สังคม
ญาติใจสลาย รู้ข่าวเศร้า 2 แรงงานไทย ถูกบึ้มดับคาไร่อิสราเอล แฉถูกนายจ้างบังคับให้ไปเก็บผลซูกินี
12 ต.ค. 2566
1.3K views
ญาติหัวใจสลาย รู้ข่าวเศร้า “ชาโด้-ก๋อม” 2 แรงงานไทย ถูกระเบิดเสียชีวิตในไร่อิสราเอล แฉถูกนายจ้างบังคับให้ไปเก็บผลซูกินี
เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.66) ครอบครัวของ “ชาโด้” หรือ นายศักดิ์สิทธิ์ โคตรมี อายุ 37 ปี ชาวบ้านดงแสนสุข หมู่ 3 ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้รับทราบข่าวร้ายว่า นายชาโด้ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง เนื่องจากระเบิดลงกลางไร่ซูกินีที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ห่างจากฉนวนกาซา ประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งนายชาโด้ ทำงานอยู่กับเพื่อนๆ แรงงาน
โดยมีคลิปขณะที่เพื่อนคนงานพยายามเข้าไปช่วย นายชาโด้ ที่ถูกระเบิดนอนแน่นิ่งพร้อมกับเพื่อนที่ชื่อ ก๋อม ชาวจังหวัดศรีสะเกษ และยังมีเพื่อนแรงงานอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเพื่อนคนงานถึงกับร้องด้วยความขวัญเสีย และพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ไม่ทันแล้ว เพราะนายชาโด้กับเพื่อนที่ชื่อก๋อมเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อนแรงงานที่รอดชีวิต บอกว่า เหตุเกิดเมื่อช่วง 4 โมงเย็น หรือตามเวลาในประเทศไทยประมาณ 2 ทุ่ม วันที่ 10 ต.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่รู้ว่าระเบิดลงมาทางไหน
แม่และพี่สาวของนายชาโด้ ที่ทราบข่าวร้าย พากันร้องไห้หัวใจแทบสลาย มีชาวบ้านและญาติๆ มาให้กำลังใจจำนวนมาก ขณะที่นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น จัดหางานจังหวัด,แรงงานจังหวัด,กาชาด อ.บ้านดุง เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและแจ้งสิทธิที่ทางรัฐจะช่วยเหลือให้ทางครอบครัวทราบ โดยเบื้องต้นทางรัฐบาลจะดำเนินการนำศพกลับมาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
น.ส.นุ้ย ภรรยานายชาโด้ ซึ่งอยู่ที่อิสราเอล วิดีโอคอลคุยกับผู้สื่อข่าว บอกว่า ตอนนี้พูดไม่ออก ขนาดศพสามียังไม่กล้าไปดู หัวใจแตกสลายแล้ว เพื่อนสามีส่งรูปมาให้ดูก็ไม่กล้าดู ขอทำใจก่อน น.ส.นุ้ย บอกว่า ก่อนเกิดเหตุนายจ้างให้คนงานกว่า 30 คนไปเก็บซูกินีในสวน ซึ่งปกติตนเองจะไปด้วย แต่ตนเองไม่สบาย สามีจึงไปกับเพื่อน ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิด ไม่คิดว่าคนที่โดนจะเป็นสามี ตอนนี้เสียใจมาก อยากให้ทางการนำศพสามีกลับบ้านด้วย
ส่วน น.ส.แป๋ว อายุ 39 ปี พี่สาวนายชาโด้ เล่าทั้งน้ำตาว่า รู้ข่าวจากคนในหมู่บ้านเดียวกันว่า น้องชายถูกระเบิดเสียชีวิต ตนเองที่อยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ ก็รีบกลับมาบ้านที่อุดรธานีทันที พอทราบข่าวก็เสียใจมาก ร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา ทั้งๆ ที่ก่อนน้องจะถูกระเบิดเสียชีวิต เขายังคุยกับแม่อยู่ เพราะแม่เป็นห่วง พอวางสายกับแม่ไม่ถึง 10 นาที ปรากฏว่าน้องที่รู้จักเขาโทรมาบอกว่า โด้ถูกระเบิดตายคาที่เลย
พี่สาวของชาโด้ บอกว่า ระหว่างที่มีเหตุความรุนแรง ชาโด้จะคุยกับพี่สาวตลอด แม้แต่ตอนที่หลบในป่า ก็จะวิดีโอคอลมาบอกพี่สาวว่า น้องมาหลบในป่านะ และชาโด้เป็นคนรักแม่มาก แต่ไม่ค่อยอยู่บ้านต้องไปทำงานต่างประเทศเพื่อหาเงินส่งมาให้แม่ เพราะครอบครัวเราฐานะไม่ดี ชาโด้ไปทำงานที่อิสราเอล 7 ปีแล้ว ส่งเงินมาให้แม่ทุกเดือน สร้างบ้านให้แม่ ซื้อรถและไปสร้างบ้านภรรยาที่ จ.บึงกาฬอีก
ชาโด้เคยบอกแม่ว่า แม่ไม่ต้องทำอะไร เขาจะดูแลแม่เอง แต่เมื่อรู้ข่าวแบบนี้ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย อยากให้วิญญาณน้องรับรู้ อยากจะบอกน้องว่า ไม่ต้องห่วงแม่แล้ว ขอให้ไปสู่สรวงสวรรค์ น้องเป็นคนกตัญญูรักแม่มาก ขอให้น้องอย่าห่วง พี่สาวจะดูแลแม่เอง รวมทั้งอยากจะให้ทางการเอาศพน้องชายกลับมาบ้าน เพื่อจะได้ให้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาน้องไม่เคยอยู่บ้านเลย ต้องไปทำงานตลอด
ส่วนนางบัวแพร แม่ของชาโด้ เปิดเผยว่า ลูกชายไปทำงานที่อิสราเอล 7 ปีแล้ว เป็นคนขยันมาก สาเหตุที่ตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศ เพราะอยากให้แม่สบาย เวลาเงินเดือนออก ก็จะส่งเงินมาให้แม่ ลูก และให้พ่อตาแม่ยายด้วย โด้ยังบอกกับแม่ว่า อยากจะให้แม่ช่วยจัดพิธีขึ้นบ้านใหม่ ที่บ้านในจังหวัดบึงกาฬ แต่ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้เสียก่อน
แม่ของชาโด้ บอกว่า ได้คุยกับลูกครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เวลาประมาณ 18.00 น. (ตามเวลาในไทย) คุยกันชั่วโมงกว่า ๆ ถามสารทุกข์สุขดิบลูกชาย เพราะแม่เห็นข่าวแล้วเป็นห่วงลูกยังบอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เป็นไรครับแม่ พอได้ยินลูกชายพูดแบบนั้นก็สบายใจ แต่หลังจากวางสายกับแม่ไม่ถึง 10 นาที เพื่อนของโด้ ก็โทรมาบอกว่า ชาโด้ถูกระเบิดตายแล้ว พอรู้ข่าวแม่ถึงกับหัวใจสลาย อยากจะตายแทนลูก เพราะสงสารลูกมาก แม้แต่ภาพของลูกแม่ก็ยังไม่กล้าดู ตอนนี้ขอเพียงให้ช่วยเหลือนำศพลูกกลับมาเมืองไทย เพื่อแม่จะได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากให้กลับมาแค่กระดูก และหากวิญญาณชาโด้รับรู้ได้ อยากจะบอกว่า ไม่ต้องห่วงแม่ ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะลูก ชาติหน้าเอาบุญมาเยอะๆ นะลูก เกิดชาติไหนก็ขอให้มาเกิดเป็นลูกแม่ทุกภพทุกชาติไป
ขณะที่นายภูชิต เพื่อนแรงงานไทยในอิสราเอล วีดีโอคอลกับนักข่าวว่า พวกตนทำงานในไร่ซูกินี ห่างจากฉนวนกาซ่าประมาณ 10 กม. ก่อนเกิดเหตุนายจ้างให้ไปเด็ดต้นซูกินีออก เพื่อเตรียมแปลงปลูกใหม่ นายจ้างไม่ได้พูดในเชิงบังคับ แต่บอกว่า ถ้าพวกคุณไม่ไปทำงาน ก็จะไม่ได้ทำงานที่นี่นะ แรงงานไทยกว่า 30 คน ก็เลยพากันไปไร่ซูกินี ทำงานได้ไม่นานปรากฎว่าระเบิดลงตรงพี่ชาโด้เลย ตนอยู่ห่างแค่ 10 เมตร วิ่งหนีหลบระเบิดกับเพื่อนๆ สักพักก็ชะเง้อไปดู ปรากฎว่าพี่ชาโด้ถูกระเบิดเสียชีวิตพร้อมเพื่อนรวม 2 ศพ บาดเจ็บอีก 1 คน ส่วนจะเป็นฝ่ายไหนโจมตียังไม่รู้ เพราะเป็นระเบิดจากท้องฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีคลิปที่เผยแพร่โทรทัศน์ ที่ทางการอิสราเอลยิงอาวุธจากโดรน เล็งไปที่เป้าหมายในพื้นที่โล่งกว้าง โดยในภาพจะเห็นกลุ่มคนประมาณ 4 คน จากนั้นก็มีเป้าเล็งไปที่กลุ่มคนภาคพื้นและมีระเบิดทันที โดยชาวบ้านเชื่อว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ชาโด้และแรงงานไทยเสียชีวิต
สำหรับแรงงานชาวอุดรธานี ที่ทำงานในอิสราเอล ขณะนี้ได้รับรายงานว่าเสียชีวิตแล้ว 8 ราย
แรงงานไทยอีกคนที่ถูกระเบิดเสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกันกับชาโด้ คือ ก๋อม หรือ นายพงษ์พัฒน์ อายุ 29 ปี ครอบครัวทราบข่าวแล้ว อยู่ในสภาพเศร้าเสียใจอย่างหนัก เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.66) มีเจ้าหน้าที่แพทย์-พยาบาล จากโรงพยาบาลกันทรลักษ์ พร้อมด้วย นพ.พิเชฏฐ์ จงเจริญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ และผู้นำชุมชน มาเยี่ยมให้กำลังใจ น.ส.วารุณี ดาวไสย อายุ 30 ปี ภรรยาของนายพงษ์พัฒน์ และนางไพรวรรณ สุชาติ อายุ 53 ปี แม่ของนายพงษ์พัฒน์ ที่อยู่ในสภาพเสียใจอย่างหนัก โดยมีครอบครัวญาติพี่น้องคอยปลอบใจให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด
น.ส.วารุณี ภรรยาของนายพงษ์พัฒน์ เล่าว่า ตนกับสามีไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน สามีเดินทางไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 ซึ่งสถานที่ทำงานอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิสราเอล ห่างจากจุดที่มีการสู้รบที่ฉนวนกาซ่า ประมาณ 10-20 กิโลเมตร
มีแรงงานไทยทำงานด้วยกันประมาณ 60 คน จนวันที่ 10 ต.ค.66 นายสุรัตน์ สุชาติ อายุ 34 ปี พี่ชายของสามี วิดีคอลล์มาแจ้งพี่สะใภ้ว่า ก๋อม โดนระเบิดตกใส่ เสียชีวิต พอตนรู้ข่าวก็ตกใจและเสียใจมาก เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว ตอนนี้ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร เพราะศพสามีอยู่ไกลถึงอิสราเอล อยากวอนขอให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือนำศพของสามีกลับมาบ้านที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษด้วย
ขณะที่นายสุรัตน์ พี่ชายของนายพงษ์พัฒน์ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. ตนกับน้องชายและเพื่อนแรงงานชาวไทย กำลังทำงานในสวนกันตามปกติ ขณะนั้นตนกำลังวีดีโอคอลคุยกับภรรยาของตนที่ประเทศไทย เพื่อเล่าสถานการณ์ความเป็นอยู่ แต่ทันใดนั้น มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น 2 ครั้ง และไม่ถึง 5 วินาที ก็เห็นลูกระเบิดตกลงมาใส่น้องชายและเพื่อนคนงานอีกคน ที่ยืนอยู่ห่างจากตนประมาณ 20 เมตร น้องชายถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำคอ เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา และยังมีเพื่อนคนงานอีกคน (ชาโด้ ที่อุดร) ถูกสะเก็ดระเบิดที่เข้าที่หลัง เสียชีวิตเช่นกัน ตอนนี้ทหารอิสราเอล ได้นำศพของทั้งสองคนไปเก็บไว้แล้ว
นายสุรัตน์ ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้พวกตนรวม 60 คน ไม่กล้าที่จะออกไปทำงาน และนายจ้างก็ไม่ได้เข้ามาหาพวกตนเลย จึงอยากขอวอนให้นายกรัฐมนตรี โปรดช่วยนำศพของก๋อม กลับไปบ้านที่ศรีสะเกษด้วย ส่วนตนเมื่อเคลียร์เรื่องของน้องชายเสร็จแล้ว ก็จะขอเดินทางกลับประเทศไทยทันที และจะไม่กลับมาทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.66 ) นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์, เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาเยี่ยมปลอบใจ น.ส.วารุณี ภรรยาของนายพงษ์พัฒน์ รวมทั้งให้กำลังใจนายไสว อายุ 54 ปี และนางไพรวรรณ อายุ 53 ปี พ่อแม่ของนายพงษ์พัฒน์ แรงงานไทยที่เสียชีวิต โดยผู้ว่าฯ เข้าไปยกมือไหว้และโอบกอดปลอบใจนายไสว ที่ต้องสูญเสียลูกชาย จากนั้นผู้ว่าฯ นำเชือกฝ้ายผูกแขนครอบครัวของนายพงษ์พัฒน์ เพื่อเป็นการปลอบขวัญกำลังใจ ก่อนจะวีดีโอคอลพูดคุยสอบถามเหตุการณ์กับนายสุรัตน์ พี่ชายของนายพงษ์พัฒน์ ที่ยังอยู่ในอิสราเอล
นายไสว พ่อของนายพงษ์พัฒน์ หรือ ก๋อม เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนรู้ว่าลูกชายคนเล็กเสียชีวิตตอน 1 ทุ่มคืนวันที่ 10 ต.ค. โดยลูกชายคนโตโทรมาบอก แต่เสียงก็ขาดๆ สัญญานไม่ค่อยดี ได้ยินเพียงคำสุดท้ายว่าตายแล้ว ตอนนั้นพ่อไปใส่เบ็ดปลาที่ทุ่งนา สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยชัด แต่ที่ชัดมากคือคำว่า “ไอ้ก๋อมตายแล้วพ่อ” พ่อพูดอะไรไม่ออก หัวเข่าทรุดลงกับพื้นนา เดินกลับมาแทบไม่ได้ ดีที่มีเพื่อนบ้านมาพยุงช่วยออกมา ตนเองมีลูกเพียง 2 คน เป็นลูกชายทั้งคู่ คนที่ตายเป็นคนเล็ก พ่อก็บอกตลอดว่าหากอยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรานะลูก ลูกทั้งสองก็บอกว่าอยู่ได้ๆ ถ้าเขายิงกันหนักอยู่ไม่ไหวก็กลับนะลูก ลูกทั้ง 2 คนของตนเอง เพิ่งไปทำงานครั้งแรก ไปได้ 3 ปีเศษ ก่อนหน้านี้ได้พักร้อนกลับมาบ้านช่วงสงกรานต์ ตอนนี้พ่ออยากได้ศพลูกกลับมาที่บ้าน อยากเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/aG5b6-zxjNA
แท็กที่เกี่ยวข้อง อิสราเอล ,แรงงานไทยในอิสราเอล ,เสียชีวิต ,ฉนวนกาซา ,แรงงานไทย ,ปาเลสไตน์