สังคม

ตำรวจสอบสวนกลางทลายแก๊งหลอกชวนเทรดหุ้น พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท

โดย gamonthip_s

31 ต.ค. 2566

380 views

พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ CIB Anti/online Scam ทลายเครือข่ายปลอมเฟซบุ๊กหลอกลวงประชาชนลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท โดยได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ชลบุรี, สุรินทร์, ชัยภูมิ, ตาก สามารถจับกุมผู้ต้องหาขบวนการปลอมเฟซบุ๊กเป็นร้านทองออโรร่า และใช้สื่อโฆษณาหลอกประชาชนลงทุน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 26 ราย จากหมายจับทั้งหมด 50 ราย เป็นผู้ต้องหาระดับสั่งการสัญชาติจีนจำนวน 4 ราย ชาวไทยทำหน้าที่รับจ้างเปิดบริษัทให้กับนายทุนชาวจีน, แอดมิน แชทหลอกลวงผู้เสียหาย และผู้ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 24 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 30 รายการ อาทิ เงินใน Bitkub (คริปโต) มูลค่า 28 ล้านบาท, เงินสด 100,000 บาท โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเอกสารอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท



โดยพฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้ได้ปลอมเฟซบุ๊กเป็นร้านทองออโรร่า ชักชวนคนลงทุนโดยอ้างว่าได้กำไรสูงถึงร้อยละ 20-30 เพื่อให้ คนหลงเชื่อและเพิ่มเงินลงทุน  แต่กำไรดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขปลอม หากต้องการถอนเงินมีเงื่อนไข ชำระค่าทำเนียมต่างๆ เหยื่อบางรายลงทุนสูงกว่า 3-4 ล้านบาท  นอกจากนี้ ยังพบว่า ขบวนการดังกล่าวดำเนินการมากกว่า 2 ปี ทั้งยังเปิดบริษัทนอมินีจำนวน 3 บริษัท เพื่อใช้ในการฟอกเงินผ่านการสั่งซื้อสินค้าไปยังต่างประเทศ ใช้ซื้อสังหาริมทรัพย์ หรือแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล



พลตำรวจโทจิรภพกล่าวว่า เครือข่ายดังกล่าวมีฐานปฏิบัติการอยู่ในไทย ดำเนินการมาประมาณ 2 ปี และยังพบว่ามีการแอบอ้างบริษัทอื่นเพื่อหลอกลวงประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบขยายผลในพฤติการณ์ความผิดอื่นๆ รวมถึงบริษัทและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว และจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินด้วย



เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นคนอื่น และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ผู้ต้องหาชาวจีนยังให้การภาคเสธ



ด้านว่าที่พันตำรวจเอกธีรภัทร ยั่งยืน ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กล่าวว่า เครือข่ายนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ และพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีม้าโดยตรง ในบัญชีม้าแถวที่หนึ่งสองและสามจะเป็นคนไทย ส่วนบัญชีม้าแถวที่สี่จะเป็นบัญชีของหัวหน้าชาวต่างชาติซึ่งใช้เป็นบัญชีสำหรับรวมเงิน นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทนอมินีทั้ง 3 บริษัท ไม่มีการดำเนินกิจการจริง แต่มีเงินหมุนเวียนบริษัท

คุณอาจสนใจ

Related News