เคียงข้างกันจนวินาทีสุดท้าย คุณยายเสียชีวิตด้วยโรคชราก่อน คุณตาจะสิ้นใจตาม ลูกหลานเชื่อเคียงคู่กันบนสวรรค์

เปิดภาพสุดประทับใจ ก่อนคุณยายเสียชีวิต คุณตาจับมือแน่นดูแลไม่ห่างทั้งสองมองตา หลังจากนั้นอีก 6 วัน คุณตาเสียชีวิตตาม ขณะนั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมศพคุณยายคืนที่ 7 โดยกำหนดพระราชทานเพลิงศพพร้อมกันเย็นวันนี้

จากกรณีคุณยายปราณี หรือ “ยายปราณี” อายุ 79 ปี เสียชีวิตโดยโรคชราเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2566 ลูกหลานนำศพตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั้งในคืนวันที่ 18 ก.ค. 2566 ซึ่งเป็นคืนที่ 7 ของการสวดพระอภิธรรมศพคุณยายปราณรี โดยมีนายสวัสดิ์ หรือ “คุณตาซ่วน” อายุ 85 ปี สามีของคุณยายปราณี นั่งวีลแชร์ฟังพระภิกษุสงฆ์สวดพระอภิธรรมศพคุณยาย ปราณี ภรรยาสุดที่รักและได้เสียชีวิตตามไปอย่างสงบ ท่ามกลางเศร้าโศกเสียใจของลูกหลานและเพื่อนบ้าน ซึ่งพากันยกย่องชื่นชมในความรักแท้ของคุณตาและคุณยาย นับเป็นตัวอย่างให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี ใน ขณะที่บรรดาลูกหลานและเพื่อนบ้านคอหวยพากันส่องเลข 85 และ 79 ซึ่งเป็นอายุของคุณตาซ่วน คุณยายปราณี

(20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรดาลูกหลานได้มีการปรึกษาหารือกันถึงการพระราชทานเพลิงศพ คุณตาซ่วน และคุณยายปราณี ซึ่งก่อนที่คุณตาซ่วน ยังไม่เสียชีวิต ลูกหลานได้กำหนดพระราชทานเพลิงศพคุณยายปราณี ในวันที่ 20 ก.ค. 2566 ณ. ฌาปนสถานวัดเพชรจริก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อคุณตาซ่วน มาเสียชีวิตตามคุณยายปราณีไปเช่นนี้ จะฌาปนกิจหรือพระราชทานเพลิงศพคุณตาซ่วน พร้อมคุณยายปราณีหรือไม่ ในที่สุดก็ตกลงกันว่าแม้จะตั้งศพสวดพำเพ็ญกุศลคุณตาซ่วนเพียง 1 คืน แต่การที่คุณตาซ่วนมา เสียชีวิตตามคุณยายปราณี ไปในขณะที่นั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมศพคุณยายปราณีนั้นเชื่อว่าคุณตา คุณยายมีศีลเสมอกันไม่ต้องการพรากจากกันและมีความประสงค์ที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปในทุกชาติภพ จึงกำหนดพระราชทานเพลิงศพคุณตาซ่วนและคุณยายปราณีพร้อมกันที่ฌาปนสถานวัดเพชรจริก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชในวันที่ 20 ก.ค. 2566 ทั้งนี้เพื่อให้ดวงจิตวิญญาณของทั้งสองได้พบและควงคู่กันไปสู่สรวงสวรรค์พร้อม ๆ กันตามความประสงค์ของคุณตาซ่วนและคุณยายปราณี

สำหรับการสวดพระอภิธรรมศพคุณตาซ่วน คุณยายปราณี ในคืนที่ผ่านมา (19 ก.ค.) เป็นสุดท้ายโดยโดยมีนางนวลนุช อายุ 61 ปีบุตรสาวคนโตของคุณตาซ่วน คุณยายปราณี พร้อมลูกๆ หลาน ๆ คอยต้อนรับแขกเหรื่อมาร่วมในพิธีจำนวนมากเป็นพิเศษ และได้นิมนต์พระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะภาค 16 (ธรรมยุติ) มาแสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ ซึ่งหลังจากพระธรรมเทศนาและสวดพระอภิธรรมแล้วเสร็จนางนวลนุช บุตรสาว ได้มอบภาพกับผู้สื่อข่าวแจกแขกเหรื่อที่มาร่วมในพิธีฯเป็นที่ระลึก โดยเป็นภาพถ่ายของคุณตาซ่วน คุณยายปราณี ในช่วงที่เจ็บป่วย

โดยคุณตาซ่วน ล้มป่วยด้วยโรคชราก่อน จนต้องนั่งรถวีลแชร์ซึ่งคุณยายปราณี ในขณะนั้นยังไม่ล้มป่วยได้ดูแลปรนนิบัติอย่างใกล้ชิกด้วยความรักความผูกพันธ์ จนเวลาผ่านไปคุณยายปราณี เกิดล้มป่วย และมีอาการรุนแรงกว่าคุณตาซ่วน จนลูกหลานต้องนำเขารักษาตัวที่ รพ.มหาราช นาน 2 เดือนเมื่อนำกลับไปพักฟื้นที่บ้าน คุณตาซ่วนจะให้ลูกหลานเข็ญรถวีลแชร์ไปดูแลให้กำลังใจคุณยายปราณี อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องและทั้งสองมองตากันพร้อมจับมือกันแน่นให้กำลังใจซึ่งกันและกันบ่งบอกถึงความรัก ความผูกพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยบางคนเห็นภาพดังกล่าวถึงกับน้ำไหลด้วยความประทับใจตื้นตันตันใจในความรักแท้ของทั้งสองที่ยังมีอยู่จริงในสังคมยุคปัจจุบัน

นางนวลนุช กล่าวว่า คุณพ่อกับคุณแม่ครองรักกันมายาวนานถึง 62 ปีมีลูก ๆ จำนวน 8 คนคุณพ่อเป็นคนไม่เที่ยวเตร่ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ขยันทำงานหาเงินส่งเสียลูก ๆ ทั้ง 8 คนให้ได้เล่าเรียนศึกษาจนจบและเข้ารับราชการทุกคน ในขณะที่คุณแม่ก็เป็นแม่บ้านที่ดี และทั้งสองชอบช่วยเหลือสังคมส่วนรวม มาตลอดเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ หลาน ๆ สำหรับความรักที่ทั้งสองมีต่อกันนั้นปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมตลอดมาเท่าที่ตนจำความได้ทั้งสองไม่เคยจากกันเลย

ตั้งแต่ช่วงแรกที่คุณพ่อล้มป่วย คุณแม่จะเฝ้าปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิดด จนช่วงที่คุณแม่ล้มป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่อเนื่องประมาณ 2 เดือนถือเป็นช่วงที่ทั้งสองห่างจากกันนานที่สุดในชีวิต และเมื่อคุณแม่ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านคุณพ่อก็จะคอยเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด แม้แต่ความตายก็ไม่อาจจะพรากพ่อกับแม่ให้แยกจากกันได้ เชื่อว่าดวงจิตวิญญาณคุณพ่อ คุณแม่คงได้พบกันแล้วและจะควงคู่ไปด้วยกันสู่สวรรค์ชั้นฟ้าอย่างแน่นอน ตนและลูกทั้ง 8 พร้อมหลาน ๆ สัญญาว่าจะตั้งตนเป็นคนดีในสังคมนี้ตลอดไป

ในขณะที่ประทีป อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บานหมู่ 1 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนและชาวบ้านยอมรับในความรักแท้ของคุณตา คุณยาย และความรักที่มีต่อเพื่อนบ้านต่อสังคม รวมทั้งบรรดาลูกหลานของตระกูลนี้ ครอบครัวนี้ก็มุ่งช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด พูดได้ว่าเป็นครอบครัวหรือตระกูลตัวอย่างก็ว่าได้ แม้ว่าการจากไปของทั้งสองท่านสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้ลูกหลานและเพื่อนบ้าน แต่สิ่งไกด้ทิ้งสิ่งที่น่าประทับใจคือเรื่องความรักของทั้งสองที่ความตายก็ไม่อาจจะพรากคุณตา คุณยายจากกันได้