สังคม
แรงงานไทยโดนปาดคอ รอดตายกลับถึงไทย ลูกเมียโผกอดหลังไม่ได้เจอกันนาน 4 ปี
20 ต.ค. 2566
184 views
วานนี้ (19 ต.ค. 66) เวลา 14.00 น. เครื่องบินพิเศษ A340-500 เที่ยวบินที่ 2 ของกองทัพอากาศ ได้อพยพคนไทยในอิสราเอล จำนวน 136 คน แบ่งเป็นชาย 132 คน หญิง 4 คน กลับถึงไทยแล้ว
โดยเที่ยวบินนี้ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ 18 ต.ค. 2566 เวลา 22.00 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง (บน.6) 19 ต.ค. 2566 เวลา 14.00 น. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 12 ชั่วโมง
โดยมีกำลังพลกองทัพอากาศ ประกอบด้วย นักบิน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและทีมแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน ร่วมเดินทางด้วยเพื่อให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่คนไทย
ทันทีที่กลุ่มแรงงานไทยมาถึง ได้เดินลงจากเครื่องบินถือธงชาติไทยโบก บางคนยิ้มแย้มดีใจที่ได้กลับบ้าน
จากนั้น ทั้งหมดได้เข้าสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
- ตรวจคัดกรองสุขภาพโดยกระทรวงสาธารณสุข
- ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง
- รับคำแนะนำยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาและสิทธิสวัสดิการต่างๆ จากกระทรวงแรงงาน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดรถบัสจำนวน 4 คัน ส่งแรงงานไทยไปยังสถานีกลางบางซื่อ เพื่อส่งกลับภูมิลำเนา ซึ่งมีการสอบถามความสมัครใจว่า จะเดินทางกลับอย่างไร ก็จะไปส่งตามสถานีขนส่งนั้น
-------------
นางสาวรัตน์ธิดา คำกรฤๅชา อายุ 43 ปี ซึ่งเธอมารอรับแฟนหนุ่มที่เดินทางกลับมาพร้อมกับกองทัพอากาศ และเธอก็เพิ่งกลับจากอิสราเอลเมื่อสองวันก่อน ระบุว่า
เธอไปทำงานที่อิสราเอลได้ 5 ปี ส่วนแฟนหนุ่มไปทำงานก่อนหน้านี้ ได้ 9 ปี โดยแคมป์ที่ทั้ง 2 ไปทำงาน อยู่ห่างจากฉนวนกาซาไปทางเกือบตอนเหนือ ในระยะประมาณ 30 ถึง 40 กิโลเมตร
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มักจะมีการยิงจรวด หรือระเบิด จากฉนวนกาซาข้ามมายังดินแดนอิสราเอลโดยตลอด แต่การสู้รบครั้งล่าสุดนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุด เนื่องจากมีการบุกเข้ามาในดินแดนประเทศอิสราเอล
ซึ่งโชคดีที่แคมป์ของตนเองนั้น กองทัพอิสราเอลสามารถเข้ามาช่วยปกป้องได้ทัน และสามารถสกัดไม่ให้นักรบฮามาสเข้ามาในแคมป์ได้
โดยสาเหตุที่ตนกับแฟนเดินทางกลับมารอบนี้นั้น เนื่องจากไม่สามารถทนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และครบสัญญาพอดี จึงถือโอกาสกลับมายังประเทศไทย
หลังจากนี้ จะไม่กลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีก และคงจะปักหลักทำงานด้านเกษตรกรรมที่ประเทศไทยต่อไป
โชคดีที่ไม่มีหนี้มีสินใด ๆ แต่ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ช่วยเหลือด้านข้อกฎหมายแก่แรงงานชาวไทย ที่หนีตายจากประเทศอิสราเอล ในการฟ้องร้องเรียกค่ามัดจำการทำงาน จากนายจ้างที่อิสราเอล
-------------
ทั้งนี้ ในเที่ยวบินนี้ มี นายวิทวัส กุลวงศ์ หรือแจ๊ค อายุ 34 ปี แรงงานชาวไทย ที่มีข่าวว่าถูกนักรบฮามาสทำร้ายร่างกาย ด้วยการปาดคอ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่วมเดินทางมากับเที่ยวบินของกองทัพอากาศในครั้งนี้ด้วย
โดยระหว่างที่รอ นายวิทวัส ออกมา น.ส.วาสนา พิมพ์สุวรรณ อายุ 27 ปี ภรรยาของนายวิทวัส ก็พาลูกมาเกาะกระจก โบกมือ ยิ้มให้ เพื่อให้ลูกได้พบกับพ่อด้วยความคิดถึง และยืนรอนานกว่า 1 ชั่วโมง จนลูกร้องไห้ไป 2 รอบ เนื่องจากนายวิทวัส ต้องรอกระบวนการตรวจเช็กบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ และทำแผลใหม่ก่อน จึงใช้เวลานานกว่าแรงงานคนอื่น ๆ
จนเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ ได้มาจูงมือน้องมะนาว ลูกสาววัย 5 ขวบ และพา น.ส.วาสนา เข้าไปพบกับนายวิทวัส ทันทีที่เจอกัน ภรรยาและลูกก็เข้าไปกอดนายวิทวัส และร้องไห้ด้วยความดีใจ เป็นอ้อมกอดแรกหลังจากไม่ได้เจอกันนาน 4 ปี
น.ส.วาสนา ภรรยาของนายวิทวัส เล่าว่า ขณะที่เกิดเหตุ ติดต่อสามีไม่ได้หลายวัน เนื่องจากตอนที่สู้กับกลุ่มฮามาสแล้วสลบไป ถูกยึดโทรศัพท์และทรัพย์สินไปด้วย เพิ่งติดต่อกันได้ตอนที่สามีรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว
สามีเล่าให้ตนฟังว่า ขณะที่กำลังทำงานอยู่บริเวณเล้าไก่ในแคมป์ ห่างจากฉนวนกาซาประมาณ 2 กิโลเมตร ถูกกลุ่มฮามาสบุกเข้ามา โดยกลุ่มฮามาสกระจายตัวกันค้นหาคนในแคมป์
ซึ่งระหว่างที่สามีกำลังพยายามหนี ก็ไปเจอกับกลุ่มฮามาส 1 คน ที่มาพร้อมอาวุธมีด พยายามจะจับเขาไปเป็นตัวประกัน ซึ่งก็คิดในใจว่าหากถูกจับไปคงไม่รอด จึงพยายามยื้อแย่งมีดจากกลุ่มฮามาส จนถูกแทงหลายจุด รวมถึงที่คอเป็นแผลลึก ทำให้สลบไปครึ่งชั่วโมง
ฟื้นมาอีกทีก็ไม่พบกลุ่มฮามาสตรงนั้นแล้ว คาดว่าอาจจะคิดว่าเขาตายไปแล้ว จึงเดินตะเกียกตะกายไปขอความช่วยเหลือเพื่อน ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ต้องอดทนกับบาดแผลที่เจ็บเลือดไหลตลอด ซึ่งพอไปเจอเพื่อนก็พาไปสู่การก็ปฐมพยาบาล ก่อนที่นายจ้างจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ 3 วัน กว่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลแล้วประสานกลับไทยได้
วันนี้ที่จะได้เห็นสามีอีกครั้งในสภาพที่ปลอดภัย น.ส.วาสนา บอกว่า รู้สึกดีใจจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกและโล่งใจ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานและนายจ้างที่ดูแลดี
หลังจากนี้จะไม่ให้สามีกลับไปที่นั่นอีกแล้ว คงจะหางานทำที่ไทย ส่วนลูกสาวก่อนหน้านี้ ก็คอยถามหาพ่อตลอด เพราะสามีไปทำงานตั้งแต่ลูกอายุ 1 ขวบ ตอนนี้ลูก 5 ขวบแล้ว
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำแผลให้กับ นายวิทวัส เสร็จสิ้น ก็มีกองทัพอากาศอำนวยความสะดวก ในการพาครอบครัวนี้ ขึ้นรถตู้ไปส่งกลับภูมิลำเนาที่ จ.อุดรธานี โดยนายวิทวัส อุ้มลูกสาว และกอดลูกสาวตลอดเวลา พร้อมบอก “วันนี้ดีใจมากที่ได้กลับบ้าน”
ทีมข่าวได้คุยกับนายวิทวัส เผยว่า
ดีใจที่ได้กลับบ้านจนน้ำตาไหล หลังจากได้รับบาดเจ็บ ตนอยู่ที่อิสราเอล ก็รอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไทย
พร้อมเล่าเหตุการณ์วินาทีโดนกลุ่มฮามาสบุกเข้ามาทำร้าย เขาจะเอามีดแทงตนพยายามต่อสู่ขัดขืนแย่งมีดเพื่อเอาชีวิตรอด ทีแรกคิดว่าคงไม่รอดแต่ก็ลองต่อสู้ จนถูกกลุ่มฮามาสใช้มีดปาดคอจะฆ่าให้ตาย จากนั้นตนเองสลบไปประมาณชั่วโมง แล้วฟื้นขึ้นมา
-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/WhWel3ww-Ps