สังคม

คนไทยดับเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 21 ราย 'เศรษฐา' กำชับเตรียมเครื่องบินกองทัพ-เอกชน รับคนไทยกลับ

โดย petchpawee_k

13 ต.ค. 2566

9 views

นายกฯ เผยมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย รวมเป็น 21 ราย ปรับเพิ่มแผนเส้นทางรถยนต์ อพยพคนไทย  กำชับเตรียมพร้อมเครื่องบินกองทัพ-เอกชน รับคนไทยกลับ


เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ก่อนออกเดินทางจากประเทศมาเลเซียไปยังสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ว่า ล่าสุดได้รับรายงานมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย รวมเป็น 21 ราย ขณะเดียวกันมีความพยายามที่จะหาช่องทางอื่นในการช่วยอพยพคนไทยออกจากพื้นที่ แต่เส้นทางทางเรือต้องผ่านกาซ่า ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่อันตรายจึงไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ ส่วนอีกเส้นทางอาจเป็นทางรถยนต์ และผ่านทางจอร์แดนแทน ยืนยันรัฐบาลพยายามดูแลคนไทยเต็มที่ โดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด


ส่วนคนไทยชุดแรก 15 คน ที่เดินทางกลับประเทศไทยได้รับรายงานว่าออกเดินทางจากอิสราเอลแล้ว คาดว่าจะถึงประเทศไทยในเวลา 11.00 น.


ภายจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ได้ร่วมประชุมกับศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินเหตุความไม่สงบในตะวันออกกลาง


นายเศรษฐา กล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นนิมิตหมายอันดี ที่มีล็อตแรกเดินทางกลับเข้ามาในไทยแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกจำนวนมาก ที่เราจะต้องลำเลียงกลับเข้ามา ซึ่งก็เข้าใจถึงความห่วงใยของญาติพี่น้อง และความกังวลของแรงงานไทย ที่อยู่ในอิสราเอล เพราะมีหลายปัญหา ทั้งเรื่องการบินเข้าไปในอิสราเอล ที่วันหนึ่งมีเครื่องบินได้ไม่ถึง 1 ไฟท์ โดยจะมีการพูดคุยกันว่า กองทัพบกและกองทัพอากาศจะเอาเครื่องบิน C130 และแอร์บัส A340 เข้าไปรับผู้อพยพ ในวันที่ 14 ตุลาคม เป็นเที่ยวบินต่อไป เพื่อรับคนไทยกลับมาประมาณ 140 คน และมีการขนเสบียงไปให้ด้วย


แต่ตนก็ได้สั่งการไปว่า ลำเดียวนั้นเป็นอะไรที่น้อยมาก ตนจึงได้สั่งการในที่ประชุมและที่ประชุมก็เห็นด้วย โดยหลังจากนี้ให้เตรียมความพร้อม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะให้มีเครื่องบิน โดยที่สายการบินนกแอร์ จำนวน 2 ลำ แอร์เอเชีย 2 ลำ


ส่วนการบินไทยยังอยู่ระหว่างรอคำตอบ ซึ่งสายการบินไทยไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงไปประเทศอิสราเอล จึงติดขัดเรื่องเอกสารมากกว่าความพร้อม และหากการบินไทยไม่สามารถที่จะบินตรงไปยังกรุงเทลอาวีฟ ได้ ก็จะเจรจาให้การบินไทยไปจอดในประเทศใกล้เคียง และจากนั้นจะให้สายการบินพาณิชย์อพยพคนไทย ไปขึ้นเครื่องการบินไทยในประเทศนั้นๆ


นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เรื่องบางเรื่องที่หลายคนมองว่าจะสามารถนำเครื่องบินออกไปเลยนั้น มันไม่ใช่เพราะเที่ยวบินพิเศษจะต้องมีการขออนุญาตการเปิดน่านฟ้า ซึ่งต้องขออนุญาตผ่านน่านฟ้าถึง 10 ประเทศมันเป็นไปได้หรือไม่ จริงๆ แล้ว กระทรวงการต่างประเทศก็ให้ความกรุณา ซึ่งในอดีตต้องใช้เวลาการเป็นเดือนในการขออนุญาต ในการจะขอผ่านน่านฟ้าในแต่ละประเทศ


แต่ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ สามารถเร่งขออนุญาตได้เพียง 2 วัน และหลังจากนี้ก็จะมีการเจรจาให้ได้อย่างเร็วที่สุดภายใน 48 ชั่วโมงให้ได้ ขณะเดียวกันได้มีการสั่งการเครื่องบินทั้ง 4 ดำให้เตรียมความพร้อม รวมถึงความพร้อมของการบินไทยหากได้คำตอบ ก็สามารถที่จะขึ้นบินได้ทันที


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ระบุถึงที่ประชุม โดยเอกอัครราชทูตไทย ณ เทลอาวีฟ ว่าขณะนี้ เจ้าหน้าที่ก็มีความพร้อมในการอพยพ แรงงานมายังจุดปลอดภัยวันละ 200 คน ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เราสามารถบินออกมาได้วันละ 1 เที่ยวบิน ซึ่งถ้าหากจะอพยพทั้งหมดจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน ยืนยันจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก


เมื่อถามถึงทิศทางการเจรจาขอปล่อยตัวแรงงานชาวไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 คนนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีการเจรจาตลอดเวลาในทุกช่องทาง ที่สามารถเป็นไปได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยตนมั่นใจในการเจรจา และมีความหวังว่าตัวประกันจะได้รับความปลอดภัย ถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งยอมรับว่าเราเองก็กดดัน แต่เราไม่อยู่ในสภาวะประเทศคู่ขัดแย้ง ถ้าหากดูยอดผู้เสียชีวิต ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด มันเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ ซึ่งก็เชื่อว่าหลายประเทศก็ให้ความเห็นใจ ที่จะได้รับการอำนวยความสะดวกที่จะอพยพ เปิดน่านฟ้า ยืนยันเราจะพยายามทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด


ส่วนกรณีผู้เสียชีวิต พี่ญาติพี่น้องมีความกังวล ว่าเมื่อไหร่จะรับศพกลับมาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามอย่างเต็มที่ ก็ได้กดดันทางอิสราเอล ในเรื่องของการชันสูตร พิสูจน์อัตลักษณ์ การเสียชีวิตในภาวะสงคราม รัฐบาลอิสราเอลจะมีเงินชดเชยให้ แต่ถ้านำศพกลับมาก่อน โดยไม่มีการออกหลักฐาน ก็อาจจะทำให้ได้รับเงินช่วยเหลือล่าช้า ยืนยันกระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาในทุกมิติ


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า วันนี้ (13 ต.ค.) จะมีการหารือกับเอกอัครราชฑูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จะมีการขอความเห็นใจ และขอความช่วยเหลือ เพราะเราไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เรามีการสูญเสียที่สูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลำเลียงศพ การช่วยเหลือตัวประกัน และการเจรจาให้อิสราเอลลำเลียงคนงานที่ต้องการจะกลับ ให้มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และถึงสนามบินโดยเร็วที่สุด รวมถึงการเปิดน่านฟ้าให้เครื่องบินของเราเข้าได้


เชื่อว่าความลำบาก และการสูญเสียจากเหตุความรุนแรง ทุกคนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และก็พยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและรวดเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็จะมีการเจรจาขอความช่วยเหลือจากสายการบินของอิสราเอล ที่บินออกมาจากนอกอิสราเอล ไปรับชาวอิสลามที่ประเทศต่างๆ ให้ช่วยรับคนไทยไปไว้ยังประเทศนั้นๆ เพื่อที่จะรอในการกลับประเทศ สิ่งที่ภาวนาก็คือไม่อยากให้สถานการณ์เลวร้ายไปจนถึงขั้นต้องปิดน่านฟ้า



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qqv0vJMi3Cs

คุณอาจสนใจ

Related News