สังคม

โจรแสบในคราบลูกค้า ทำทีซื้อของ ก่อนเตะก้านคอแม่ค้า กระชากสร้อยทอง หนีลอยนวล

โดย thichaphat_d

22 ก.ย. 2566

166 views

ขอนแก่น วงจรปิดจับภาพโจรในคราบลูกค้า ทำทีมาซื้อของ วนวนเวียน 3 รอบ สุดท้ายเตะก้านคอแม่ค้าหวังให้สลบ แม่ค้าตั้งสติฮึดสู้ ถูกกระชากสร้อยคอทองคำออกจากคอ ขึ้นรถกระบะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไปอย่างลอยนวล โดยแม่ค้าพยายามวิ่งตามคว้าได้เพียงแว่นตาและพาวเวอร์แบงค์ในรถ

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพจังหวะที่คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ตัวใหญ่ สูงประมาณ 175 เซนติเมตร เข้ามาก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านร้านขายของชำ โดยเตะก้านคอเจ้าของร้านหวังจะให้สลบ แต่เจ้าของร้านฮึดสู้จนถูกทำร้ายซ้ำแล้วฉกเอาสร้อยคอทองคำที่เจ้าของร้านสวมใส่คอน้ำหนัก 1 บาทหลบหนีขึ้นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีออกจากหน้าร้านไปยังลอยนวล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

วานนี้ (21 ก.ย.) พ.ต.ท.สลาวุฒิ จันทศิลา รอฃ ผกก.ป.สภ.พล พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกัน สภ.พล ลงพื้นที่พบกับนางณิชา ตุ่นป่า อายุ 56 ปี ภายหลังเดินทางกลับจากโรงพยาบาล ทันทีที่แพทย์ที่ทำการรักษาอนุญาตให้กลับมาบ้านเพื่อดูอาการจากการถูกทำร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยตำรวจเน้นย้ำในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามเบาะแสของผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่าอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 175 เซนติเมตร รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายมิดชิด ปกปิดคลุมเหลือแต่ดวงตา เสื้อผ้ามีสกรีนชื่อบริษัทซึ่งลักษณะเหมือนเสื้อที่ทางโรงงานแจก

ทางผู้บาดเจ็บเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนเองขายของอยู่คนเดียวตามปกติ โดยลูกสาวไปทำงานยังไม่กลับ ก่อนเกิดเหตุช่วง 11.00 น. คนร้ายรายนี้ได้มาซื้อน้ำดื่ม 1 ขวด จ่ายเงินตามปกติแล้วกลับไป โดยแต่งกายเสื้อสีเทา-ขาว

ผ่านไปช่วงบ่ายโมงเศษ คนร้ายรายเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง โดยไปหยิบนมเปรี้ยวที่ร้านซึ่งเดินไปหยิบเปิดตู้แช่เอง พร้อมกับจ่ายเงินมาให้ 8 บาท แต่นมเปรี้ยวยี่ห้อที่คนหยิบมานั้น ขึ้นราคาแล้วเป็น 9 บาท จึงถามอีกยี่ห้อหนึ่งให้ ซึ่งคนร้ายก็ตกลงเปลี่ยน ก่อนจะออกไปยืนกินอยู่หน้าร้านจนหมดขวด แต่ก็ไม่ได้เอะใจว่าคนร้ายจะดูลาดเลาร้านหรือเปล่า ก่อนจะกลับมาในร้านแล้วถามซื้อเอ็ม 150 โดยบอกว่าเหลือแต่แบงค์ 10 บาท จะขอฝากเป็นประกันไว้ก่อน แล้วจะกลับมาจ่ายทีหลัง แล้วเอาแบงค์ 10 คืนพรุ่งนี้ ตนเองก็เห็นว่าเป็นลูกค้าคนหนึ่ง จึงตกลงก่อนที่คนร้ายรายนี้จะออกจากร้านไป

กระทั่งรอบที่ 3 รอบสุดท้ายที่คนร้ายเข้ามาโดยขับกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดปิดประตูร้านเอาไว้ จังหวะนั้นตนเองตกใจก็มองดูแต่เห็นชายรายเดิมลงจากรถมา โดยเปลี่ยนชุด โดยข้างหลังเขียนว่า ป.ณัฐพล ซึ่งเป็นชื่อ โรงสีชื่อดังในตัว อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น จึงบอกว่าอ้าว ก่อนที่คนร้ายจะยื่นเงินแบงค์ 100 มาให้

จังหวะนั้นตนเองเข้าใจว่าจะมาแลกธนบัตรแบงค์ 10 บาทคืนไป พร้อมทั้งกลับบอกว่าเอาไอศกรีมหนึ่งอย่างราคา 25 บาท บวกกับเครื่องดื่มชูกำลังราคา 12 บาท เป็น 37 บาท จังหวะที่ตนเปิดเก๊ะเงิน เพื่อนับเงินทอนให้คนร้ายนั้น ถูกเตะเข้าที่ก้านคออย่างจัง เป็นจังหวะที่หันมาและเห็นคนร้ายกำลังง้างมาพอดี จังหวะนั้นตนพยายามตั้งสติ และพยายามต่อสู้ ทำให้คนร้ายเข้ามาทำร้ายซ้ำและกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาทที่สวมใส่ที่คอวิ่งหลบหนีขึ้นรถกระบะ ที่จอดปิดทางเข้าบ้านโดยอ้อมไปทางด้านหลังรถ

ตนเองรีบตั้งสติแล้ววิ่งตามไปเปิดประตู พร้อมกับตะโกนให้คนช่วย และพยายามหาสิ่งของที่คิดว่าจะเป็นหลักฐาน จึงคว้าได้แว่นตาและพาวเวอร์แบงค์ที่อยู่ในรถข้างคนขับ ทีแรกคิดว่าเป็นโทรศัพท์จึงหยุดชะงัก เพราะคิดว่ามีหลักฐานแล้วแต่พอมองดูไม่ใช่โทรศัพท์กลับเป็นพาวเวอร์แบงค์ จึงรีบมองหาสิ่งของอื่นและเห็นกระเป๋าวางอยู่ข้างเบาะนั่งคนร้าย ซึ่งกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบคนร้ายก็รีบเร่งเครื่องรถหลบหนีออกไปทันที

หลังเกิดเหตุชาวบ้านและผู้นำชุมชน ได้แจ้งทางตำรวจและทางอำเภอช่วยกันออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจพร้อมกับกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ตอนนี้ยอมรับว่าขวัญเสียและผวา เวลามีลูกค้าที่แต่งกายปกปิดมิดชิดเรายังตกใจ พอมาเจอเหตุการณ์กับตัวเองก็ยิ่งตกใจไปอีก ที่ผ่านมาแม้แต่คนขายสลากสวมแว่นดำสวมหมวกแต่งกายมิดชิดเข้ามาขายตนเองก็ยังกลัวยังหลีกเลี่ยงที่จะซื้อก็ปฏิเสธไปตลอด ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านพันตำรวจเอกพีระฉัตร สาขา ผกก.สภ.พล เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน เร่งหาเบาะแสรวบรวมพยานหลักฐาน ตามล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างผอมตัวใหญ่ ตอนเกิดเหตุสวมเสื้อแจกของโรงงานซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมด

ซึ่งคาดว่า จะทราบตัวผู้ก่อเหตุได้เร็วเร็วนี้ โดยทางตำรวจเองไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม เข้มงวดในการตรวจตรา โดยทางตำรวจเองจะมีสายตรวจตำรวจประจำอยู่ตำบลละหนึ่งนาย ก็จะมีการเข้มงวดในเรื่องการตรวจตรามากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามในระดับหนึ่ง

ด้านนางสุฅนธ์ ทุมพัง ผู้ใหญ่บ้านบ้านเพ็กใหญ่พัฒนา หมู่11 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุช่วง 4 โมงเย็น ทางฝ่ายปกครองร่วมกับทางตำรวจได้ออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย โดยไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบรถยนต์ต้องสงสัยของผู้ก่อเหตุ เป็นรถยนต์กระบะแคป สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร คาดว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ยังมีภาพจากกล้องหน้ารถซึ่งขับผ่านมาพอดีและจอดดูเหตุการณ์

โดยคนขับรถบอกว่า ขณะขับรถจะผ่านหน้าหน้าร้านดังกล่าว พบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ มีเสียงดังแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงคนหยอกเด็ก ก่อนจะเห็นเหตุการณ์ในช่วงที่คนร้ายวิ่งขึ้นรถโดยมีผู้บาดเจ็บวิ่งตามไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่คนขับจะรีบเร่งเครื่องยนต์ขับหนีไป ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็ได้ประกาศเสียงตามสายประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนระมัดระวัง โดยเฉพาะคนเท่าคนแก่และคนที่อยู่ลำพังไม่ว่าจะตามบ้านเรือนหรือร้านค้า เพราะแม้แต่วัยรุ่นวัยกลางคนก็สามารถถูกทำร้ายได้หมดเพราะไม่รู้ว่าใครมาดีหรือมาร้ายก็ขอให้ระมัดระวัง ในส่วนของตนเองในฐานะผู้นำชุมชนก็จะมีการสอดส่องดูแลลูกบ้านอย่างเข้มงวดขึ้นอีกทางเพื่อเป็นหูเป็นตาป้องกันเหตุในเบื้องต้นด้วย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/4ldTdeAE9ck


คุณอาจสนใจ

Related News