สังคม
ปูพรมตรวจห้องเย็น สมุทรปราการ พบเนื้อกระบือ-หมู-ไก่เถื่อน จาก ตปท. มูลค่ากว่า 80 ล้าน
โดย nattachat_c
18 ต.ค. 2566
34 views
เมื่อวานนี้ (17 ต.ค.66) นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) , สารวัตรกรมปศุสัตว์ , เจ้าหน้าที่จากกรมประมง,เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันตรวจค้นห้องเย็นแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลโคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร หลังจากที่ได้รับการรายงานข่าวกรองว่า ห้องเย็นแห่งนี้มีการนำเข้าและลักลอบเก็บสินค้าเกษตร ประเภทเนื้อสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์และกรมประมง
จากการเข้าตรวจค้นที่ห้องเย็นดังกล่าวนั้น พบมีลักษณะเป็นสถานที่รับฝากสินค้าแช่เยือกแข็งขนาดใหญ่ ภายในมีห้องแช่แข็ง 3 ห้อง มีเนื้อสัตว์หลายประเภทกักเก็บอยู่ เช่น เนื้อกระบือ จากประเทศอินเดียและตุรกี เนื้อหมู ขาไก่ เป็นต้น วางเรียงสลับทับซ้อนกับสินค้าประเภทปลาทู อยู่ภายในจำนวนมาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจนับนานหลายชั่วโมง จากนั้นสั่งอายัดสินค้าทั้งหมดไว้ เพื่อตรวจนับสินค้าให้ได้ปริมาณที่ชัดเจน พร้อมห้ามเคลื่อนย้ายออกภายนอกห้องเย็นอย่างเด็ดขาด
นายสมชวน เปิดเผยว่า จากคำสั่งการของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรทุกประเภท ทั้งพืช ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ที่ลักลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยตั้งชุดพิเศษหรือชุดเฉพาะกิจขึ้นมาปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครนั้น ได้จัดชุดเฉพาะกิจลงมาเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพร้อมกัน 21 แห่ง จากเป้าหมายกว่า 140 แห่ง โดยที่ห้องเย็นแห่งนี้พบว่าเป็นล๊อตใหญ่ที่สุด ที่มีการลักลอบกักเก็บเนื้อสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ และกรมประมง มีเพียงการแสดงเอกสารว่าขออนุญาตนำเข้าและจำหน่ายจากกรมการค้าภายในเท่านั้น
อีกทั้งเนื้อสัตว์ที่นำมากักเก็บไว้ ยังเป็นเนื้อสัตว์ที่นำเข้ามาจากประเทศที่ไม่ได้มีการอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย คือ ประเทศไทยยังไม่ได้อนุญาตให้นำเข้าเนื้อสัตว์ประเภทดังกล่าวจากประเทศอินเดีย และตุรกี นั่นเอง ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจนับปริมาณเนื้อสัตว์ที่ตรวจพบทั้งหมดให้เป็นที่ชัดเจน พร้อมกับเรียกผู้ดูแลสถานประกอบการหรือเจ้าของสถานประกอบการ มาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ที่นำมากักเก็บไว้ภายในทั้งหมด และจะต้องขยายผลถึงผู้ที่นำมาฝากแช่แข็งอีกด้วย เพื่อนำผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุว่า ไม่ใช่เพียงแค่ประเภทของปศุสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประเภทพืช และสินค้าประมงด้วย จะต้องไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นชุดพิเศษที่ตั้งขึ้นมาโดยความร่วมมือจาก 3 หน่วยงาน คือ กรมปศุสัตว์ กรมประมง และตำรวจสอบสวนกลาง ปคบ. ก็จะลงพื้นที่ปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เพื่อการป้องกันโรคระบาดสัตว์ในราชอาณาจักรไทย และยังเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงปกป้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงในประเทศให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีการนำสินค้าที่ผิดกฎหมายเข้ามาแทรกแซงกลไกทางการตลาดของไทย
ด้านร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่า ห้องเย็นดังกล่าว ได้ขออนุญาตรับฝากสินค้าไว้กับกรมการค้าภายในเท่านั้น แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนห้องเย็นกักเก็บสินค้าปศุสัตว์สินค้าประมงกับกรมปศุสัตว์และกรมประมง ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบห้องเย็นดังกล่าว พบเป็นสถานที่รับฝากสินค้าแช่เยือกแข็ง โดยภายในมีห้องแช่แข็ง 3 ห้องเย็น มีเนื้อสัตว์หลายประเภทจากต่างประเทศ ได้แก่ ขาไก่/ปีกไก่ 360 ตัน หมูสามชั้น 300 กิโลกรัม เนื้อกระบือ 150 ตัน และขาหมู 24 ตัน วางแทรกระหว่างสินค้าประเภทปลาทู ทางเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสินค้าไว้เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มา พร้อมกับเรียกผู้ดูแล หรือเจ้าของสถานประกอบการ มาสอบปากคำ รวมทั้งขยายผลถึงผู้ที่นำมาฝากแช่แข็งอีกด้วย
ด้านนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ช่วงเย็นวานนี้ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ไปแถลงผลการเข้าตรวจค้นบริษัท เจ.พี.ห้องเย็น จำกัด เลขที่ 59 หมู่ที่ 4 ตำบลโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสินค้าเกษตร ประเภทเนื้อสัตว์จากต่างประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยสินค้าที่ตรวจพบ มีทั้ง เนื้อกระบือ (ควาย) , เนื้อโค (วัว),เนื้อหมูสไลด์,และชิ้นส่วนไก่ (ขาไก่ / ปีกไก่) ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีการนำเข้ามาจากประเทศอินเดีย ตุรกี และ อาร์เจนตินา โดยเฉพาะเนื้อกระบือ กับ เนื้อวัว ถูกนำเข้ามาจากประเทศอินเดีย ส่วนเนื้อหมูสไลด์ กับ ชิ้นส่วนไก่นั้น จากข้อมูลเชื่อได้ว่าถูกนำเข้ามาจากประเทศตุรกี หรืออาร์เจนตินา โดยสินค้าหรือเนื้อสัตว์ที่ตรวจพบทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นสินค้าเกษตร ประเภทเนื้อสัตว์จากต่างประเทศที่ไม่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด
นายไชยา กล่าวว่า ภายใต้คำสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ สนธิความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาศสงครามกับผู้ที่ลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย หรือสินค้าเกษตรที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทย ทั้งพืช ผัก ผลไม้ รวมไปถึงสินค้าประมงด้วย เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวไทย เพราะหากสินค้าเหล่านี้ถูกนำออกมาจำหน่าย ก็จะเกิดการแทรกแซงกลไกการตลาด ส่งผลทำให้ราคาของผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องคนไทยตกต่ำลง เนื่องจากสินค้าที่นำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเหล่านี้มีราคาที่ถูกกว่านั่นเอง ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์และรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกรทุกประเภท รวมถึงสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นนั้น ทางรัฐบาลจึงได้มีการประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรและสินค้าประมงทุกประเภท ที่มีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งก็ได้ออกปฏิบัติการในทั่วทุกจังหวัด
ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครนั้น ได้เข้าตรวจค้นพร้อมกัน 21 แห่งในพื้นที่เป้าหมายทั้งหมดกว่า 140 แห่ง โดยพบสินค้าที่กรมปศุสัตว์และกรมประมง ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทย ถูกเก็บไว้ในสถานประกอบการ (ห้องเย็น) 5 แห่ง มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 639 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ซึ่งของกลางทั้งหมดนั้นก็ได้สั่งอายัดไว้เพื่อให้มีการตรวจสอบและจะให้ทางผู้ประกอบการห้องเย็น ได้นำหลักฐานมาแสดงเพื่อพิสูจน์ว่ามีการนำเข้ามาจากต้นสังกัดที่ไหน โดยถ้าเกิดว่าทางผู้ที่เป็นเจ้าของห้องเย็นสามารถสำแดงเอกสารอันเป็นข้อเท็จจริงได้ว่า ไม่ใช่เจ้าของสินค้าดังกล่าว หรือว่าเป็นเพียงแค่ผู้รับฝากเท่านั้นเอง และไม่มีความผิดฐานอื่นๆ ร่วมด้วย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการขยายผลไปสู่ผู้ที่นำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรซึ่งรัฐบาลไทยไม่อนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
----------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/d6uqnglGwRs