สังคม

เร่งแก้ไขด่วน เหตุน้ำมันจากท่อจ่ายไทยออยล์ รั่วลงทะเลชลบุรี ระยะทางกว่า 5 กม.

โดย petchpawee_k

5 ก.ย. 2566

171 views

พบท่อจ่ายน้ำมันดิบรั่ว ทำให้น้ำมันไหลลงทะเลชลบุรี ระยะทางกว่า 5 กม. ขณะที่กรมทะเลชายฝั่ง” เร่งจัดการ “น้ำมันดิบรั่ว” บริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล่าสุดไม่พบคราบน้ำมันแล้ว ด้านผู้ว่าฯชลบุรี เร่งแก้คราบน้ำมันดิบ 


 เมื่อวานนี้ (วันที่ 4 ก.ย.)  เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 3 ก.ย. เกิดเหตุ ท่อรับส่งน้ำมันดิบ ของไทยออยล์ แตกรั่ว จนทำให้น้ำมันดิบไหลลงทะเล เบื้องต้นยังไม่ทราบปริมาณที่รั่วไหลลงทะเล โดยบมจ.ไทยออยล์ ร่วมกับ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาชลบุรี ได้ดำเนินการปิดล้อมและฉีดพ่นสารเคมีจุดเกิดเหตุ และในช่วงเช้าได้มีการนำโดรนขึ้นบินสำรวจ พบว่าขนาดความกว้างของน้ำมันดิบที่รั่วไหลลงทะเล มีระยะทางประมาณ 5 กม.และทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ


โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5.5 ไมล์ ห่างจากเกาะล้านไปทางทิศใต้ ประมาณ 8 ไมล์ และห่างจากหาดพัทยาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 10 ไมล์



สำหรับเรือที่เข้าร่วมปฏิบัติการ ครั้งนี้ประกอบด้วย 1 .Sriracha 30 / 2. Sriracha Offshore 882 / 3. Kusonrak 1 / 4. JC Marine 19 / 5. JC Marine 49 / 6. รัตนพร 23 / 7. รัตนพร 24 / 8. OSR 1 / 9. Sriracha 8 / 10. Sriracha 24 / 11. Blue Sea Marine / 12. ธยันชนก และทีมเจ้าท่า คือ เรือยนต์ตรวจการณ์เจ้าท่า 804 เรือชลธารานุรักษ์


 ต่อมาบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที



โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว



บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป



ด้านนายธวัชชัย สีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด เผยหลังจาก ลงเรือไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวจากหลายหน่วยนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยขึ้นฝั่งมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ว่า การลงจุดเกิดเหตุตรวจสอบว่าน้ำมันรั่วไปในทิศทางใดและปริมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้วางแผนในการแก้ไขขจัดคราบน้ำมัน โดยพบว่าท่อส่งบนผิวน้ำระเบิดและแตกออก ประมาณ 5 เมตร ซึ่งระบบวาล์ว สามารถตัดภายในเวลา 5 นาที ซึ่งทำให้น้ำมันไหลลงทะเลเพียง 4-6 หมื่นลิตร จากความจุของเรือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก



ซึ่งบริษัท ไทยออยด์ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหา ล้อมบูมน้ำมันที่รั่วไหล และมีการใช้สารเคมีเพื่อคุมการกระจายของน้ำมัน แต่เนื่องจากเป็นเวลาคืน ทำให้ไม่อาจประเมินพื้นที่ในการปฏิบัติการล้อมบูมครอบคลุมน้ำมันที่รั่วไหลออกมาได้ทั้งหมด



โดยเมื่อช่วง ทางจังหวัดชลบุรีได้บูรณาการร่วมกับเรือตรวจการณ์ของกรมเจ้าท่า และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) พบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ๆ จากจุดเกิดเหตุไปทางเกาะสีชัง ประมาณ 2 ไมล์ทะเล (3.6 กิโลเมตร) กระแสน้ำพัดไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกันลมพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไหลและพัดออกจากเกาะสีชัง



 แต่วันนี้กระแสลมแรง ทำให้คราบน้ำมันไปกระจายเร็ว ซึ่งคณะทำได้เร่งขจัดคราบน้ำ โดยใช้วิธีตัดคราบน้ำเป็นช่วง ๆ ซึ่งล่าสุดสามารถขจัดคราบน้ำได้แล้วประมาณ 80% ส่วนที่เหลือประมาณ 20 % ได้กระจายไปท้ายเกาะสีชังบางๆ และอาจไปถึงบางแสนเล็กน้อยตามทิศทางลม เนื่องจากวันนี้กระแสลงแรง ส่วนที่หาดพัทยาคราบน้ำมันไปไม่ถึงแน่นอน สำหรับคราบน้ำมันที่เห็นในวันนี้เป็นก้อนเก่าตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ วันนี้ไม่มีการรั่วไหลเพิ่มแต่อย่างใด



นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ จากการประเมินของกรมทรัพยากรมลพิษ คาดการณ์ว่า ประมาณ 23.00 น. คืนนี้ จะมีคราบน้ำมัน เข้าที่ตอนใต้ของเกาะค้างคาว ก่อนที่ช่วงเย็นของวันที่ 7 ก.ย. คราบน้ำมันจะเข้าที่ชายทะเลอ่าวอุดม และเวลา 12.00 น. ของวันที่ 8 ก.ย. จะเคลื่อนเข้าที่เกาะลอย อำเภอศรีราชา และวันที่ 10 ก.ย. เวลาประมาณ 15.00 น. คราบน้ำมันจะกระจายตัวถูกพัดเข้าหาฝั่งชายหาดบางแสนไปจนถึงอ่าวอุดม เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร



โดยสำหรับขั้นตอนการเก็บกู้คราบน้ำมัน ตามแผนอุบัติภัยพบว่า ระดับที่ 2 (Tier II) รั่วไหลมากกว่า 20-1,000 ลิตร การขจัดคราบน้ำมันต้องร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ


ขณะที่นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมัน ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งบริษัทฯ ได้ร่วมกับกรมเจ้าท่าฉีดพ่นสารเคมีเพื่อขจัดคราบน้ำมันให้ย่อยสลายบริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว


สถานการณ์ปัจจุบัน บริเวณจุดเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันได้ทั้งหมดแล้ว อีกทั้งได้มีการบินพารามอเตอร์ เพื่อสำรวจบริเวณใกล้เคียง โดยไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด


ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ลงพื้นเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำบริเวณที่เกิดเหตุไปตรวจสอบคุณภาพน้ำ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเล


เนื่องจากหากมีคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และปิดกั้นการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืช สาหร่าย และพืชน้ำต่างๆ เปลี่ยนแปลงสภาวะการย่อยสลายของแบคทีเรียในน้ำ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำทะเลที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น

------------------------------

ขณะที่ในช่วงสายวานนี้ บริษัทไทยออยล์ ได้ชี้แจงว่า ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน


โดยได้รับการรายงานว่าวันนี้ทั้งวัน เจ้าหน้าที่ได้ทำเร่งขจัดคราบน้ำมัน โดยล้อมบูมระยะห่างจากทุ่น 400 เมตร และ จัดเรือเฝ้าระวังบริเวณที่เกิดเหตุ ทำการตรวจสอบทุก 30 นาที ยังไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม


นายธวัชชัย สีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด เผยหลังจาก ลงเรือไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวจากหลายหน่วยนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยขึ้นฝั่งมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ว่า การลงจุดเกิดเหตุตรวจสอบว่าน้ำมันรั่วไปในทิศทางใดและปริมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้วางแผนในการแก้ไขขจัดคราบน้ำมัน โดยพบว่าท่อส่งบนผิวน้ำระเบิดและแตกออก ประมาณ 5 เมตร ซึ่งระบบวาล์ว สามารถตัดภายในเวลา 5 นาที ซึ่งทำให้น้ำมันไหลลงทะเลเพียง 4 - 6 หมื่นลิตร จากความจุของเรือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก


แต่วันนี้กระแสลมแรง ทำให้คราบน้ำมันไปกระจายเร็ว ซึ่งคณะทำได้เร่งขจัดคราบน้ำ โดยใช้วิธีตัดคราบน้ำเป็นช่วง ๆ ซึ่งล่าสุดสามารถขจัดคราบน้ำได้แล้วประมาณ 80 % ส่วนที่เหลือประมาณ 20 % ได้กระจายไปท้ายเกาะสีชังบางๆ และและอาจไปถึงบางแสนเล็กน้อยตามทิศทางลม เนื่องจากวันนี้กระแสลงแรง ส่วนที่หาดพัทยาคราบน้ำมันไปไม่ถึงแน่นอน สำหรับคราบน้ำมันที่เห็นในวันนี้เป็นก้อนเก่าตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ วันนี้ไม่มีการรั่วไหลเพิ่มแต่อย่างใด


สำหรับหรับแผนการจัดเก็บคราบน้ำมันที่เหลือและอาจขึ้นฝั่ง ทางคณะทำงานได้มีการวางกำลังจากกองทัพเรือ ประมาณ 100 -200 นาย ไปเฝ้าระวังหากพบก็จะดำเนินการจัดเก็บทันที ตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ เบื้องต้นขอให้พี่น้องประชาชนทั่วไปไม่ต้องวิตกกังวลมากนัก เพื่อคราบน้ำมันที่รั่วไม่มากนัก และสามารถขจัดคราบน้ำน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้นหลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องมาหารือกัน


โดยนำบทเรียนจากระยอง ว่าสุดท้ายแล้วชาวประมงได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน อาหารทะเลมีผลกระทบหรือไม่อย่างไร ซึ่งขณะนี้สาธารณสุขก็ได้ออกมาเตือนแล้วให้ระมัดระวังส่วนสารเคมีที่ใช้ในการขจัดคราบน้ำมันก็เป็นสารที่ใช้โดยทั่วไปและได้รับอนุมัติจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และสุดท้ายก็ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ส่วนเรื่องของคดีความ กรมเจ้าท่าคงแจ้งความดำเนินกับไทยออยล์ ทั้งนี้ได้รับการยืนยันว่า ไทยออยล์พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียงหายหมดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/oYslSBfO6bs

คุณอาจสนใจ

Related News