ทะเลคลั่ง! คลื่นสูงซัดเรือประมงล่มนับ 10 ลำ จมดับ 2 เปิดคลิปกู้ภัยพายเรือคายัคช่วยระทึก

ทะเลคลั่ง คลื่นสูงซัดเรือประมงพื้นบ้านล่มกว่า 10 ลำ จมดับ 2 สูญหายนับสิบ กลางทะลอ่าวไทย นครศรีธรรมราช เปิดคลิปนาทีชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยพายเรือคายัค ฝ่าคลื่นยักษ์ ช่วยชาวประมงลอยคอกลางทะเล กลับเข้าฝั่งรอดตาย ด้านเหล่าทัพส่งกำลังพล ระดมเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตตลอดทั้งวัน ก่อนจะยุติการค้นหาในช่วงค่ำ เหตุฟ้าปิดและคลื่นลมแรง จะทำการค้นหาอีกครั้งเช้าวันนี้


จากเหตุการณ์พายุคลื่นลมแรงในทะเลชายฝั่งอำเภอปากพนัง อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอหัวไทร และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เช้ามืดของวานนี้ (16 เม.ย.66) ทำให้เรือเล็กอับปางหลายลำ


ล่าสุดมีภาพวินาทีชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยพายเรือคายัคฝ่าคลื่นยักษ์ช่วยชาวประมงพื้นบ้านเรือล่ม ลอยคอกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณอ่าวท่าศาลา จะเห็นเรือคายัค โดนพายุพัดถล่มรุนแรงล่มไปอีก 1 ลำ แต่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยพากลับเข้าฝั่งรอดตายปาฏิหาริย์ อีกรายสูญหาย ระดมกำลังตามหาพบลอยคอกลางทะเลช่วยเหลือปลอดภัย


ภาพที่เห็นเป็นคลิปเหตุการณ์ ขณะที่ชาวประมงคนหนึ่งลอยคออยู่กลางทะเล ท่ามกลางคลื่นยักษ์ พยายามดำผุดดำว่ายอยู่อย่างต่อเนื่อง ระยะอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 1 กม. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้นำเรือคายัคจำนวน 2 ลำ พายออกไปช่วยเหลือ ชาวประมงคนดังกล่าว โดยนำโฟมขนาดใหญ่ออกไปด้วย เพื่อใช้ในการให้ความช่วยเหลือ ท่ามกลางกระแสคลื่นยักษ์ แต่ไม่สามารถฝ่าคลื่นลมเข้าไปช่วยเหลือได้ เพราะเมื่อเข้าไปใกล้ก็คลื่นพัดพาเรือคายัค และผู้ประสบภัยทำให้ห่างกันออกไปอีก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ละความพยายามได้พายเรือคายัคตามร่างของผู้ประสบภัยไปเรื่อย ๆ จนทำให้เรือคายัคกู้ภัยล่มไปอีก 1 ลำ จนต้องลอยคอ กระทั่งเรือคายัคอีก 1 ลำ ที่มีเจ้าหน้าที่กู้ภัย 2 คน ตามมาจนทันและสามารถช่วยเหลือได้ทัน รวมทั้งสามารถช่วยชาวประมงที่ลอยคออยู่กลางทะเลหลายชั่วโมง และนำทั้งสองกลับเข้าฝั่งได้อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางความดีใจของญาติ ๆ ก่อนนำส่ง รพ.ท่าศาลา


สำหรับเหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นได้เกิดอย่างฉับพลัน อากาศเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที ได้เกิดคลื่นลมแปรปรวน พายุลมหัวด้วน ซัดรุนแรงจากอ่าวนครศรีธรรมราช ซัดเข้าหาฝั่งใน 3 อำเภอ คือ อำเภอปากพนัง อำเภอเมือง อำเภอท่าศาลา นอกจากลมที่มีความรุนแรงแล้ว ยังส่งผลให้คลื่นยกตัวเข้าซัดเรือประมงพื้นบ้านจำนวนมากได้ล่มกลางทะเล ยังไม่ทราบชะตากรรมชาวประมงหลายสิบคน


นอกจากนี้ ยังมีรายงานเรือนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เช่าออกไปตกปลาในอ่าวปากนคร อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรมเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นมีรายงานว่า ทีมเจ้าหน้าที่ อบต.ท่าศาลา จำนวน 4 คน ได้นำเรือออกไปค้นหาช่วยเหลือชาวประมง แต่กลับประสบเหตุเองจากภาวะคลื่นลมแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองด้วยเสื้อชูชีพและถูกช่วยกลับเข้าฝั่งได้


ที่อ่าวปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวได้เข้าติดตามสถานการณ์ เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. คลื่นลมยังมีความรุนแรงอยู่มาก ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านอย่างน้อย 2 ลำ ได้นำเรือออกไปค้นหาเพื่อนชาวประมงที่ประสบเหตุในอ่าว โดยยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด มีการช่วยเหลือมาได้อย่างน้อย 5 คน ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า บริเวณหน้าอ่าวปากนครที่ทราบแล้วขณะนี้ มีเรือล่มมากกว่า 10 ลำ ส่วนชาวประมงยังไม่ทราบจำนวน ยังสูญหายอยู่กลางทะเล


ส่วนที่อ่าวปากพนัง พบว่า มีเรือประมงมากกว่า 10 ลำ ประสบเหตุเช่นเดียวกันบริเวณอ่าวแหลมตะลุมพุก ตำบลบางพระ ตำบลขนาบนาค และใกล้เคียง นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอปากพนัง ระบุว่า มีรายงานเบื้องต้นขณะนี้มีจำนวนเรือที่ประสบเหตุมากกว่า 10 ลำ มีผู้สูญหายยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ


ทีมข่าวลงพื้นที่ ได้สอบถาม คุณโกมล จิตนาธรรม ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เล่าให้ฟังว่า ตัวเองออกเรือไปตั้งแต่เช้าทะเลนิ่งมาก ออกไปได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะมีหมอกเต็มไปหมดมองไม่เห็นอะไร จากนั้นคลื่นก็มาอย่างกะทันหัน เอาไม่ทันตัวเองลงข่ายไปแล้วหนึ่งปาก เห็นท่าไม่ดีจึงได้เก็บและรีบเข้าฝั่ง รอดมาได้หวุดหวิด คุณโกมลยังบอกอีกว่าออกเรือมา 40 ปี ไม่เคยเจอแบบนี้


นายสมคิด มณีวงศ์ คุณพ่อของผู้เสียชีวิต นายอนุสรณ์ มณีวงศ์ ลูกชาย อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ได้ยินข่าวว่าเขาเตือนทางภาคเหนือ อีสาน ว่าจะมีลมแต่ไม่คิดว่าบ้านเราจะมีอะไร ออกจากฝั่งไปตั้งแต่ 6 โมง นั่งรอจนถึง 7 โมง รอให้มีแสงสว่าง จึงได้วางอวน วางอวนไปได้ผืนเดียว ลมก็เริ่มมาตัวเองกับลูกชายก็เลยหยุด จากนั้นก็ชวนกันนั่งกินข้าวได้สองสามคำ ลมก็มามากขึ้นก็เลยกู้อวนกลับ


นายสมคิด คุณพ่อของผู้เสียชีวิต ยังบอกอีกว่า ปกติแล้วจะออกเรือกับภรรยา แต่วันนี้วันอาทิตย์ลูกไม่ได้ไปทำงาน จึงออกไปกับพ่อ พ่อเล่าอีกว่าหลังเอาอวนขึ้นเสร็จ คลื่นไม่ต่ำกว่า 4 เมตร ถล่มเข้าใส่ตัวเอง ออกเรือมาจนถึงตอนนี้อายุ 62 เพิ่ง จะเคยเจอและหนักกว่าทุกครั้ง บังคับเรือไม่ได้เลย ก็เลยบอกลูกว่าเราเข้าไม่ถึงฝั่งแน่ ก็เลยเอาแกลลอนเปล่าให้กันคนละลูก แต่ด้วยคลื่นแรงแกลลอนก็ไปกับน้ำว่ายไปเอาก็ไม่ทัน เข้ามาใกล้ถึงฝั่งเรือล่ม ลูกก็เป็นห่วงพ่อว่ายน้ำมาช่วยพ่อ พ่อบอกแล้วว่าขึ้นฝั่งเลย แต่ด้วยความเป็นห่วงพ่อก็ว่ายมาใกล้จะถึงพ่อ แล้วก็หมดแรง ตัวเองก็เลยไปจับลูกแล้วพาลูกเข้าฝั่ง ตัวเองก็เกือบเอาตัวไม่รอด แต่ก็ไม่ทิ้งลูก กลัวว่าจะหาศพลูกไม่เจอ


ทั้งนี้ ที่อำเภอปากพนัง มีเรือออกจากฝั่ง 23 ลำ ลูกเรือ 53 คน เรือล่ม 8 ลำ ขึ้นฝั่งแล้ว 12 ลำ ติดต่อไม่ได้ 3 ลำ ช่วยชีวิตปลอดภัย 45 คน ยังติดต่อไม่ได้ 7 คน เสียชีวิต 1 คน


ขณะที่ นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งตั้งกองบัญชาการช่วยเหลือเรือประมง พร้อมลงพื้นที่ติดตามบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด แต่จากกระแสคลื่นลมแรงจัด จึงได้สั่งการและประสานงานไปยัง พลเรือโทจรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 เพื่อขอสนับสนุนเรือตรวจการ จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย เบื้องต้นได้รับการสนับสนุนและอยู่ระหว่างการเดินทางจากเกาะสมุยเพื่อปฏิบัติการออกค้นหาและช่วยเหลือลูกเรือแล้ว


พร้อมกันนี้ได้ประสานงานไปยัง พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองบังคับการ กองบิน 7 หรือ บน. 7 สุราษฎร์ธานี ในการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ เพื่อออกปฏิบัติการค้นหาทางอากาศ และต้องยุติการค้นหาเมื่อเวลา 19.00 น. เนื่องจากฟ้าปิดและคลื่นลมแรง จะทำการค้นหาตอนเช้าต่อไป


ทั้งนี้มีรายงาน สรุปสถานการณ์ ณ เวลา 18.00 น. ดังนี้

1. อำเภอปากพนัง มีเรือออกจากฝั่ง 48 ลำ ลูกเรือ 121 คน ผลการค้นหาเสร็จสิ้น พบทั้ง 121 คน เรือล่ม 10 ลำ แอดมิท รพ. 2 คน เสียชีวิต 1 คน

2. อำเภอท่าศาลา มีเรือออกจากฝั่ง 3 ลำ ลูกเรือ 5 คน ขึ้นฝั่งแล้ว 3 ลำ บาดเจ็บ 4 คน (ไม่มีผู้สูญหายและเสียชีวิต)

3. อำเภอสิชล มีเรือออกจากฝั่ง 1 ลำ ลูกเรือ 4 คน ช่วยเหลือแล้ว 3 คน สูญหาย 1 คน (ยุติการค้นหาเนื่องจากฟ้าปิดและคลื่นลมแรง จะทำการค้นหาตอนเช้าต่อไป)

4. อำเภอหัวไทร มีเรือออกจากฝั่ง 1 ลำ ลูกเรือ 3 คน ช่วยเหลือแล้ว 3 คน

5. อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีเรือออกจากฝั่ง 8 ลำ ลูกเรือ 16 คน ขึ้นฝั่งแล้ว 8 ลำ บาดเจ็บ 1 คน เสียชีวิต 1 คน

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ZnOBeLaTbIA