สังคม

"ปวีณา" บินด่วนนราธิวาส จี้คดี 3 ขวบตายเปลือยปริศนา-เยียวยาครอบครัว

โดย kanyapak_w

19 พ.ค. 2566

16.4K views

วันที่ 19 พ.ค. 66 นางปวีณา หงสกุล ปธ.มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมายังพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมีนายสรัญรัฐ กีรติวิโรจน์กุล หน.บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส น.ส.ฉายา ยะภา ผช.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย นายอัมรันทร์ แนฆามา และ น.ส.ซารีปะ มะแอ บิดาและมารดาของ ด.ญ.โนรซาบีน่า แนฆมา หรือน้องณาดา อายุ 3 ขวบ ซึ่งหายออกจากบ้านปริศนาและมาพบศพเสียชีวิต ในแอ่งน้ำบริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์บ้านใหม่ ม.5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งห่างจากบ้านพัก ประมาณ 300 เมตร และพบศพเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา คอยให้การต้อนรับ

และนำคณะเดินทางไปยัง สภ.ตันหยง เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.มะตอฮา มูหนะ ผกก.สภ.ตันหยง ซึ่งนางปวีณา ได้สอบถามถึงความเป็นมาคดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพจิตของบิดามารดา ที่น่าเศร้าเนื่องคนร้ายได้กระทำต่อเด็กเพียงอายุ 3 ขวบเท่านั้น

ซึ่ง พ.ต.อ.มะตอฮา ผกก.สภ.ตันหยง ได้สรุปว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นช่วงที่บิดากำลังวุ่นอยู่กับการขายข้าวเกรียบ และได้เดินไปแลกเงินเพื่อทอดให้กับลูกค้า เมื่อกลับมาจู่ๆบุตรสาวที่เล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านได้หายตัวไป และบิดาได้เข้าแจ้งความว่าสงสัยลูกค้าที่ขับรถยนต์เก๋งสีบรอนส์ ได้ลักพาตัวลูกสาวไป แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์เก๋งต้องสงสัยจำนวน 3 คัน และพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น และต่อมาได้พบศพเด็กนอนเสียชีวิตในแอ่งน้ำ จึงทำให้การสืบสวนสอบสวนในเรื่องการลักพาตัวเด็กเป็นอันยกเลิก

ต่อมานางปวีณา ได้ซักถามว่า คดีนี้ตกลงทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้ทำการตรวจสอบศพเด็กในเบื้องต้นเป็นอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.มะตอฮา ผู้กำกับ สภ.ตันหยง บอกว่า เด็กที่เสียชีวิตในแอ่งน้ำมีร่องรอยของการถูกกระทำชำเราจนอวัยวะฉีกขาด ซึ่งต้องรอการยืนยันจากนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันอีกครั้ง ในส่วนของการตรวจ ดี.เอ็น.เอ.นั้น ในเบื้องต้นยังไม่ทราบผล แต่เกรงว่าสภาพเด็กเสียชีวิตถูกแช่น้ำ ผลการตรวจจะออกมา 100 หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

นอกจากนี้ พ.ต.อ.มะตอฮา ผกก.สภ.ตันหยง ได้รายงานความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแล้ว 5 คน พร้อมทั้งได้ตรวจเก็บ ดี.เอ็น.เอ.แล้วปล่อยตัวไป ยกเว้นอีก 1 คน ที่ผลการตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด ซึ่งถือว่ามีพิรุธในชั้นสอบสวน แต่หากผลตรวจ ดี.เอ็น.เอ.พบว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มในการดำเนินคดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อสกรีนเยาวชนหรือวัยรุ่นต้องสงสัยในหมู่บ้าน ว่าหลังเกิดเหตุมีบุคคลใดได้หายหน้าหายตาออกจากหมู่บ้านไปบ้าง ซึ่งเป็นแนวทางในการแกะรอยกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ส่วนหลักฐานที่มีในขณะนี้ก็พอมีอยู่บ้าง ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบ อาทิ วงจรปิดบางจุดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าบ้านพักของชาวบ้านละแวกจุดเกิดเหตุ ที่บันทึกพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัย แต่เห็นภาพบุคคลไม่ชัดเจนเนื่องจากกล้องวงจรปิดบันทึกได้เพียงบางส่วน แถมมีระยะไกลที่ไม่สามารถยืนยันว่า บุคคลในภาพถือหรืออุ้มอะไรผ่านกล้องวงจรปิด ที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้แกะรอยควบคู่กับหลักฐานต่างๆ

ต่อมาหลังจากนางปวีณา ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ พ.ต.อ.มะตอฮา ผกก.สภ.ตันหยง แล้วเสร็จได้เดินทางไปดูจุดเกิดเหตุพบศพน้อง ณาดา ที่บริเวณแอ่งน้ำ โดยมีนายอัมรันทร์ บิดา และ พ.ต.อ.มะตอฮา ผกก.สภ.ตันหยง เป็นผู้อธิบายให้นางปวีณาฟังข้อสงสัยต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ทางเข้าซึ่งรกทึบและเป็นเนิน เด็กไม่สามารถเด็กมาเองได้ ดูลักษณะเด็กอาจถูกอุ้มแล้วคนร้ายเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้เด็กร้อง เนื่องจากน้อง ณาดาจะไม่ให้คนแปลกหน้าอุ้มหรือพูดคุยด้วย ไม่เช่นนั้นจะร้องไห้หาพ่อแม่ และจุดที่พบกางเกงและแพมเพิสมันก็เป็นจุดที่ลับตา เด็กไม่สามารถเด็กข้ามไปได้ เพราะมีคูน้ำคันกลาง ซึ่งที่เกิดเหตุมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าหน้าที่จะควานหาตัวคนร้าย แต่มั่นใจว่าตำรวจสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้จะเอาใจช่วย

ก่อนที่นางปวีณา จะเดินทางกลับ ได้เดินทางไปยังบ้านของนายอัมรันทร์ และ น.ส.ซารีปะ บิดาและมารดา น้องณาดา พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง ส่วนทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นราธิวาส ได้มอบถุงยังชีพเพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งได้พูดปลอบประโลม มีอะไรที่จะให้ทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ ช่วยเหลือก็สามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อ

ด้านนางปวีณา หงสกุล ปธ.มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า พื้นที่จุดเกิดเหตุมันสลับซับซ้อนเป็นเนินที่ลับตา คนร้านต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น ทางนิติวิทยาศาสตร์แจ้งผลการตรวจเบื้องต้น เด็กถูกข่มขืนอวัยวะฉีกขาดและฆ่าแต่ไม่ทราบด้วยวิธีใด คดีนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ มิเช่นนั้นเด็กๆแถวนี้จะมีอันตราย คนร้ายที่กระทำในครั้งนี้เป็นคนโหดเหี้ยมเกินอมนุษย์ ต้องดำเนินคดีในถึงที่สุดและประหารชีวิต มิให้เป็นเยี่ยงอย่างชงฝง

คุณอาจสนใจ