ผอ.วิทยาลัยฯ ยันไม่เคยบีบครูสาวร้องเพลงกลางคืนให้ลาออก อ้างเจ้าตัวลาออกด้วยความสมัครใจ

จากกรณีครูสาวในสถานศึกษาในพื้นที่ จ.ยะลา ได้โพสต์ภาพข้อมูลในโซเชียล (ติ๊กต็อก) ลาออกจากการเป็นครู หลังถูกบีบให้ลาออก เนื่องจากรับงานเสริมร้องเพลงกลางคืน เพราะผิดจรรยาบรรณครู จนเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ตอนนี้เจ้าตัวลาออกจากการเป็นครูอย่างเป็นทางการแล้ว


ล่าสุด วันที่ 11 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ทาง วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในยะลา ซึ่งเป็นวิทยาลัยฯ ที่อดีตครูสาวได้เคยทำงาน นางสมพร ผู้อำนวยการวิทยาลัย พร้อมด้วย นายซุลกิฟลีย์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์, นางสาววันเพ็ญ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากร และนางสาวฐาปนี ครูประจำสาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก ได้ร่วมกันชี้แจงกรณีถึงเรื่องดรามาดังกล่าว


โดยนางสมพร ผู้อำนวยการวิทยาลัย เปิดเผยว่า กรณีที่เป็นข่าว ผอ.บีบให้ครูลาออก เป็นเรื่องไม่จริง ทางวิทยาลัยฯ มีหน้าที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ของครูอยู่แล้ว ในการบริหารจัดการส่วนนี้ มีครูอยู่ท่านหนึ่งที่เขาประกอบอาชีพร้องเพลงเช่นเดียวกัน โรงเรียนก็สนับสนุน ไม่เคยปิดกั้น


เราอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เราจะต้องละเอียดอ่อนบางเรื่อง ประกอบอาชีพไม่มีปัญหา แต่ไปดื่มเหล้า และมีนักศึกษามาร้องเรียน เอาภาพมาให้ทางวิทยาลัยฯดู ตรงนี้ทางวิทยาลัยก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนในที่ประชุมว่าการประกอบอาชีพอิสระประกอบได้ โรงเรียนส่งเสริม


งานหลักคืออาชีพครู งานรองคือการหารายได้พิเศษ นี่เป็นเรื่องส่วนตัว วิทยาลัยไม่ปิดกั้นในเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาอีกท่านทำงานพิเศษร้องเพลงอยู่แล้ว ปัจจุบันก็ร้องเพลงอยู่ตามร้านอาหาร ไม่เคยเรียกมาตักเตือน


ส่วนเรื่องการบีบ อาจจะเป็นความรู้สึก อาจจะโดนติง ในการออกสื่อบางครั้งไม่จำเป็นต้องออกสื่อในทุกรูปแบบ เช่น ครูดื่มเหล้า ชนแก้ว ก็ไม่ดี ซึ่งทางวิทยาลัยฯก็ระมัดระวังในเรื่องนี้ เนื่องจากอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นักศึกษามี 700 คน นับถือศาสนาพุทธ 80 คน นอกนั้นนับถือศาสนาอิสลาม ฉะนั้นเรื่องนี้การแต่งกาย การพูดต่าง ๆ ต้องระมัดระวัง และทางวิทยาลัยส่งเสริมให้ทุกคนมีรายได้พิเศษทำงานทำได้ ถ้าไม่กระทบกับงาน


แต่ถ้าเกิดการร้องเรียน เราก็ต้องตักเตือนให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ภาพดื่มเหล้า ไม่จำเป็นที่ต้องโพสต์ลงในโซเชียลก็ได้ จรรยาบรรณของครู การเป็นครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี การเป็นนักร้องไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งทางวิทยาลัยก็ส่งเสริมการแสดงต่าง ๆ ของนักเรียนอยู่แล้ว


ยืนยันว่าไม่ได้บีบให้ครูลาออกเป็นการลาออกของครูเองด้วยความสมัครใจโดยผ่านหัวหน้าธุรการ ซึ่งเป็นรอง ผอ. ส่วนเรื่อง การจะไปแจ้งความเอาผิดกับช่องข่าวนั้น ก็ไม่ได้คิด และไม่เคยปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ พร้อมชี้แจงต่อสื่อฯ ซึ่งวันนี้ก็ต้องขอบคุณทางสื่อฯ ที่ให้เกียรติทางวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจง ไม่งั้นก็จะถูกสังคมโจมตีฝ่ายเดียว


ทางด้าน นางสาววันเพ็ญ รองอำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากร เปิดเผยว่า ครูสาวมีตำแหน่งหน้าที่งานธุรการ รับผิดชอบในส่วนของเอกสารและกิจกรรม เรื่องของพฤติกรรมการแต่งกายอยู่ที่วิทยาลัย แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ตามกฎระเบียบของวิทยาลัย


ส่วนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ วิทยาลัยที่นี่สนับสนุนเรื่องของการหาอาชีพเสริม ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องอาชีพการเป็นนักร้อง แต่หลัง ๆ การทำงานร้องเพลงเริ่มกระทบ เนื่องจากน้องทำงานกลางคืน น้องลาบ่อย ทั้งลาป่วย และลากิจ น้องเป็นไมเกรน เนื่องจากพักผ่อนน้อย ทางวิทยาลัยได้เรียกมาคุย มาตักเตือน เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำงานลดลง


อีกทั้งน้องจะชอบเล่นโซเชียล ชิ้นงานที่ออกมาเริ่มถดถอย อาจจะทำให้น้องมีความอึดอัด จนกระทั่งน้องยื่นใบลาออกเอง โดยที่ทางวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ยื่นประสงค์ที่จะลาออก ปกติทางวิทยาลัยส่งเสริมในเรื่องของรายได้ ซึ่งปัจจุบันนี้เศรษฐกิจ เรื่องของรายได้เงินเดือน ที่ทางวิทยาลัยจ้างเต็มอัตราวุฒิการศึกษา เงินเดือนที่น้องได้รับ จำนวน 16,435 บาท ซึ่งรายได้อาจจะไม่เพียงพอ ต้องหาอาชีพเสริม


ทางวิทยาลัยทราบว่าน้องมีอาชีพเสริมโดยการร้องเพลง ทั้งนี้ต้องไม่มีผลกระทบต่อทางวิทยาลัย ไม่ผิดกฎระเบียบของวิทยาลัย หรือประพฤติปฏิบัติตัวเองอย่างถูกต้อง ทั้งการแต่งกาย ความเหมาะสม ซึ่งคำว่าครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ไม่ว่าจะอยู่ที่ในวิทยาลัย และด้านนอก


ขณะที่ นางสาวฐาปนี ครูในวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทำงานที่นี่มา 3 ปี และมีอาชีพเสริมรับจ้างร้องเพลงในช่วงกลางคืน ในจังหวัดยะลา จากกรณีเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ที่ทางวิทยาลัยบีบไม่ให้ทำงานร้องเพลงช่วงกลางคืนนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งตนเองก็ยังปฏิบัติงานสอนตามปกติ และยังร้องเพลงเสริมด้วย


ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่องของการแต่งตัว ไม่ล่อแหลมเกินไป ส่วนการยื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นักร้องนักดนตรี นั้น ต้องรู้จักบ่ายเบี่ยง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ดื่มพอเป็นพิธี ลูกค้าก็จะเข้าใจ อยากฝากกับสื่อว่า ต้องฟังความทั้งสองข้าง


ในเรื่องที่เกิดขึ้น ทางวิทยาลัยไม่ได้ห้าม แต่ให้พึงระวังในเรื่องของพฤติกรรมความเหมาะสม ทั้งนี้ทางวิทยาลัยยังได้สนับสนุนให้บุคลากรที่มีความสามารถด้านการขับร้อง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ฝึกฝนเด็กนักเรียนในการร้องเพลงทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สำหรับวิทยาลัยเช่นกัน