สังคม

จับแก๊งพระโอ้อวดวิชา ขายยาครอบจักรวาล หลอกรักษามะเร็งทิพย์ อ้างเคยรักษาหมาป่วยจนหาย

โดย petchpawee_k

26 ต.ค. 2566

496 views

จับขบวนการรักษา ‘มะเร็งทิพย์’ อ้างรักษาให้หายขาดใน 1-3 เดือน สร้างสตอรี่ค้นพบการรักษามะเร็ง จากการกรรมฐานรักษา ‘สุนัข’ ที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหาย อวดอ้างสรรพคุณยา-มีพลังวิเศษ หลอกลวงประชาชน


เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและองค์การอาหารและยา (อย.) แถลงรวบขบวนการพระสงฆ์และลูกศิษย์ รักษามะเร็งทิพย์ อวดอ้างสรรพคุณยาและพลังวิเศษ หลอกรักษาประชาชน 


โดยเจ้าหน้าที่ไปจับกุมพระนรสีห์ หรือ นายสิทธัตถ์พร้อมกับพวก รวม 6 คน ได้ที่สำนักพระกรรมฐานศากยกราม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พระนรสีห์ เป็นขบวนการรักษามะเร็งทิพย์ โดยอวดอ้างว่ามีพลังวิเศษ และมียาซึ่งสรรพคุณเกินจริง  นอกจากนี้ตำรวจยังยึดของกลางได้มากถึง 104 รายการ ประกอบด้วย ยาแคปซูล   ผงสีน้ำตาล   อุปกรณ์ที่ใช้ผลิตยาสมุนไพร เงินสด รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท


พ.ต.อ. สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ.  เปิดเผยว่า คดีนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระนรสีห์แห่งสำนักพระกรรมฐานศากยราม (เขาพระครุฑ) อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี   มีการเปิดวัดเป็นสถานที่รักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไปและเรียกเก็บค่ายาในราคาที่สูง  ซึ่งยาที่ขายให้แก่ผู้ป่วยนั้นเป็นยาชนิดแคปซูลและไม่มีฉลาก  


นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเฟซบุ๊กชื่อ  "สำนักพระกรรมฐานศากยาราม"  โพสต์รูปภาพ คลิปวีดีโอการรักษาโรค และข้อความสื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า พระนรสีห์กับพวกสามารถตรวจรักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคร้ายแรงอื่นๆ ให้หายขาดใน 1-3 เดือน  


อีกทั้งมีการโพสต์ข้อความโอ้อวดสรรพคุณการรักษาโรคของผลิตภัณฑ์ “มหาโอสถหลวงพ่อนรสีห์” (หงส์เกี้ยวมังกร, ตะวันฉาย, เลือดมังกร และ จันทร์ฉาย) ว่ามีสรรพคุณการรักษาโรคครอบจักรวาล  เช่น “สกัดจากสมุนไพรความเข้มข้นของตัวยาสูงกว่าผงสมุนไพรบดธรรมดาถึง 10 เท่า ล้างสารพิษ, เสริมภูมิต้านทาน, ปวดเข่า, ปวดข้อ, ปวดขา, ปวดหลัง, หมอนรองกระดูก, เก๊าท์, ลดบวม, ลดการอักเสบ, กรดไหลย้อน, โรคตับ, โรคไต, โรคหัวใจ, ปอด, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตัน, โรคระบบสมอง โรคมะเร็ง, โรคไตวาย, โรคเบาหวาน, โรคอัลไซเมอร์, ประสาทเสื่อม, กระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานโรค และคืนความหนุ่มสาว” เป็นต้น


เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการโพสต์ที่มาของวิชาการรักษาโรคมะเร็ง ว่าค้นพบจากการกรรมฐานรักษาสุนัขชื่อ “ปีใหม่” ที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหาย จึงทำให้พระนรสีห์เชื่อว่า ตนเองมีพลังวิเศษที่จะสามารถรักษาให้ผู้อื่นหายป่วยจากโรคมะเร็งและโรคร้ายอื่น ๆ ได้  อย่างไรก็ตาม สุนัขชื่อปีใหม่ก็ตายในอีก 2 เดือนต่อมา  แต่พระนรสีห์ก็ยังคงยกย่องให้สุนัขปีใหม่ เป็นพระอาจารย์ต้นตำรับยารักษาโรคของสำนักสงฆ์



นอกจากนี้ พระนรสีห์กับพวก ยังมีพฤติกรรมตรวจรักษาประชาชนทั่วไปที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เช่น เอาหินมาวนบริเวณหน้าท้อง อกและใบหน้าเพื่อสอบถามอาการ จากนั้นจะใช้เข็มที่มีลักษณะเหมือนเข็มเย็บผ้าแทงตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วใช้แท่งเหล็กวนเพื่อให้เลือดออก อ้างว่าเป็นการขับสารพิษหรือเลือดเสียออกจากร่างกาย



โดยพระนรสีห์กับพวกได้อาศัยความเชื่อ  ความศรัทธาทางศาสนา และความหวาดกลัวโรคภัยไข้เจ็บของประชาชน มาเป็นเครื่องมือหลอกให้ประชาชนที่อยู่ในภาวะอ่อนไหว มาหลงเชื่อเข้ารับการรักษา รวมทั้งพยายามพูดโน้มน้าว เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการรักษารู้สึกว่าตนเองป่วย เช่น บอกว่าเป็นป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีผิวดำคล้ำ มีกลิ่นตัว เมื่อประชาชนหลงเชื่อ ก็จะให้ไปซื้อยารับประทาน   ทั้งการซื้อยาที่สำนักสงฆ์และซื้อผ่านทาง facebook  ราคาสูงถึงชุดละ 4,000 บาท  รับประทานได้ 10 วัน จากนั้นก็จะนัดหมายมาใหม่ เพื่อรักษาอีก



ประชาชนที่ถูกพระนรสีห์ หลอกว่าเป็นมะเร็งต้องรักษา ต้องซื้อยาไป แต่พอไปตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาล แล้วแพทย์ยืนยันว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง จึงมาร้องกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค   ทางเจ้าหน้าที่จึงวางแผน ส่งตำรวจที่ดูรูปร่างหน้าตาเหมือนคนไม่แข็งแรง 2 นาย เข้าไปที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว  ไปทดลองรักษา 3 ครั้ง  โดย 2 ครั้งแรก ไม่เจอตัวพระนรสีห์  แต่เจอกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ ที่บอกว่ายังรักษาไม่ได้ เพราะคิวเต็ม  ระหว่างที่ตำรวจนายแรกรอคิวรักษา  ก็มีการพูดคุยและมีการให้ความเห็นจากกลุ่มขบวนการนี้ ว่า ผิวดำ มีกลิ่นเหม็น เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย  ส่วนตำรวจอีกนาย ที่เข้าไปสำนักสงฆ์วันถัดมา กลุ่มขบวนการนี้ ก็บอกว่า ผิวดำ ตาเหลือง น่าจะเป็นมะเร็งก้านสมอง กลายเป็นว่าตำรวจเป็นมะเร็งไปแล้ว 2 คน



หลังจากนั้น ก็สามารถนัดเข้าพบกับพระนรสีห์ได้ มีการให้นอนตรวจร่างกาย โดยใช้แท่งโลหะคลำ ใช้มือสัมผัสร่างกาย และลงความเห็นว่า ตำรวจที่ส่งเข้าไป เป็นมะเร็ง 3 อย่าง คือ มะเร็งตับ มะเร็งปอด  มะเร็งลำไส้  จากนั้นก็เริ่มกระบวนการรักษา โดยเอาเข็มเจาะนิ้วมือ 8 นิ้ว ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ เค้นให้เลือดออก จากนั้นให้นอนแล้วเอาเข็มจิ้มต้นขา ลึกประมาณ 1 ข้อนิ้ว ระหว่างนั้นจะใช้แท่งเหล็กกลวง กดเข้าไปเพื่อดูดเลือดออก โดยอ้างว่าขับเลือดเสียออกจากร่างกาย เจาะไป 23 จุด พอรักษาเสร็จแล้ว ก็จ่ายเงินค่ายา คอร์ส 10 วัน อยู่ที่ 4,000 บาท จากนั้น ปคบ.ส่งตำรวจนายนี้ ไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ ปรากฎว่า โรงพยาบาลตำรวจยืนยันว่า ไม่ได้เป็นมะเร็ง



 พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอนุมัติออกหมายจับพระนรสีห์กับพวก รวม 6 ราย ประกอบด้วย  

1.พระนรสีห์ หรือ นายสิทธัตถ์

2.น.ส.อรินดา ทำหน้าที่จ่ายยา รับเงินค่ารักษา ประสานงานติดต่อผู้ป่วย และให้ความเห็นเบื้องต้นกับผู้ป่วย

3.นายเดชชรินทร์  ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ในการต้อนรับ คัดกรองผู้ป่วย และให้ความเห็นเบื้องต้น

4.น.ส.อารียา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ และบางครั้งทำหน้าที่รักษาแทนพระนรสีห์หากไม่ว่าง โดยเจาะเข็มตามร่างกายของผู้ป่วย  ซึ่ง น.ส.อารียาเป็นผู้ที่พระนรสีห์ กล่าวอ้างว่า เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย แล้วพระนรสีห์เป็นผู้รักษาจนหายภายใน 2 เดือน จนบรรลุโสดาบันแล้ว

5.นายรวีวัชร  ทำหน้าที่ในการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวการรักษาเพื่อไปลงเพจเฟซบุ๊ก

6.นาง วชิรอักษรา  ทำหน้าที่บรรจุยาสมุนไพรลงแคปซูลตามคำสั่งของพระนรสีห์ฯ และส่งยาให้ผู้ติดต่อขอซื้อทางออนไลน์  รวมทั้งพูดโน้มน้าวและวินิจฉัยโรคให้ผู้ที่มาตรวจรักษารู้สึกว่าตนเองป่วย  



ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา  ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมการดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต  ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ  ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่รับอนุญาต  ร่วมกันโฆษณาสมุนไพรในลักษณะโอ้อวดสรรพคุณเกินความจริง และร่วมกันโดยทุจริตนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ตัวพระนรสีห์ยังมีความผิดเพิ่มเติมฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่รับอนุญาตและก่อสร้างสำนักสงฆ์บุกรุกเขตป่าสงวน


โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย  สามารถจับกุมได้ในวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นแคปซูล บรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 16,436 แคปซูล แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล  ผงสีน้ำตาล 10 กิโลกรัม  อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผลิตสมุนไพร อุปกรณ์การรักษาโรคและเงินสดกว่า 2 ล้านบาท รวมมูลค่าของกลางกว่า 3 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังพบว่า ขบวนการดังกล่าว มีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน พบกระทำความผิดในพฤติกรรมลักษณะแบบนี้มาตั้งแต่ปีเดือนมิถุนายน 2563 ส่วนตัวพระนรสีห์ พบว่า มีการบวชจริงตั้งแต่เดือนเมษายน 2561  จึงให้สึก


เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน  ยอมรับสารภาพ และให้การสอดคล้องกับพฤติการณ์  โดยอ้างว่ากระทำไปเพราะเจตนาดีและเป็นความเชื่อศรัทธา  พร้อมกับยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนและทางตำรวจก็อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว  เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน  สำหรับนายสิทธัตถ์หรืออดีตพระนรสีห์ วางเงินประกัน 100,000 บาท ในขณะที่ผู้ต้องหาอีก 5 ราย วางเงินประกันคนละ 50,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ห้ามไปกระทำความผิดซ้ำอีก   นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ปคบ. อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลหาตัวแนวร่วมขบวนการมาดำเนินคดีเพิ่มเติมและสืบสวนหาที่มาของสมุนไพรที่ใช้ในการผลิตยาดังกล่าวต่อไป



ด้าน ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์  ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ของ อย. ระบุว่า ยาที่มีการอวดอ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคครอบจักรวาลเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางที่ อย. จะให้การรับรองขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ตรวจยึดมาได้จากสำนักสงฆ์นี้ โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบว่ายาที่มีการตรวจยึดจากสำนักสงฆ์ดังกล่าว ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาตามกฎหมาย เป็นการลักลอบผลิตโดยที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่ผู้ที่นำไปรับประทาน  จะมีอาการป่วยหรือเป็นโรคหนักกว่าเดิม  จึงขอฝากเตือนประชาชนว่า หากพบยาในลักษณะที่ไม่มีฉลากรับรองจาก อย. หรือมีลักษณะที่ไม่น่าเชื่อถือหรืออวดอ้างว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณครอบจักรวาลเช่นนี้ โปรดหลีกเลี่ยงอย่านำมาบริโภคและร้องเรียนมาที่ อย. ได้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/zHKn_djuTRQ


คุณอาจสนใจ

Related News