สังคม

'อดีตพระคม' คอตกนอนคุก ศาลค้านประกันตัว ผงะ! เจอทองคำแท่ง 19 ล้าน-เงินสด 80 ล้าน ฝังบนยอดเขาหลังวัด

โดย petchpawee_k

9 พ.ค. 2566

32 views

ผงะ! อดีตพระอาจารย์พระคม ขุดหลุมฝังทองคำแท่งมูลค่า 19 ล้านบาท เงินสด 80 ล้านบาท  ซุกบนยอดเขาหลังวัด มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้ ส่วนการเสพเมถุนพบทำมานานทั้งพระ-ฆราวาส จนท.คุมตัวฝากขัง  กองปราบ-คณะกรรมการ ลุยค้นห้องพักในวัดพบเงินสด 3 ล้านกว่าบาท ทองคำแท่งซุกตู้เซฟ


ล่าสุดอดีตพระคม คอตกนอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกันตัวพร้อมเพื่อนร่วมแก๊ง คดียักยอกเงินทำบุญวัด กว่า 182 ล้านบาท เหตุโทษสูง กลัวหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน กระทำสร้างความเสื่อมเสียพระพุทธศาสนา ขณะที่ชาวบ้านแฉ ถูกข่มขู่สารพัดหลังเห็นพระถือถุงดำไปเก็บในภูเขาหลังวัด พร้อมยืนยันภูเขาหลังวัดมีกุฏิหลายหลัง คาดยังซุกทรัพย์สินอีก


วานนี้ (8 พ.ค.) พนักงานสอบสวน กองกำกับ 3 กองบังคับการปราบปราบ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขัง 3 ผู้ต้องหา ได้แก่

1) นายคม หรือ พระอาจารย์คม อายุ 39 ปี

2) นาย วุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี

3) น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี


โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีสำหรับคดีนี้ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย หลังตรวจสอบพบว่าร่วมกันยักยอกนำเงินทำบุญของวัดป่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาไปใช้จ่ายส่วนตัว รวมมูลค่ากว่า 180 ล้านบาท โดยจับกุมไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา


ล่าสุดมีคลิปภาพขณะที่ตำรวจกองปราบปรามคุมตัวพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นพยานในคดี รู้เห็นเรื่องที่ซ่อนทรัพย์สินของอดีตพระคมและพวก พาตำรวจไปยังหลังเขาลูกหนึ่งที่อยู่หลังวัด เพื่อไปขุดเอาทรัพย์สินที่อดีตพระคมซ่อนไว้ ปรากฎว่าเจอทั้งทองคำ เงินสด และเครื่องประดับราคาแพงจำนวนมาก เฉพาะทองและเครื่องประดับมูลค่าราว 19 ล้านบาท และเงินสดอีก 80 ล้านบาท หากรวมกับการค้นครั้งแรกอีกราว 200 ล้านบาท ขณะนี้พบเงินที่ถูกยักยอกไปกว่า 300 ล้านบาทแล้ว


วานนี้ (8 พ.ค.) พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยถึงความคืบหน้าอดีตพระคมกับพวกทีพนักงานสอบสวนส่งศาลฝากขังผัดแรก จากการขยายผลการตรวจค้นวัดเมื่อวันที่ 7 พ.ค. พบทองคำแท่งจำนวนหนึ่งมูลค่า 19 ล้านบาท พร้อมเงินสด 80 ล้านบาท ถูกฝังดินยอดภูเขาหลังวัด


ส่วนวันก่อนที่พบเงินสดที่พบในบ้านน้องสาว 51 ล้านบาทเงินในบัญชี 70 ล้านบาท รวมทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท ที่ยังหลงเหลือ ซึ่งวานนี้ (8 พ.ค.) มีการตรวจค้นวัดและเปิดตู้เซฟบางส่วนเพื่อหาทรัพย์สินอย่างละเอียด รวมถึงหลักฐานในการประกอบสำนวนคดีเอาผิดอดีตพระคมกับพวก  


ซึ่งอดีตพระคม ก็ให้การรับสารภาพสอดคล้องกับข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ วัดดังกล่าวมีบัญชีทั้งหมด 6 เล่ม ซึ่งหากอดีตพระคม บริสุทธิ์ใจจริง ควรนำทรัพย์สินเข้าบัญชีวัดทั้ง 6 เล่มนี้ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาที่ยังครางแครงใจการทำงานของตำรวจ


พลตำรวจโท จิรภพ ยืนยันว่า ทำตามพยานหลักฐาน และคำให้การรับสารภาพของตัวอดีตพระคมกับพวก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริงตำรวจจะเอาหลักฐานเป็นทรัพย์สินจำนวนมากมาจากไหน ส่วนการเสพเมถุนของอดีตพระคม พบข้อมูลว่ามีการเสพเมถุนมาตั้งแต่สมัยเรียนเปรียญนักธรรมมานาน มีทั้งพระและฆราวาส ซึ่งการเป็น LGBT ถือว่าไม่ได้ผิด แต่ในเมื่อครองสมณสงฆ์ก็ไม่สมควรครองผ้าเหลือง


“เราช่วยบ้าง แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายอาญา มันเป็นเรื่องของทางพระ เป็นอาบัติปาราชิก หรืออะไรก็เป็นเรื่องของทางพระ เขาว่ากัน ซึ่งในส่วนของตำรวจเมื่อทราบว่า เราก็ช่วยครับ เราก็อยากจะช่วยให้เสาหลักของประเทศอยู่ในมาตรฐาน ถ้าเกิดพระที่ไม่ดี ถ้าหน้าฉากอาจจะดี เเต่ว่าลับหลังไม่ดี เราก็อยากจะช่วยให้ข้อเท็จจริงปรากฏออกมา จากที่ข้อมูลที่ผมสัมผัสมา ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เรามีข้อมูลทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง และตัวเขาเองก็รับสารภาพ เขาทำเเบบนี้มานานแล้วด้วย จริงๆ ก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นพระ”


พลตำรวจโท จิรภพ  ยังกล่าวอีกว่า “เท่าที่มีข้อมูลคือนานกว่านั้นเลย ตั้งแต่สมัยเปรียญ เรียนด้วยกัน ก็นานเเล้ว แต่ก็มองเป็น คือผมก็ไม่อยากพูดถึงมาก เพราะในปัจจุบันไม่ได้ผิดกฏหมาย LGBT ในปัจจุบันก็ว่าสังคมยอมรับเพียงแต่ว่าไม่เหมาะกับการเป็นพุทธศาสนาคือคุณก็อย่าเป็นพระเท่านั้นเอง ถ้าจะไปทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขาแต่ว่าอย่าไปเป็นพระ”

บรรยากาศ ที่วัดป่าธรรมคีรี จ.นครราชสีมา ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม พบว่า บริเวณประตูเลื่อนทางเข้าวัดปิด ห้ามบุคคลภายนอกเข้า และห้ามบันทึกภาพภายใน นอกจากนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และคณะกรรมการได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด พร้อมเปิดห้องพักของอดีตพระอาจารย์คม พบเงินสด 3 ล้านกว่าบาท พร้อมตู้เซฟ 1 ตู้ ภายในมีทองคำแท่งจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบตู้เซฟอีก 1 ตู้อยู่ภายในศาลา โดยคาดว่ามีทรัพย์สินและของมีค่าแต่ยังไม่ได้เปิดเผย


ทั้งนี้ คณะกรรมการจะเร่งตรวจสอบทรัพย์สินให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 พ.ค.นี้ เพื่อสรุปโดยมีสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เป็นฝ่ายบันทึกข้อมูล ซึ่งมีรายงานว่าตำรวจกองปราบได้ทำการจับกุมพระลูกวัดที่ใกล้ชิดอดีตพระอาจารย์คมอีก 2-3 รูป โดยคาดว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์สินของวัดในครั้งนี้ ซึ่งทางกองปราบจะมีการแถลงรายละเอียดต่อไป


ทีมข่าว ลงพื้นที่วัดบริเวณวัดป่าธรรมคีรี พบว่าถูกปิดเงียบตั้งแต่เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าภายในวัดเด็ดขาด มีเพียงเจ้าหน้าที่และคนของทางวัดเท่านั้นที่สามารถเข้า-ออกได้


นายสิทธิ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านซับน้ำเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บอกว่า ในพื้นที่มีสำนักสงฆ์ทั้งหมด 5 แห่ง วัดป่าธรรมคีรีก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งอดีตพระคม เป็นคนแรกที่เข้ามาบุกเบิกก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา คนที่มาทำบุญส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ มีทั้งคุณหญิง คุณนาย คนมียศมีตำแหน่ง รวมถึงดารา นักแสดง หลายคนก็มาทำบุญปฏิบัติธรรมที่นี่


ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ยังบอกอีกว่า นอกจากอดีตพระคม จะเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา ท่านจะบริจาคทาน ข้าวสารอาหารแห้งให้กับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย ส่วนประเด็น ที่อดีตพระคม ถูกจับเนื่องจากเสพเมถุนและยักยอกเงินวัด 180 ล้านบาทนั้น ส่วนตัวไม่รู้รายละเอียดข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะการบริหารจัดการเงินของวัดชาวบ้านในพื้นที่จะไม่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่จะเป็นทีมบริหารของทางวัดเองซึ่งหากตรวจสอบพบว่า อดีตพระอาจารย์คม มีความผิดจริงก็อยากให้รับโทษทางกฎหมาย


วานนี้ ( 8 พ.ค.) ทีมข่าว เดินทางไที่วัดป่าธรรมคีรี ซึ่งทางวัดไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างใน โดยมีการนำเอาประตูเหล็กล้อเลื่อนมาปิดทางเข้าออกวัด ทำให้ทีมข่าวต้องปักหลักอยู่บริเวณด้านนอกวัดเท่านั้นซึ่งมีเพียงรถยนต์ของลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ผ่านเข้าออกได้


นอกจากนี้ยังมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง รวมถึงรถของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าไปสำรวจตรวบสอบภายในวัด


จากการสังเกตของทีมข่าว ภายในวัดค่อนข้างกว้าง มีพุ่มไม้เป็นรั้วรอบวัด ภายในวัดมีการก่อสร้างลักษณะคล้ายเจดีย์อยู่ และมีคนงานอยู่โดยรอบ


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ 1 ในชาวบ้านในพื้นที่ นำรูปกุฎิหลังบนของวัดป่าธรรมคีรี ที่ถ่ายมาให้กับทีมข่าวดู    โดยอ้างว่าเป็นภาพถ่ายหลังคากุฏิของวัดที่ถ่ายจากพื้นที่สวนของตน ซึ่งอยู่ติดกับวัด ตนจะเห็นว่ามีกุฎิประมาณ 10 กว่าหลังตั้งอยู่ แล้วก็จะเห็นช่วงดึกๆ มีคนมาคอยเดินลาดตระเวน


พร้อมกับให้ข้อมูลว่าช่วงระหว่างวัน ก็มีพระถือกระเป๋าขึ้นไปยังกุฎิบนเขา ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า มีการเอาเงินสด หรือ ทรัพย์สินมาเก็บซ่อนไว้แถวนี้ด้วยหรือไม่ เพราะดึกๆ สัก 3 ทุ่ม ก็จะมีฆราวาสมาเดินลาดตระเวนอยู่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบ


ส่วนตัวคิดว่าเหตุผลที่พระเอาเงินมาฝังตัวเองคิดว่าเพื่อหลีกเลี่ยงจากการตรวจสอบของหน่วยงานราชการ ซึ่งหน้าที่ในการดูแลเงินเท่าที่รู้จะเป็นพระคมเพียงคนเดียว ซึ่งที่ผ่านมาตอนเห็นพฤติกรรมแบบนี้มา 7-8ปีแล้ว ล่าสุดคือหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปสอบถาม เพราะเคยถูกข่มขู่ ทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่ง


ส่วนพฤติกรรมของอดีตพระคม และ อดีตพระหมอนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครทราบ หรือ ระแคะระคายมาก่อน พอทราบข่าวก็ตกใจมาก


จากนั้นชาวบ้านพาทีมข่าวขึ้นไปสำรวจด้านบนเขา ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับวัด โดยเดินตามร่องน้ำ ขึ้นไปที่ด้านบน ประมาณ 300 เมตร ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา และก็เจอกับกระต็อบหลังหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเคยเป็นกุฏิร้าง จากการสังเกตภายในนั้นมีลังพลาสติก 1 ลัง แต่เมื่อดูแล้ว เป็นเพียงลังหนังสือธรรมะเท่านั้น ไม่พบอะไรผิดปกติ

ขณะที่ แพรี่ ไพรวัลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “พวกโยมควรสั่งสมบุญกันให้มากๆ นะ ส่วนการสั่งสมเงินและทองปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาตมาเอง”


ส่วนอีกโพสต์ ระบุว่า “อาตมาไม่ยึดติดในเงินทองค่ะ เพราะเงินก็โอนให้น้องส่วนทองก็ฝังไว้”

------------------------------------------

ศาลอาญาคดีทุจริตฯไม่ให้ประกันตัว ‘อดีตพระอาจารย์คม’ กับพวก คดียักยอกเงินทำบุญวัด ชี้คดีโทษสูง เกรงว่าหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน กระทำสร้างความเสื่อมเสียพระพุทธศาสนา หลังเจ้าตัวพร้อมพวกยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ระบุเหตุผลว่า มิได้กระทำความผิด


วานนี้ (8 พ.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.นำตัว นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี ,นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี และ 3. น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี  3 ผู้ต้องหาเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 


เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือ รับของโจร ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน


 โดยคำร้องระบุ พฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครอง เงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมา เป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ด้วยการถอนเงินสดออก จากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคมสั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระตามสถานที่ต่างๆ ใน จังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน


จากนั้น น.ส.จุฑาทิพย์ ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพักพบเงินสด เป็นเงิน ห้าสิบเอ็ดล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย 182,776,733 บาท


โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งสามจะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น เตรียมเคลื่อนย้าย ออกจากวัด พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผล การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง 3 ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และข้อมูล เกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่าง ๆ ขอศาลหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน


และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้ง 3 เนื่องจาก คดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่ พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ถูกควบคุมตัวนั้นมีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาค มาจากประชาชนนำออกไปเตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับ พยานหลักฐานทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน


ผู้ต้องหาทั้ง 3 ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสาม ระบุเหตุผลว่า มิได้กระทำความผิด


ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหา ทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1,2 อาศัยโอกาส กระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็น การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง


ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสดและ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อชั่วคราวระหว่างสอบสวน

คุณอาจสนใจ