บุกช่วย 3 พี่น้อง ถูกครอบครัวอุปถัมภ์ ทารุณแผลทั่วตัว ใช้งานเยี่ยงทาสในโรงเชือดหมู

บุกช่วย 3 พี่น้องถูกครอบครัวอุปถัมภ์ทารุณใช้แรงงานเยี่ยงทาส พบบาดแผลฉกรรจ์ถูกทำร้ายทั่วร่างกาย เด็กคนโตมีรอยบุ๋มเหมือนถูก ไม้-แส้ ตีอย่างแรง ให้นอนโซฟากับหมา น้องคนเล็กมือแขนมีบาดแผลถูกท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง นิ้วชี้เป็นพังผืด ยึดนิ้วติดกันไม่สามารถยืดนิ้วชี้ได้

วานนี้ (6 พ.ย.) เพจเฟซบุ๊ก ‘เป็นหนึ่ง’ ได้เปิดเผยการบุกเข้าช่วยเหลือเด็ก 3 พี่น้อง หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีในละแวกบ้านของเด็ก โดยให้ข้อมูลว่าครอบครัวนี้รับเลี้ยงเด็ก 3 คน ผู้ชาย 2 คน น้องคนเล็ก 1 คน เป็นผู้หญิง (อายุประมาณ 8 ขวบ คนกลางประมาณ 7 ขวบ น้องคนเล็กประมาณ 4 ขวบ) เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ มาจากพ่อและแม่แท้ๆ ของเด็กเพราะอยากมีหลาน เป็นคนรักเด็ก อยากขอรับเลี้ยงไว้เพราะความเอ็นดู

โดยในตอนแรกน้องถูกเลี้ยงดูอย่างดี ไม่มีปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นไม่นานทางผู้อุปถัมภ์ ได้มีหลานแท้ๆ กำเนิดมาจากลูกของตน จากนั้นเด็กทั้ง 3 คน เริ่มถูกเลี้ยงอย่างปล่อยปละละเลย จนมีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย ทางพลเมืองดีจึงนำเบาะแสเข้ามาแจ้งกับทางเพจฯ

จากนั้นทีมงานได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ ต.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย เจ้าหน้าที่ พมจ. และกรมกิจการเด็ก เบื้องต้นได้ลงความเห็นกันว่าขอความร่วมมือจากทางโรงเรียนของน้อง นำตัวน้องออกมาจากโรงเรียนก่อน เพื่อสอบสวนความเป็นมาจากปากของเด็กเอง

เมื่อเจ้าหน้าที่พาเด็กทั้งสองคน มาถึงสถานีตำรวจ เด็กมีท่าทีและสีหน้าที่กังวล น้องคนกลาง ร้องไห้ เพราะความกลัว ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มสอบถามถึงบาดแผลน้ำร้อนลวกที่แขนเด็กที่เป็นพี่คนโต เด็กเล่าว่าต้องเข้าไปช่วยงานที่โรงเชือดหมู ในขณะนั้นน้องถูกใช้ให้ไปลวกหนังหมู แต่ในโรงเชือดหมูนั้นเปียกเลยทำให้น้องลื่น พลัดตกไปถูกน้ำร้อนในกระทะลวกเต็มๆ จึงเป็นแผลที่แขน

ที่น่าตกใจคือบาดแผลที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้น ทางแม่เลี้ยงไม่แม้แต่จะพาไปหาหมอ เพียงแค่ทาว่านหางจระเข้ให้ และเช็ดยาฆ่าเชื้อให้เท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ถามต่ออีกว่ามีบาดแผลที่อื่นอีกไหม เด็กปฏิเสธว่าไม่มี แต่ชี้ไปที่น้องชายคนกลางและบอกว่า “น้องมีแผลที่หลังครับ” พอเปิดดูเห็นบาดแผล น้องบอกว่าโดนมีดตีเข้าที่หลัง ลูกสาวของแม่เลี้ยงเป็นคนทำ

หลังจากเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพสอบเด็กชายทั้ง 2 คน เสร็จ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่น้องอาศัยอยู่ และได้เจอกับตัวแม่เลี้ยง และลูกแท้ๆ ของแม่เลี้ยง ทางเจ้าหน้าที่สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวก็ได้ชี้แจงว่าไม่มีการกระทำที่เกินเหตุเช่นนั้น เพียงแต่เป็นการว่ากล่าวและตีตักเตือนตามประสาชาวบ้านทั่วๆ ไปเท่านั้น

ส่วนเรื่องแผลที่ถูกมีดบาด ทางครอบครัวได้ชี้แจงว่าเด็กเดินเพ่นพ่านในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังทำงานอยู่ มีดจึงบังเอิญไปถูกน้องโดยไม่ตั้งใจ โดยให้เหตุผลว่าครอบครัวตนทำอาชีพเชือดหมู จึงใช้มีดและของมีคมตลอดเวลาที่ทำงาน เลยทำให้พลาดไปถูกเด็ก 

และภายในบ้านยังเจอกับน้องอีกคน เป็นน้องสาวคนเล็ก ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าโรงเรียน เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นที่มือและแขนของน้องก็มีบาดแผลฉกรรจ์ จากการถูกท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ แต่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง นิ้วชี้น้องจึงเป็นพังผืด ยึดนิ้วติดกันไม่สามารถยืดนิ้วชี้ออกมาได้

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแม่เลี้ยง ไป สภ.บางสะพานน้อย ลงบันทึกประจำวันเพื่อมอบตัวเด็กเข้ารับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่บ้านพักเด็ก แม่เลี้ยงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจร่างกายเด็กทั้ง 3 เพิ่มเติม พบว่าที่ก้นของน้องคนโตมีรอยบุ๋มเหมือนถูก ไม้-แส้ ตีอย่างแรง และมีรอยเหมือนถูกแมลงกัด น้องบอกว่า ที่บ้านเขาให้น้องๆ นอนที่โซฟา บางครั้งสุนัขก็จะมานอนด้วย น่าจะเป็นแผลจากการถูกเห็บหมัดสุนัขกัด

เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตำรวจเคยเข้าตรวจบ้านและทำคดีกับครอบครัวนี้มาแล้ว 2 คดี คือยาเสพติดของลูกเขย และคดีผู้เป็นพ่อเลี้ยงทำปืนลั่นใส่หลานแท้ๆ ของตัวเองเสียชีวิต ตอนนี้คดีรอลงอาญาอยู่ เจ้าหน้าที่ได้ประเมินแล้วว่าครอบครัวนี้ไม่มีความพร้อมที่จะเลี้ยงเด็กทั้ง 3 คน จึงใช้อำนาจทางกฎหมาย ขอรับตัวน้องทั้ง 3 คนเข้ารับการรักษาร่างกาย จิตใจ และดูแล อยู่ในบ้านพักเด็กจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ส่วนทางครอบครัวผู้อุปถัมภ์ ผู้เป็นพ่อเลี้ยงไม่ยอมออกจากสวนมาให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ บอกว่าถ้าอยากเจอให้เข้ามาเอง ทางเจ้าหน้าที่มองว่า ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรที่จะไปคุย ขอโฟกัสที่ตัวเด็กก็พอ จึงไม่ได้เข้าไปสอบถามอะไรเพิ่ม

ส่วนพ่อแม่แท้ๆ ของเด็กติดยา ตอนนี้สภาพของพ่อน้องคือเสียสติไปแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร ส่วนแม่เพิ่งคลอดลูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ พม.เพิ่งทำเคสไปหมาดๆ ส่วนทางกฎหมายกับครอบครัวนี้ ตำรวจจะสอบสวนตามกระบวนการต่อไป

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/J5-Wfg3LhqM