สังคม

“ขนมปอดควาย” กลับมาฮิตอีกครั้ง คนรุ่นใหม่ชอบรสชาติอร่อย-อิ่มนาน

โดย taweelap_b

22 พ.ค. 2566

649 views

“ปอดควาย” (บั้นเจียนโก้ย, ถังแตก) ถือเป็นหนึ่งในขนมโบราณของภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดตรัง ซึ่งหากฟังชื่อแล้วอาจจะดูแปลก ๆ หรือไม่ค่อยน่ากินนัก ทั้งที่แท้จริงแล้วมีรสชาติอร่อย แถมยังกินแล้วอิ่มนาน เพราะมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ แป้งกับน้ำตาล


ทั้งนี้ ขนมชนิดนี้ มีลักษณะคล้าย ๆ กับ “ขนมฝามีจีน” หรือ “ขนมกระทะ” ในภาคอื่น และมีประวัติความเป็นมาที่อยู่คู่กับภาคใต้อย่างยาวนานนับร้อยปี หรือนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนที่มีการเรียกกันว่า ขนมปอดควาย ก็เพราะรูปลักษณ์ของขนมที่เป็นแผ่นเท่า ๆ กับจานข้าว หรือมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 นิ้ว ซึ่งใหญ่เหมือนกับปอดของควาย ขณะที่เนื้อขนมด้านในก็เป็นรูพรุนคล้ายกับปอดของควาย


ในสมัยก่อนจะมีการตั้งแผงขายขนมปอดควาย เฉพาะในงานเทศกาลต่าง ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้าหันมาเปิดร้านทำขายให้ได้ชิมกันตลอดทั้งปี เหมือนอย่างเช่นที่ริมถนนตรัง-ปะเหลียน ช่วงก่อนถึงแยกบ้านควน เส้นทางไปสนามบินตรัง ก็เป็นจุดหนึ่งที่มีการทำร้านเพื่อขายขนมปอดควายโดยเฉพาะ จากเริ่มแรกเพียงเจ้าสองเจ้า ค่อย ๆ ขยับขยายเพิ่มขึ้นเป็นหลายเจ้า เนื่องจากชาวตรังเอง หรือนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา ต่างอดใจไม่ไหวที่จะต้องแวะซื้อขนมชนิดนี้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ด้วยกลิ่นอันหอมหวนที่ลอยโชยยั่วยวนใจ อันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ชวนให้น้ำลายสอ จนกลายเป็นเมนูทานเล่นที่อยู่คู่กับเมืองตรังไปแล้ว


นางหอมหวน อินทรชัย อายุ 55 ปี เจ้าของร้านเจ้หอมเจ้าเดิม เล่าให้ฟังว่า ที่ร้านจะขายขนมปอดควายในราคาแผ่นละ 40 บาท แต่ลูกค้ารายใดที่รู้สึกว่ามากไป กินไม่หมด สามารถซื้อเพียงครึ่งแผ่นก็ได้ จะมีทั้งหมด 3 ไส้ ได้แก่ ไส้ถั่ว (สูตรดั้งเดิม) เป็นไส้ที่ผู้สูงอายุนิยม ส่วนไส้สังขยา กับไส้มะพร้าว จะเป็นไส้ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชื่นชอบ


นอกจากนี้ สูตรเด็ดความอร่อยของขนมปอดควาย คือ การผสมแป้งให้ออกมาพอดี ๆ ไม่แข็ง ไม่นิ่ม ซึ่งน่าภูมิใจที่ทุกวันนี้ผู้คนหันกลับมาทานขนมชนิดนี้ ทำให้เกิดร้านใหม่ ๆ ขึ้นอย่างมากมาย และจากที่เคยขายได้เฉพาะช่วงกลางคืน ก็ขายได้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงดึก ๆ ยิ่งช่วงมีงานหรือเทศกาลจะขายดีมาก ๆ บางวันได้ถึง 200 ถาดทีเดียว

คุณอาจสนใจ