สังคม

กระเป๋ารภเมล์สาย 57 ถูกล้วงกระเป๋า

โดย onjira_n

19 มิ.ย. 2566

612 views

จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part6 ลงกรณีที่พนักงานเก็บค่าโดยสารรถเมล์สาย 57 ถูกผู้โดยสารล้วงกระเป๋าส่วนตัวบนรถเมล์สายดังกล่าว สูญเงินมูลค่ากว่า 1,000 บาท เอกสารสำคัญทางราชการ และโทรศัพท์มือถือ เหตุกาณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 13:49


ซึ่งจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า ผู้ก่อเหตุนั่งอยู่บริเวณเบาะหน้าสุดของรถ โดยด้านหลังเบาะดังกล่าวมีกระเป๋าของพนักงานเก็บค่าโดยสารวางอยู่ สังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุทำทีนั่งพิงเบาะหลังพิงกระจกหันหน้าเอียงไปทางฝั่งคนขับรถเมล์ วางแขนข้างซ้ายในลักษณะพาดเบาะ แล้วจากนั้นก็ค่อย ๆ ล้วงมือซ้ายลงไปหยิบทรัพย์สินในกระเป๋าของพนักงานเก็บค่าโดยสาร แล้วหยิบทรัพย์สินมาใส่ในถุงย่ามของตนเอง ก่อนจะทำทีเป็นหยิบยาดมมาดม พอถึงที่หมาย ก็รีบลงจากรถไปทางประตูหลังรถตามภาพนิ่งที่ปรากฏออกมา


ทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางขึ้นรถเมล์ไปพบกับ น.ส.ชลาลัย อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานเก็บค่าโดยบนรถเมล์สาย 57 ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่  โดยผู้เสียหายระบุว่า ในวันนั้น ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นมาจากป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามโลตัสปิ่นเกล้า ระบุเป้าหมายว่าจะเดินทางไปยังบิ๊กซีบ้านแขก โดยที่ตนได้วางกระเป๋าเป้พร้อมเสียบชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือเอาไว้ด้านหลังเบาะที่ผู้ก่อเหตุนั่ง และก็ไม่ได้สังเกตกระเป๋าของตนเอง จนกระทั่งกลับมาที่อู่รถก็พบว่าโทรศัพท์ตัวตนเองถูกขโมยหายไปแล้ว



เมื่อไล่กล้องวงจรปิดภายในรถดู ปรากฏว่า ช่วงที่รถขับมาถึงบริเวณวัดระฆัง คนร้ายมีท่าทีวางแขนซ้ายพาดเบาะแล้วค่อย ๆ ขยับ มือลงไปล้วงกระเป๋าประมาณ 2-3 ครั้ง จนครั้งสุดท้ายก็สามารถหยิบโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์จอยู่ออกมาได้ แล้วรีบเก็บโทรศัพท์เข้าไปในถุงย่าม แล้วทำทีหยิบยาดมขึ้นมาดม ตอนนั้นตนกำลังปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารอยู่ท้ายรถ แต่ก็สังเกตเห็นว่าคนร้ายมีท่าทีหันมามองตนหลายครั้ง อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอถึงบิ๊กซีบ้านแขก ก็เดินลงไปที่ประตูหลังรถ ซึ่งในระหว่างที่คนร้ายกำลังลงมือนั้น ได้หันมาดูที่กล้องวงจรปิดเป็นระยะ ๆ ซึ่งคาดว่าคนร้ายคงคิดว่ากล้องวงจรปิดใช้การไม่ได้ โดยทรัพย์สินที่หายไปนั้นคือโทรศัพท์  มูลค่าประมาณ 4,990 บาท โดยเคสของโทรศัพท์ดังกล่าว ได้เก็บเงินจำนวน 1,000 บาทพร้อมบัตรใบขับขี่บัตร ATM เอาไว้ ซึ่งสูญหายไปทั้งหมด รวมความเสียหายมากกว่า 5,000 บาท



หลังจากที่ทราบเหตุการณ์ ตนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ซึ่งได้รับแจ้งมาว่า ภายในสัปดาห์นี้จะสามารถทราบเบาะแสของคนร้ายได้



น.ส.ชลาลัย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือต่อมาว่า ตนทำงานเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารมาว่า 20 ปี ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นี้เป็นครั้งแรกที่ตนถูกล้วงกระเป๋า รู้สึกท้อใจอย่างมากและเสียขวัญกำลังใจในการทำงานอย่างยิ่ง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตน ที่ผ่านมาตนทำงานบริการดูแลผู้โดยสารด้วยใจเต็มร้อยและช่วยดูแลทรัพย์สินของผู้โดยสารอย่างดี  แต่ไม่นึกว่าจะมีผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อเหตุกับตน  จึงอยากฝากเตือนเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัยแก่เพื่อนร่วมงานและผู้โดยสารว่าอย่าประมาท เก็บรักษาทรัพย์สินของตนเองไว้ให้ดี และฝากถึงคนร้ายว่าอย่าได้ทำแบบนี้กับใครอีกเลย ทรัพย์สินต่าง ๆ ล้วนมาด้วยน้ำพักน้ำแรง บ้านเมืองก็มีกฎหมาย อย่าได้ไปทำแบบนี้กับใครอีก


พร้อมกันนี้ น.ส.ชลาลัย ยังได้จำลองสถานการณ์เหตุการณ์ล้วงกระเป๋าในวันนั้นให้ทีมข่าวช่อง 3 ได้ดู ซึ่งสังเกตเห็นว่า จุดที่วางกระเป๋าของผู้เสียหายนั้นค่อนข้างจะล่อแหลมและเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะถูกล้วงได้ โดยผู้เสียหายกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้และตนก็วางกระเป๋าพร้อมชาร์จโทรศัพท์ตามปกติ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ตนก็ต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ อายัดบัตรและธุรกรรมการเงินออนไลน์ และเก็บกระเป๋าเอาไว้ในตู้ล็อกเกอร์ภายในรถไม่เอาออกมาวางไว้ข้างนอกอีกแล้ว



ด้านพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ระบุกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า คดีนี้ได้ให้ชุดสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุรายนี้แล้ว รวมทั้งเตรียมเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม หากใครมีเบาะแสของผู้ก่อเหตุรายนี้ก็สามารถให้ข้อมูลกับทางตำรวจได้ เบื้องต้นคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าและสามารถได้ข้อมูลเบาะแสของคนร้ายได้ ส่วนข้อหาความผิด จากพฤติการณ์พบว่า มีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ แต่ต้องนำตัวคนร้ายมาสอบปากคำโดยละเอียดก่อน

คุณอาจสนใจ