สังคม

ร้อน! อุตุฯ เผย 6 เม.ย. ดัชนีความร้อนพุ่ง 'บางนา' 50.2 องศา - สธ. เตือนฮีทสโตรก

โดย passamon_a

6 เม.ย. 2566

510 views

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.66 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ทำให้กลางวันมีสภาพอากาศร้อนจัดซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น เนื่องจากร่างกายจะขับความร้อนออกมาทางเหงื่อ ทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่จำนวนมาก เกิดอาการเพลียแดด หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกได้


โดยการวินิจฉัยว่าเป็นโรคฮีทสโตรก จะดูจาก 1. มีอุณหภูมิร่างกายสูง 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป 2. มีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น สับสน เพ้อ เวียนศีรษะ ตอบสนองช้า หรือชัก 3. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อน ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปและใช้ระยะเวลาจนเกิดอาการผิดปกติ ส่วนใหญ่การเสียชีวิตมักจะมีปัจจัยร่วมกับโรคอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจหรือภาวะความดันโลหิตสูง


นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า จากข้อมูลพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนสูงสุด ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า วันที่ 5 เม.ย.66 ภาคเหนือ ที่ จ.ตาก 41 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ 38.4 องศาเซลเซียส ภาคกลาง เขตบางนา กทม. 45.5 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี 45.8 องศาเซลเซียส และภาคใต้ จ.พังงา 43.3 องศาเซลเซียส


ส่วนวันที่ 6 เม.ย.66 ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ 40.6 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ 41.5 องศาเซลเซียส ภาคกลาง เขตบางนา กทม. 50.2 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออก ที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี 49.4 องศาเซลเซียส และภาคใต้ จ.ภูเก็ต 47.9 องศาเซลเซียส


ซึ่งสภาพอากาศที่ร้อนเกิน 41 องศาเซลเซียส จัดอยู่ในระดับอันตราย อาจทำให้มีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และอาจเกิดภาวะฮีทสโตรกได้ ดังนั้นขอให้ดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากต้องทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม และเมื่อเกิดอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว ให้รีบแจ้งบุคคลที่อยู่ใกล้เพื่อช่วยปฐมพยาบาลทันที


นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า นอกจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด อีกเรื่องที่ต้องระมัดระวังคือ รังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ช่วงวันที่ 3-9 เม.ย.66 กรณีท้องฟ้าโปร่ง เวลา 12.00 น. มี 25 จังหวัด ที่มีค่าดัชนียูวีอยู่ในระดับสูงจัด (มากกว่า 11 ขึ้นไป) ซึ่งจะทำให้เกิดผิวหนังเกรียมแดด (Sun Burn) ส่งผลเสียต่อดวงตาได้ในเวลาไม่กี่นาที และระยะยาวจะทำลาย DNA ได้แก่ เชียงราย / เชียงใหม่ / น่าน / ลำปาง / หนองคาย / สกลนคร / ขอนแก่น / อุบลราชธานี / บุรีรัมย์ / นครราชสีมา / กำแพงเพชร / เพชรบูรณ์ / นครสวรรค์ / กาญจนบุรี มีค่าดัชนียูวี 11


ส่วน กทม. / จันทบุรี / ชลบุรี มีค่าดัชนียูวี 12 และ ตราด / ประจวบคีรีขันธ์ / ชุมพร / สุราษฎร์ธานี / นครศรีธรรมราช / ภูเก็ต / สงขลา / นราธิวาส มีค่าดัชนียูวี 13 จึงขอให้หลีกเลี่ยงการออกแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 09.00-15.00 น. หากจำเป็นควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดด


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/i0R2O-Mv-Mg

คุณอาจสนใจ

Related News