สองผัวเมียรับซื้อของเก่า เทกระสอบเจอหัวกระสุนปืนใหญ่ เกิดระเบิดเจ็บสาหัส 3 ราย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพนมทวน รับแจ้งว่าเหตุ มีคนโดนระเบิดได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 17 ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี หลังรับแจ้ง จึงได้ประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิมูลรัตนาวุธเดินทางลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณลานด้านหน้าบ้าน พบผู้ได้รับบาดเจ็บ นอนรอความช่วยเหลืออยู่ จำนวน 3 ราย รายแรกคือ นางสนิท อายุ 66 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและเท้าขวา รายที่สองคือ นางสาวยุพิน อายุ 29 ปี (คนที่มารับซื้อของเก่า) ได้รับบาดเจ็บบริเวณนิ้วก้อยถูกสะเก็ดระเบิดฉีกขาดและยังมีแผลจากสะเก็ดระเบิดตามลำตัวอีกหลายจุด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่สาม คือ นายไกรสร อายุ 33 ปี (คนที่มารับซื้อของเก่า) ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นได้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป

สอบถาม นางสาวรุ่งเรือง ซึ่งพี่สาวของนางสาวยุพิน บอกว่า ปกติแล้วนางสาวยุพินและนายไกรสร จะขับรถตระเวนรับซื้อของเก่าอยู่โซนตำบลท่ากระดาน เขตพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ แต่วันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงได้มาวิ่งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน หลังเกิดเหตุนางสาวยุพิน ซึ่งเป็นน้องสาวได้โทรมาหา บอกว่าได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดใส่ สาเหตุมาจากการที่นางสาวยุพินได้เทถุงเศษเหล็กที่มารับซื้อจากชาวบ้านออกมาคัดเลือกเศษเหล็กที่จะซื้อ แต่เมื่อเทกระสอบออกมา กลับพบว่า มีหัวกระสุนปืนใหญ่ปะปนมากับเศษเหล็กด้วย ระหว่างกำลังจะเขี่ยลูกกระสุนปืนใหญ่ดังกล่าวออก จู่ๆลูกกระสุนปืนใหญ่ดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้น ทำให้นางสาวยุพิน นายไกรสรและนางสนิท ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ถูกแรงระเบิดได้รับบาดเจ็บไปด้วยกันทั้งสามราย

ด้านนางสนิท เจ้าของบ้านและเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ช่วงที่สองสามีภรรยาที่มารับซื้อของเก่า กำลังคัดเลือกเศษเหล็กในกระสอบอยู่นั้น ตนเองก็กำลังนั่งหันหลังอยู่ที่บริเวณโต๊ะหินหน้าบ้าน จู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดยลูกกระสุนปืนใหญ่ที่เกิดระเบิดนั้น เป็นกระสุนที่ไปเก็บมาจากพื้นที่ซ้อมรบของทหาร ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเขาใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านไปตระเวนเก็บกันเป็นประจำ แต่ไม่ทราบว่าในครั้งนี้เกิดระเบิดขึ้นมาได้อย่างไร

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้าได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบว่า ในที่เกิดเหตุ ยังมีหัวกระสุนปืนใหญ่ที่ยังไม่ระเบิดวางอยู่ประมาณ 3-4 ลูก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดกั้นบริเวณ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปในที่เกิดเหตุ พร้อมทำการเก็บกู้วัตถุระเบิดให้เรียบร้อย พร้อมกันนี้ ได้มีการฝากเตือนไปยังชาวบ้านในพื้นที่ ที่นิยมเข้าไปเก็บเศษลูกกระสุนปืนใหญ่ในพื้นที่ซ้อมรบเพื่อนำมาชั่งกิโลขายว่า

หากพบลูกกระสุนปืนใหญ่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และยังไม่ระเบิดเช่นนี้ ไม่ควรเข้าไปเก็บมา เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่เหล่านี้พร้อมระเบิดตลอดเวลา ทางที่ดีควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ให้ประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาจัดการจะดีที่สุด