สังคม
พริตตี้เป่าปรอทแตก หิ้วกระเช้าขอโทษตร. ยันไม่ได้เมา แค่เข้าใจผิดเป่าไฟฉาย ตร.ให้อภัยไม่เอาความ
โดย passamon_a
17 เม.ย. 2566
256 views
สาวพริตตี้หอบกระเช้าไหว้ขอโทษตำรวจ บก.จร. ด้านตำรวจเปิดวงจรปิด ไม่ได้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอร์สาวคนนี้
จากกรณีสาวคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กกลางดึกวันศุกร์ว่า "ขอบคุณพี่ตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ เมาเป่าจนปรอทแตกแต่พี่ปล่อยผ่าน" หลังไปทำงานเป็นพิธีกรที่ผับแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ สน.จรเข้น้อย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่
ต่อมาบ่ายวันที่ 14 เม.ย. เธอก็มาโพสต์ชี้แจงอีก ว่าเธอโพสต์ไม่หมด โดยบอกว่าเธอเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์แล้ว แต่ขึ้นไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และตำรวจได้ตักเตือนแล้ว เธอจึงขับรถออกมาจากด่าน
และเมื่อวันที่ 15 เม.ย. เธอก็ยังให้การกับตำรวจ สน.จรเข้น้อยที่ไปสอบถ้อยคำเธอเหมือนเดิมว่า "ขับรถเข้าด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์จริง เป่าตรวจปริมาณแอลกอฮอร์ด้วยแต่ไม่ถึงเกณฑ์ และที่บอกว่า เมาเป่าจนปรอทแตก หมายถึงเป่าเต็มแรงเท่านั้น ไม่ใช่เมาหนักเป่าจนค่าปริมาณแอลกอฮอร์สูง"
วานนี้ (วันที่ 16 เม.ย.) พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จึงได้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในจุดตั้งด่านตรวจ แล้วติดตามผู้โพสต์มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง
โดยปกติแล้ว การตรวจวัดแอลกอฮอล์จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก คือ การคัดกรองโดยตำรวจส่วนหน้าที่ถนน จะทำการคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการสังเกตจากกลิ่น อาการ กิริยา ท่าทางต่างๆ ของผู้ขับขี่ หากคาดว่ามีแอลกอฮอล์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการตรวจวัดด้วยเครื่องทดสอบเบื้องต้น คือเป่าแล้วถ้ามีแอลกอฮอล์ เซนเซอร์จะขึ้น ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการตรวจด้วยเครื่องตรวจวัดยืนยันผล
สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. 2566 เวลาประมาณ 01.45 น. ผู้โพสต์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว เข้ามาที่ด่านตรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร บริเวณหน้าร้านบ้านกรองน้ำ ถนนรามอินทราขาเข้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์อยู่ในขั้นตอนของการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น
เมื่อตำรวจเห็นว่าไม่น่ามีพฤติกรรมเมาสุรา จึงไม่ได้ให้ตรวจวัดในขั้นตอนที่ 2 และ 3 โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ารถของผู้โพสต์ได้ขับเข้ามาที่ด่าน และตำรวจมีการเรียกให้หยุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น เมื่อไม่พบพฤติกรรมน่าสงสัยว่ามึนเมา จึงปล่อยรถออกจากด่านตรวจไป ไม่ได้มีการให้เป่า
ด้านผู้โพสต์ข้อความ คือ นางสาวเพชรพลอย อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนมาโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากทุกครั้งที่ไปทำงาน ตนจะมาโพสต์ขอบคุณทุกคนอยู่แล้ว ทั้งร้านที่ไปทำงาน ดีเจ คนหางาน วันเกิดเหตุ ก็เลยขอบคุณตำรวจด้วย ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ยืนยันว่า วันเกิดเหตุ ตนไม่ได้เมา ยอมรับว่ามีดื่มบ้าง แต่เล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งพอขับรถเข้ามาที่ด่าน เมื่อชะลอรถแล้วเปิดกระจกลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า “ขออนุญาตครับ” พร้อมกับส่องไฟฉายเข้ามา ตอนนั้นตนไม่ทันได้สังเกต ประกอบกับแสงจากไฟฉายส่องเข้ามาแยงตา ตนก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยื่นเครื่องตรวจวัดมาให้เป่า ซึ่งจริงๆ เป็นแต่ไฟฉาย ตนก็เลยเป่าไปเต็มแรง แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดว่า “ขอบคุณครับ” ตนก็เลยขอบคุณแล้วขับรถออกมา
ส่วนที่ตนโพสต์ว่าเมา ทั้งที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เมานั้น เป็นเพราะตนแค่อยากโพสต์ให้แฟนคลับเป็นห่วง ให้มาดูแล อยากให้แฟนคลับเห็นใจเท่านั้น ซึ่งไม่ทันได้คิดว่าจะมีผลกระทบตามมา
ทั้งนี้ ตนต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอโทษสังคมด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับผิดที่โพสต์ข้อความไปทำให้คนเข้าใจผิด หลังจากนี้ ตนก็จะต้องระวังการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ต้องคำนึงถึงคนที่จะมาเห็นโพสต์ ไม่ใช่คิดแค่ว่าฉันอยากจะโพสต์แบบนี้ก็โพสต์เลย
ขณะที่ สิบตำรวจเอก ชนินท์ เพิ่มสุข ผู้บังคับหมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเป็นผู้ที่ตรวจคัดกรองเบื้องต้นในวันเกิดเหตุ บอกว่า หลักการปฏิบัติงานการคัดกรองเบื้องต้น หากผู้ขับขี่เปิดกระจกมาจะสังเกตว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือไม่ หน้าแดงไหม กิริยาอาการผิดจากปกติ รวมถึงตรวจสอบเสื้อผ้าการแต่งกายด้วย หากเข้าข่ายจะให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์
พลตำรวจตรีจิรสันต์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการหลังจากนี้ว่า การกระทำของผู้โพสต์นั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ ซึ่งเจ้าตัวมาขอโทษ และตำรวจไม่ติดใจดำเนินคดี พร้อมฝากถึงประชาชนระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดียด้วยสาวพริตตี้หอบกระเช้าไหว้ขอโทษตำรวจ บก.จร. ด้านตำรวจเปิดวงจรปิด ไม่ได้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอร์สาวคนนี้
จากกรณีสาวคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กกลางดึกวันศุกร์ว่า "ขอบคุณพี่ตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ เมาเป่าจนปรอทแตกแต่พี่ปล่อยผ่าน" หลังไปทำงานเป็นพิธีกรที่ผับแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ สน.จรเข้น้อย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่
ต่อมาบ่ายวันที่ 14 เม.ย. เธอก็มาโพสต์ชี้แจงอีก ว่าเธอโพสต์ไม่หมด โดยบอกว่าเธอเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์แล้ว แต่ขึ้นไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และตำรวจได้ตักเตือนแล้ว เธอจึงขับรถออกมาจากด่าน
และเมื่อวันที่ 15 เม.ย. เธอก็ยังให้การกับตำรวจ สน.จรเข้น้อยที่ไปสอบถ้อยคำเธอเหมือนเดิมว่า "ขับรถเข้าด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์จริง เป่าตรวจปริมาณแอลกอฮอร์ด้วยแต่ไม่ถึงเกณฑ์ และที่บอกว่า เมาเป่าจนปรอทแตก หมายถึงเป่าเต็มแรงเท่านั้น ไม่ใช่เมาหนักเป่าจนค่าปริมาณแอลกอฮอร์สูง"
วานนี้ (วันที่ 16 เม.ย.) พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จึงได้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในจุดตั้งด่านตรวจ แล้วติดตามผู้โพสต์มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง
โดยปกติแล้ว การตรวจวัดแอลกอฮอล์จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก คือ การคัดกรองโดยตำรวจส่วนหน้าที่ถนน จะทำการคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการสังเกตจากกลิ่น อาการ กิริยา ท่าทางต่างๆ ของผู้ขับขี่ หากคาดว่ามีแอลกอฮอล์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการตรวจวัดด้วยเครื่องทดสอบเบื้องต้น คือเป่าแล้วถ้ามีแอลกอฮอล์ เซนเซอร์จะขึ้น ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการตรวจด้วยเครื่องตรวจวัดยืนยันผล
สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. 2566 เวลาประมาณ 01.45 น. ผู้โพสต์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว เข้ามาที่ด่านตรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร บริเวณหน้าร้านบ้านกรองน้ำ ถนนรามอินทราขาเข้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์อยู่ในขั้นตอนของการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น
เมื่อตำรวจเห็นว่าไม่น่ามีพฤติกรรมเมาสุรา จึงไม่ได้ให้ตรวจวัดในขั้นตอนที่ 2 และ 3 โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ารถของผู้โพสต์ได้ขับเข้ามาที่ด่าน และตำรวจมีการเรียกให้หยุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น เมื่อไม่พบพฤติกรรมน่าสงสัยว่ามึนเมา จึงปล่อยรถออกจากด่านตรวจไป ไม่ได้มีการให้เป่า
ด้านผู้โพสต์ข้อความ คือ นางสาวเพชรพลอย อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนมาโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากทุกครั้งที่ไปทำงาน ตนจะมาโพสต์ขอบคุณทุกคนอยู่แล้ว ทั้งร้านที่ไปทำงาน ดีเจ คนหางาน วันเกิดเหตุ ก็เลยขอบคุณตำรวจด้วย ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ยืนยันว่า วันเกิดเหตุ ตนไม่ได้เมา ยอมรับว่ามีดื่มบ้าง แต่เล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งพอขับรถเข้ามาที่ด่าน เมื่อชะลอรถแล้วเปิดกระจกลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า “ขออนุญาตครับ” พร้อมกับส่องไฟฉายเข้ามา ตอนนั้นตนไม่ทันได้สังเกต ประกอบกับแสงจากไฟฉายส่องเข้ามาแยงตา ตนก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยื่นเครื่องตรวจวัดมาให้เป่า ซึ่งจริงๆ เป็นแต่ไฟฉาย ตนก็เลยเป่าไปเต็มแรง แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดว่า “ขอบคุณครับ” ตนก็เลยขอบคุณแล้วขับรถออกมา
ส่วนที่ตนโพสต์ว่าเมา ทั้งที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เมานั้น เป็นเพราะตนแค่อยากโพสต์ให้แฟนคลับเป็นห่วง ให้มาดูแล อยากให้แฟนคลับเห็นใจเท่านั้น ซึ่งไม่ทันได้คิดว่าจะมีผลกระทบตามมา
ทั้งนี้ ตนต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอโทษสังคมด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับผิดที่โพสต์ข้อความไปทำให้คนเข้าใจผิด หลังจากนี้ ตนก็จะต้องระวังการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ต้องคำนึงถึงคนที่จะมาเห็นโพสต์ ไม่ใช่คิดแค่ว่าฉันอยากจะโพสต์แบบนี้ก็โพสต์เลย
ขณะที่ สิบตำรวจเอก ชนินท์ เพิ่มสุข ผู้บังคับหมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเป็นผู้ที่ตรวจคัดกรองเบื้องต้นในวันเกิดเหตุ บอกว่า หลักการปฏิบัติงานการคัดกรองเบื้องต้น หากผู้ขับขี่เปิดกระจกมาจะสังเกตว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือไม่ หน้าแดงไหม กิริยาอาการผิดจากปกติ รวมถึงตรวจสอบเสื้อผ้าการแต่งกายด้วย หากเข้าข่ายจะให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์
พลตำรวจตรีจิรสันต์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการหลังจากนี้ว่า การกระทำของผู้โพสต์นั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ ซึ่งเจ้าตัวมาขอโทษ และตำรวจไม่ติดใจดำเนินคดี พร้อมฝากถึงประชาชนระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดียด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ixkJcLNdLxs