเอง

โดยตนมองว่า เรื่องจะผิดจะถูกอย่างไรตนไม่ทราบ เพียงแต่เหตุเกิดในโรงเรียน ตนก็คาดหวังจะได้รับความเป็นธรรมจากครู แต่ที่ผ่านมาไม่มีเลย ทั้งนี้ ลูกบอกกับตนว่าเพื่อนชอบแกล้ง และลูกตนโดนแกล้งอยู่ตลอด รู้สึกกลัว และหลังเกิดเหตุ ตนเห็นลูกนั่งลูบคลำอวัยวะเพศท่าทางเศร้า ก็กลัวลูกจะคิดสั้น

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวพยายามติดต่อไปที่ผู้ก่อเหตุผ่านทางเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

 ขณะที่ นพ.จิรวีร์ จันทรานุกูล แพทย์ศัลยกรรม กล่าวว่า เมื่อได้ตรวจดูอาการของน้องพบว่า มีบาดแผลรุนแรง เส้นประสาทด้านซ้ายไม่รู้สึก แต่ยังดีที่เส้นประสาทด้านขวายังรู้สึกดีอยู่ ส่วนสารแปลกปลอมที่ถูกฉีดเข้าอวัยวะ พบเป็นขี้ผึ้งเหลวที่ใช้ไฟลน ก่อนจะนำเข็มฉีดยามาดึงขี้ผึ้งเหลวเข้าไปในหลอด แล้วถูกฉีดให้กับน้อง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้น้องติดเชื้อรุนแรง คาดต้องใช้เวลานานกว่า 3 เดือน เนื่องจากอวัยวะเพศเสียหายมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องค่ารักษาและศัลยกรรมอยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาท ถือเป็นเคสที่รุนแรงที่สุดเท่าที่โรงพยาบาลเจอมา แต่โรงพยาบาลมีความมั่นใจว่าจะรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้

ต่อมาช่วงบ่าย กัน จอมพลัง พาผู้เสียหาย เดินทางไปที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอความ ช่วยเหลือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการหาสถานศึกษาแห่งใหม่ให้กับน้องผู้เสียหาย และให้ตรวจสอบวินัย กับบุคลากรครูที่ข่มขู่แม่ของผู้เสียหาย ว่าหาก ไปแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้ลูกชายอาจจะไม่ได้เรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนี้

โดยมี ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการออกมาเป็นผู้รับเรื่อง โดยบอกว่าตอนนี้ ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพิ่งจะทราบเรื่อง และลงพื้นที่ไปโรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อสอบข้อเท็จจริงกับทางโรงเรียน และตรวจสอบครู ว่ามีความบกพร่องในหน้าที่หรือไม่ โดยเฉพาะครูที่ข่มขู่ผู้ปกครองไม่ให้ไปแจ้งความ ซึ่งผลการตรวจสอบจะออกมาภายใน 2-3 วันนี้

โดยทาง สพฐ. ยินดีให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อ และจะหาสถานศึกษาแห่งใหม่ให้กับเด็กชายวัย 15 ปีให้เร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าคู่กรณีหรือผู้ก่อเหตุนั้นได้ขอทำเรื่องย้ายโรงเรียนด้วย แต่ทางจะให้ทางโรงเรียนพิจารณาโทษกับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุด้วย

ขณะที่น.ส.จุฑามาศ แม่ของน้องเอ ร่ำไห้บอกว่า วันนี้ดีใจที่ทางกระทรวงศึกษาธิการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเธอยังรู้สึกเป็นห่วงลูกชายคนเล็กที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน กลัวว่าจะถูกกันแกล้งเหมือนพี่ชาย และ ที่ผ่านมาลูกชายคนเล็กยังเคยได้ยินครูในโรงเรียนพูดหยอกล้อกันว่า “เรื่องแค่นี้ทำไมถึงต้องพานักข่าวมาด้วย”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รร.ที่เกิดเหตุ เพื่อติดต่อกับผอ.โรงเรียน  แต่ปรากฏว่าไม่อยู่โดยทราบว่าตัว ผอ.ได้เดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราชเพื่อรายงานข้อเท็จจริงให้ทาง ผอ.สำนักงานเขตฯทราบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายวันชัย มณีสม ตำแหนงกลุ่มงานพัฒนาฝ่ายปกครอง รร.ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทางโรงเรียนทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่นิ่งนอนใจได้มีการเชิญผู้ปกครองของเด็ก นร.ม.3 ที่เป็นผู้ที่ถูกฉีดยาเข้าอวัยวะเพศและผู้ปกครองของ นร.ชั้นม.4 ซึ่งเป็นผู้ฉีดสารเคมีเข้าอวัยวะเพศของเด็ก นร.ม.3มาพูดคุยกันแต่ก็ไม่เป็นผลไม่สามารถตกลงกันได้ และทราบว่าทางฝ่ายผู้ปกครอง นร.ม.3ได้ไปแจ้งความกับตำรวจและมีการไปร้องศูนย์ดำรงธรรมด้วย

ซึ่งทางโรงเรียนก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนใครผิดก็ว่าไปตามผิดทางโรงเรียนให้ความร่วมมือเต็มที่ และมีการโทรสอบถามอาการของนักเรียนมาโดยตลอดไม่ได้นิ่งนอนใจ  และส่วนที่บอกว่าทางโรงเรียนจะให้นร.ชั้นม.3 ออกจากโรงเรียนนั้นไม่จริง ขอให้เข้าใจโรงเรียนด้วยทางโรงเรียนพยายามช่วยเหลือเต็มที่มาตั้งแต่ต้น

ซึ่งจากข้อมูลที่โรงเรียนได้จากพยานนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ทราบว่าเป็นการสมัครใจเต็มใจกันทั้งสองฝ่าย  ไม่ได้มีการบีบบังคับกัน 

ขณะที่นายสันติ บำรุงภักดิ์ กำนัน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน กล่าวว่าตนในฐานะเครือข่ายผู้ปกครองก็ทราบเรื่องมาโดยตลอดและได้มีการประสานเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยตกลงกันซึ่งทราบว่าอีกฝ่ายยอมชดใช้แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมา ทำให้ยังไม่สามารถตกลงกันได้  ซึ่งตนจะได้ติดต่อมาเจรจาพูดคุยตกลงกันอีกครั้ง

ต่อมาวันเดียวกันได้มีนายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอนาบอน ได้เดินทางมาที่โรงเรียนได้เรียกครูและผู้เกี่ยวข้องมาประชุมสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป โดยทางนายอำเภอนาบอนได้มีการเรียกตัวพยานเป็นนักเรียน 3 คนที่อยู่ในเหตุการณ์มาเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง

เบื้องต้นพยานนักเรียนทั้ง 3 คนเล่าตรงกันว่าเป็นการสมัครใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด 

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5lO4rjSTuzk